4.2 ได้โปรด
“ทำไมถึงคิดว่าท้อไม่ได้ล่ะ?” วันนี้ทิวากรมาแปลกจริง ๆ จิบไวน์ไปด้วยก็มองวราลีไปด้วย นึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้ถึงได้สงสัยใคร่รู้มากขนาดนี้
“เพราะมีคนที่รออยู่ ถ้าลีท้อแล้วตายไป…ลีจะไม่ได้เจอเขาอีก”
“คนรักเหรอ?” เขาเคยสั่งเอาไว้แล้วว่าหากวันไหนที่วราลีมีแฟนให้บอก เขาไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร
“พี่ชายค่ะ ป่วยเป็นเจ้าชายนิทรามาเจ็ดปีแล้ว” เอาล่ะ เวลานี้วราลีเข้าใกล้ปานชีวามาอีกนิดแล้ว แค่ไหลไปตามคำถามของทิวากร ก็เหมือนจะมีช่องทางให้เธอได้ถามเขาบ้าง “คุณทิวากรถามเรื่องของลี ถ้าลีจะขอถามเรื่องคุณบ้างได้ไหม?”
“ผมไม่ชอบตอบคำถามใคร” เขาเหนื่อยกับการตอบคำถามมากมายในที่ประชุม นอกเวลางานเลยไม่อยากทำอีก “แต่ก็สงสัยว่าคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม”
“เยอะเลยค่ะ แต่ไม่กล้าถาม” วราลีอมยิ้ม
“ลองถามมาสิ ถ้าอยากตอบผมจะตอบ” ไวน์เข้าปากแล้วมันก็ง่ายแบบนี้แหละ
“จะแต่งงานไหมคะ?”
“คิดว่าไงล่ะ ผมอายุสามสิบสองแล้ว…เคยหย่ามาสามครั้งแล้วด้วย” คุณคนขรึมไม่มานั่งสงสัยว่าทำไมวราลีถึงตั้งคำถามแบบนั้น เธอถามก็คงเพราะอยากรู้ และข่าวเรื่องเขาเคยหย่ามาแล้วสามครั้งก็มีให้อ่านตามอินเทอร์เน็ต “คุณคิดว่าผมจะแต่งงานอีกไหม?”
“อืม…” ครุ่นคิด หรี่ตามองเขาอยู่ครึ่งนาที “คุณไม่อยากแต่งงานแล้ว เป็นลีก็คงเหนื่อยกับการแต่งงาน แต่คนระดับอย่างคุณทิวากร…หากต้องแต่งงานเพื่อทำให้ธุรกิจราบรื่น ก็ไม่แน่”
“หึ!” ได้ยินคำตอบทิวากรก็แสยะยิ้มทันที “แต่งงานเพื่อให้ธุรกิจราบรื่นเหรอ? น่าสนใจดีนะ แต่พอดีว่ามันยังไม่มีใครที่ทำให้ธุรกิจของผมติดขัดได้น่ะสิ ต่อให้มี…ผมคิดว่าตัวเองแก้ไขมันได้ ไม่จำเป็นต้องเอาทั้งชีวิตไปติดแหง็กกับใครอีกคนเพื่อธุรกิจหรอก”
“ก็จริงนะคะ คุณทิวากรดูฉลาด คุณคงแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ”
“ใครว่าผมฉลาด?” เขาเคยถูกผู้หญิงหลอกมาแล้วถึงสามครั้งด้วยกัน วราลีจะไปรู้อะไร
“ถ้าไม่ฉลาดก็คงไม่หย่ามาสามครั้งหรอกค่ะ หย่าแต่ละครั้งคงสร้างความเสียหายไม่น้อย ลองถ้าคุณทิวากรฉลาดน้อย…คงเลือกที่จะทนครองคู่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ตัวเองไม่ด่างพร้อย ลีก็พูดไปเรื่อย…”
“ทุกคนบอกว่าผมโง่ที่หย่า มีแต่คุณที่บอกว่าผมฉลาด” จริงอย่างเธอว่า ทุกครั้งที่หย่ากับภรรยาเก่าทั้งสาม เครืออนันต์ได้รับผลกระทบไม่น้อย แถมยังมีข่าวเสีย ๆ หลุดออกมา อย่างเช่นว่าทิวากรเป็นพวกใช้เมียสิ้นเปลือง
“แล้วชอบไหมคะ?”
“ชอบอะไร?”
“การถูกชมอย่างจริงใจ” วราลีไม่แม้แต่จะละสายตาไปจากทิวากรสักวินาที ราวกับว่าถูกเขาดึงดูดความสนใจไปจนหมด
“มีใครบ้างที่ไม่ชอบความจริงใจ แต่จะแนะนำอะไรให้นะ ไม่ใช่ว่ามอบมันให้ใครแล้วคุณจะได้รับกลับคืน…ความจริงใจไม่ใช่ทุกคนจะมี”
“แต่ลีมีค่ะ คิดว่ามีเยอะด้วย แล้วลีก็มอบมันให้คุณทิวากรได้”
“เงินของผมซื้อความจริงใจของคุณได้เหรอ?”
“เปล่าค่ะ คุณของคุณซื้อได้แค่เซ็กส์ ความจริงใจ…ลีให้เอง ให้ด้วยความเต็มใจ” วราลีไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอพูดอะไรออกไป เธอกำลังเคลิบเคลิ้ม แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความรู้สึกที่มีอยู่ในเวลานี้มันไม่ได้บิดเบือนจากสิ่งที่พูดไปเลยแม้แต่น้อย
“ขยับเข้ามาหน่อย” ทิวากรไม่ได้ตอบว่าเชื่อในสิ่งที่เธอพูดหรือไม่ พยักหน้าเรียกเธอที่นั่งอยู่มุมโซฟา แล้วคนตัวเล็กก็ทำตามที่เขาว่า เคลื่อนกายเขยิบเข้าไปนั่งตรงหน้าเขาอย่างว่าง่าย “ถอดชุดคลุมออก”
“ไวน์ยังไม่หมดเลย…”
“ถอดออก” เมื่อเขายืนยันความต้องการ วราลีก็ปลดสายชุดคลุมแล้วปลดเปลื้องมันในทันที เปลือยเปล่าโชว์ความสาวความสวยต่อหน้าเขา “ยื่นมือมา ทั้งสองข้าง”
“จะมัดมือลีเหรอคะ?” พอจะเดาได้แต่ก็ยังถาม ยื่นมือทั้งสองข้างไปตรงหน้า ทิวากรไม่ได้ตอบอะไร…เขาเพียงดึงเอาสายชุดคลุมอาบน้ำมามัดข้อมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้
“นอนลงไป” มัดเสร็จก็ออกคำสั่งพร้อมกับดันร่างเล็กในนอนหงายลงบนโซฟา ไม่รอช้า…คว้าเอาขวดไวน์มาเทราดชโลมลงบนตัวเธอ
“อาห์…” วราลีหลุดเสียงครางออกมาเบา ๆ นิ่วหน้าตกใจเล็กน้อยที่ถูกกระทำ ไม่รู้ว่าทิวากรคิดจะเล่นพิสดารอะไรกับร่างกายของเธออีก “คุณทิวากร…”
“ถ่างขาออก” ยังเหลือไวน์ในขวดอยู่อีกนิด พอวราลีฉีกขาทั้งสองข้าง แผ่หลาความเป็นเธอต่อหน้า เขาก็ราดไวน์ลงกลางกายในทันที “คืนนี้ผมอยากดื่มไวน์บนตัวคุณ”
จบคำนั้นทิวากรก็จรดปลายลิ้นลงบนหน้าท้องแบนราบ เป็นเขาที่ลากเลียเธอ…ดื่มด่ำลิ้นรสไวน์ที่อาบอยู่ตามผิวเนื้อ ไล่ดูดขบเธอ จากหน้าท้องขึ้นมาที่หน้าอก กระหน่ำโกยกินจนเกิดเป็นเสียงสัมผัสดังปะปนกับเสียงคราง เป็นประสบการณ์ใหม่ที่วราลีเพิ่งเคยพานพบ เธอไม่เคยถูกใครโกยกินแบบนี้มาก่อน ความกระสันซ่านมันเคล้าคลอกับความตื่นเต้น บิดเร้ากายไปมาตามความหวามไหว
เธอชอบกับสัมผัสแบบนี้ เหมือนว่าเวลานี้เป็นทิวากรที่กำลังปรนนิบัติรับใช้เธอ เรียวลิ้นอุ่นร้อนทำเอาอยู่นิ่งแทบไม่ไหว ยามที่เขาดูด…ยามที่เขาเลีย สิ่งเดียวที่ทำได้คือร้องครางออกมา หลงลืมหมดแล้วกับคำถามมากมายที่เตรียมมา ตอนนี้เธอเคลิบเคลิ้ม ซาบซ่านสั่นไหวกับปลายลิ้น ต่ำลงเรื่อย ๆ เขาไล่เลียจากสองเต้าลงไปที่หน้าท้อง ต่ำลงอีก…ทิวากรกำลังดื่มด่ำไวน์ที่เนื้อท้องน้อย ต่ำลงอีกครั้งจนถึงเนินเนื้ออวบอูม เม้มดูดความฉ่ำจากปลายขนรำไร จังหวะเริ่มช้าลงในตอนที่เขาเข้าใกล้จุดสั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาอ้อยอิ่งราวกับรู้ว่าเธอต้องการให้เขาดื่มไวน์ที่ตรงนั้น ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยซึ่งจ้องมองมายังเขาพร้อมสายตาเร้าอารมณ์
“คุณทิวากร…” เธอร้องเรียก ส่งสายตาเว้าวอนให้เขากระทำ ได้โปรดดื่มด่ำเธอเสียที “คุณทิวากรได้โปรด…”
“กำลังอ้อนวอนผมเหรอ?”
“ฮึก! ค่ะ…ลีอ้อนวอนคุณอยู่”
“ถ้าผมให้ในสิ่งที่คุณต้องการ แล้วผมจะได้รับอะไรตอบแทน?”
“ลีไม่มีเงิน…”
“ผมมีเงินเยอะแล้ว”
“แล้วคุณอยากได้อะไรคะ?”
“แล้วคุณมีอะไรล่ะ? ที่เพิ่งบอกผมมา…” ถ้าหากเธอบอกว่ามีความจริงใจให้เขา เขาก็อยากจะเชื่อและยอมรับมันไว้ แต่เขาไม่ชอบอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ และไม่ชอบแบ่งอะไรกับใครด้วย ถ้าเธอจะให้…ต้องให้เขาทั้งหมด และให้เขาแค่คนเดียวเท่านั้น
“ความจริงใจเหรอคะ? ลีจะให้คุณ…ลีจะให้ความจริงใจกับคุณทิวากร”
“แค่จริงใจเหรอ? ผมอยากได้มากกว่านั้น…”
“อะไรอีกคะ?”
“ความซื่อสัตย์ ผมอยากให้คุณซื่อสัตย์ต่อผม เทิดทูนผม ยกผมให้อยู่เหนือเหตุผลทุกอย่าง คิดว่าทำได้ไหม?”
“คะ?” พูดออกมาเลยเถอะว่าต้องการให้เธอยกเขาเป็นเจ้าชีวิต ถ้าจะให้เทิดทูนกันขนาด พูดมาเลยดีกว่าว่าเขาอยากครอบครองชีวิตเธอ แต่หากมันแลกมาด้วยเงินและความสุขสบาย ความปลอดภัย มันก็คุ้มที่จะเสี่ยงไม่ใช่หรือไง? “ลี…ลีจะทำค่ะ ลีจะเทิดทูนคุณทิวากร จะซื่อสัตย์ต่อคุณและยกคุณให้อยู่เหนือทุกเหตุผล ขอแค่คุณทิวากรไม่ทอดทิ้งลีก็พอ…”
“จำคำพูดตัวเองไว้ด้วยล่ะ” เพียงเท่านั้นเขาก็โกยกินเธอ ซุกหน้าลงดูดความเป็นเธอ กอบโกยไวน์รสเลิศเข้าปาก สอดลิ้นเข้าลึกถึงภายในแล้วดูดเรียกน้ำในกายให้ทะลักไหลออกมา แหวกกลีบกุหลาบให้เผยอออก…สดดื่มน้ำหวานผสมไวน์แล้วเต็มปาก ขบดูดสลับละเลงปลายลิ้นเลียตรงเกสร วราลีหวานฉ่ำไปทั้งตัว มันเป็นรสชาติที่ทิวากรชอบ เขาชอบรสหวานจากตัวเธอเหลือเกิน
“อ๊าห์! ฮึก! คุณทิวากร…ลีเสียวค่ะ! เสียวเกินไปแล้ว” เช่นเดียวกับวราลี เธอหลงใหลคลั่งไคล้การถูกโกยกิน กระดกสะโพกยกร่อนกายสาวรับลิ้นอุ่นร้อนเร็วรัว สองมือที่ถูกมัดคว้าเข้ากับศีรษะทิวากร กดเขาให้แนบลงมา กระดกอีกครั้ง แอ่นความเป็นเธอเข้าหาเขา ฉีกขาให้กว้างออกวิ่งกว่าเดิม
“อ๊าห์! ลีไม่ไหว! อึก! ไม่ไหวแล้วค่ะ!” แล้วคนตัวเล็กก็ทิ้งก้นลงกับโซฟาหนัง กระตุกสั่นงึก ๆ เมื่อสำเร็จความใคร่ เธอหอบออกมาเล็กน้อย นิ่วหน้ามองคนที่อยู่ตรงหว่างขา มันเกิดอะไรขึ้น…ทิวากรถูกใจคำไหนของเธอ อยู่ ๆ ทำไมเขาถึงทำสิ่งที่ไม่เคยทำ? แบบนี้แสดงว่าเขา…ชอบเธอแล้วอย่างนั้นหรือ?
“พร้อมจะเจ็บตัวแล้วหรือยัง?”
แต่ไม่หรอก
เขาไม่ชอบเธอหรอก เพราะหากจะชอบ…ก็คงชอบไปนานแล้ว
