บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 แม่เลี้ยงเดี่ยว

เพราะการจากไปอย่างกะทันหันของน้องสาวและแฟนหนุ่มทำให้พีรญาต้องรับหน้าที่ในการเลี้ยงหลานชายวัยเพียงแค่สองเดือนในตอนนั้น

เธอลาออกจากงานประจำมารับทำงานฟรีแลนซ์พร้อมกับการเลี้ยงดูอธิปไปด้วยเพราะคำนวณดูแล้วประหยัดกว่าการจ้างพี่เลี้ยงช่วยดูแล

ครอบครัวของฝ่ายชายนั้นไม่ยอมรับน้องสาวเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และไม่ยอมรับอธิปแม้จะมีสายเลือดของพวกเขา ตอนเกิดอธิปจึงใช้นามสกุลของมารดาแทนตั้งแต่แรก

ในตอนนั้นชีวิตทุกอย่างเหมือนจะลงตัว รายได้ของเธอทำให้เลี้ยงดูหลานชายที่เธอรับเป็นลูกบุญธรรมได้มาเกือบสองปีก่อนที่เขาจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้หญิงสาวต้องเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น

และหมอเฉพาะทางที่มีแต่ในโรงพยาบาลเอกชน เธอจึงต้องยอมควักเงินเก็บเท่าที่มีและทยอยขายของมีค่าออกไปจนหมดเพื่อการรักษาในครั้งนี้จนแทบจะไม่เหลืออะไรติดตัว

ในตอนนี้พีรญานั่งมองลูกชายตัวน้องของตนที่ยิ้มแย้ม การผ่าตัดนั้นราบรื่นและผลลัพธ์ที่ออกมาก็ทำให้อีกฝ่ายหายดี กลับมาหัวเราะและเล่นของเล่นได้อย่างร่าเริงอีกครั้ง

โชคดีที่อธิปเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ตื่นกลัวคน เวลาหมอและพยาบาลเข้ามาก็แจกรอยยิ้มสดใส ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอจึงวางใจให้เขาอยู่ในการดูแลของพยาบาลพิเศษในช่วงที่เธอไม่อยู่ได้

“อยากกลับรึยังครับคนเก่ง” นายแพทย์เจ้าของไข้ถามด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้ออย่างเอ็นดู

เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าแล้วคว้าหมับเข้าที่มือของหมอแล้ววางของเล่นลงในมือของเขา

นั่นเป็นการแสดงความขอบคุณของเด็กชาย เขาคงรู้ว่าหมอได้ช่วยทำให้เขาหายดีและทำการขอบคุณอีกฝ่ายด้วยของเล่นชิ้นโปรดของตน

“หมอให้คืน เป็นรางวัลที่น้องอาร์มเป็นเด็กดีไม่งอแง” เขาบอกเสียงนุ่ม

“น้องอาร์มจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหนคะ” พีรญาถามเพราะเกรงว่าจะเกินงบที่ศานต์ช่วยเหลือเอาไว้

“วันนี้ครบหนึ่งสัปดาห์หลังผ่าตัดพอดี ถ้าจะกลับบ้านก็ได้ครับ แต่เดือนหน้าต้องเข้ามาติดตามอาการ แล้วก็ห้ามให้น้องอาร์มทำกิจกรรมหนักๆ เช่นการวิ่งหยอกล้อกัน” นายแพทย์หนุ่มอธิบายอย่างใจเย็นและน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา

“ค่ะ งั้นขอกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านค่ะ” หญิงสาวเลือกหนทางนั้นแล้วหันไปยิ้มให้ลูกชาย

ในตอนบ่ายหลังจากให้นทีเคลียร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แล้วเขาก็อาสาพาเธอกลับไปส่งที่ห้องพัก

“ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณศานต์ให้คุณแพนพักหนึ่งวัน พรุ่งนี้ค่อยไปทำงาน” เขาบอกเธอเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังเป็นกังวลอยู่

“ค่ะ” เธอยิ้มรับด้วยความดีใจ นั่งเบาะด้านหลังกับลูกชายที่นั่งซึมอยู่บนตักเพราะรู้สึกสะเทือนแผลการจากเดินทางในครั้งนี้

“แล้วเรื่องน้องอาร์มไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับดาคุยกันไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลให้ มีห้องพักที่เรือนคนใช้ว่างอยู่ห้องหนึ่ง คุณแพนจะย้ายมาอยู่เลยก็ได้หรือว่าจะใช้พักชั่วคราวช่วงกลางวันก็ได้” เขาบอกเธอแล้วรอฟังว่าอีกฝ่ายจะยอมรับข้อตกลงหรือไม่

พีรญาไม่ลังเลที่จะรับน้ำใจจากเขาเพราะเธออยากประหยัดให้มากที่สุด ข้าวของในห้องตอนนี้ก็มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเพราะข้าวของเครื่องใช้ทยอยขายนำเงินมาใช้จนหมดแล้ว

“แล้วคุณศานต์เขาจะไม่ว่าเอาเหรอคะที่จะให้ฉันไปอยู่ที่นั่น”

“เขาไม่มาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้หรอกครับ เผลอๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณแพนพาลูกมาอยู่ที่บ้าน ย้ายไปเถอะครับเพราะเดินทางไปกลับไม่น่าจะดีต่อน้องอาร์ม” เขาหว่านล้อมเธอด้วยการชี้นำให้คิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

“ก็ได้ค่ะ งั้นฉันจะเก็บของย้ายห้องเลยนะคะ พอดีว่าในห้องไม่มีอะไรอยู่แล้วขนเที่ยวเดียวก็หมด” เธอบอกเขาอย่างไม่อาย

นทีได้แต่เงียบ ชีวิตเธอหลังจากออกมาจากศานต์นั้นเหมือนจะไปได้ไม่สวยนัก หากตอนนั้นหญิงสาวไม่เลือกผู้ชายคนอื่นป่านนี้คงเป็นนายหญิงของบ้านแล้วอยู่อย่างสุขสบายไปแล้ว

************************

กระเป๋าเสื้อผ้าจำนวนสองใบและลังกระดาษใส่ของอีกหนึ่งลังถูกขนมาวางไว้ที่ห้องพักเรือนคนรับใช้ด้านหลังที่ใหญ่กว่าห้องเช่าของเธอเสียอีกจนพีรญาได้แต่ยิ้มสมเพชในโชคชะตาของตน

การได้รับความช่วยเหลือจากศานต์ยกเว้นเรื่องสัญญาทาสและงานที่ไม่สมเหตุสมผลที่เขาให้เธอทำแล้ว นอกนั้นเหมือนว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเธอ

หญิงสาวพาเด็กชายตัวน้อยไปนอนพักบนเตียงกว้างขนาดหกฟุต แล้วจัดเสื้อผ้าและของใช้ออกมาวางเรียงให้เข้าที่ มองไปรอบๆ ห้องนี้ที่เธอจะต้องอยู่ต่อไปอีกสองเดือนด้วยความหวังว่าจะไม่ถูกศานต์ขับไล่ไปก่อนกำหนด

หากไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องการเดินทางในการพาลูกชายมาทำงานด้วยเธอคงไม่หน้าด้านพอที่จะบากหน้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านไม่ได้รับรู้

นทีโทรไปรายงานความคืบหน้าให้แก่ศานต์รู้ ความเคลื่อนไหวทุกอย่างที่เกิดขึ้นตามที่เจ้านายสั่งเอาไว้

ตอนนี้ศานต์อยู่ที่บริษัท ตรงหน้าเขาคือธนิดาที่พยายามจะทำตัวมากกว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจ แต่ศานต์ก็ไม่ให้โอกาสเธอไม่ว่าตอนที่เขายังมีพีรญาและตอนนี้ที่เขายังไม่มีใคร ธนิดาก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด

ในขณะที่หญิงสาวกำลังเอาเรื่องงานมาบังหน้าเพื่อพูดคุยกับเขา สายโทรศัพท์จากนทีก็ดังขึ้นทำให้เขายกมือให้หญิงสาวหยุดพูดแล้วรีบกดรับสายนั้นที่ตนรอฟังเรื่องของพีรญาอยู่

เขาเงียบฟังรายงานจากนทีอย่างตั้งใจโดยไม่พูดอะไร ธนิดามองด้วยความสงสัยว่าสายนั้นเป็นสายจากใครทำไมทำให้เขาถึงขั้นยกมือสั่งให้ตนหยุดพูดแบบนี้

จนกระทั่งรายงานความคืบหน้านั้นจบลง เขาก็บอกปลายสายเสียงเรียบ “อย่าลืมที่สั่งไว้ล่ะ”

โทรศัพท์ถูกวางลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ผายมือให้เธอพูดต่อในสิ่งที่เขาเองก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่อยากให้เธอรีบพูดให้จบแล้วรีบไปจากห้องของเขาก็เท่านั้น

ธนิดายิ้มรับเมื่อรู้ว่าปลายสายนั้นเป็นเรื่องงาน เธอพูดเรื่องยอดขายและกำไรของบริษัทที่เขาลงทุนร่วมแล้วเสนอให้มีการลงทุนเพิ่มในสินค้าตัวใหม่

“รายงานผลกำไรเบื้องต้น นิเลยอยากจะลงทุนเพิ่มในสินค้าอีกตัวคุณศานต์จะว่ายังไงคะ” เธอถามเขาเสียงหวาน

หญิงสาวพยายามทำตัวเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งทั้งๆ ที่การบริหารงานทุกอย่างนั้นขับเคลื่อนตามระบบที่มันดีเพราะตัวของมันเองอยู่แล้ว

“ขอผมดูรายละเอียดก่อนก็แล้วกัน” เขาตอบเสียงเรียบ ดูออกทุกอย่างเพียงแต่ไม่อยากหักหน้าเธอ

“เย็นนี้นิขอเอารายละเอียดไปหาคุณที่บ้านได้หรือเปล่าคะ เราจะได้กินข้าวไปคุยไป” เธอถามเสียงนุ่ม หาทางเข้าใกล้เขาไม่หยุดมาตลอดหลายปีนี้แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก

“ผมไม่สะดวกคุยงานที่บ้าน มีอะไรก็ติดต่อนัดหมายผ่านเลขาของผมแล้วคุยกันที่นี่ดีกว่า” เขาบอกเธอตามตรง

หญิงสาวยิ้มเจื่อนเก็บอาการเสียหน้าของตนด้วยรอยยิ้มที่ฝืนนั้นด้วยความผิดหวัง

************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel