3.2 เรื่องสนุก
พนักงานดูแลลูกค้าวีไอพีประจำเลาจน์มีทั้งหมดหกคน ไม่รวมแอดมินต้อนรับลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้า พนักงานเสิร์ฟและคนในครัว แค่หกคนเท่านั้นที่มีหน้าที่เข้าใกล้ลูกค้า คอยดูแลเอาใจ ช่วยรันออเดอร์และเสิร์ฟบ้างเป็นครั้งคราว เลาจน์ของห้างโมเมนตัมแบ่งตามระดับการ์ดที่ลูกค้าถือ ซึ่งสถานที่ที่วราลีทำงานอยู่นั้นคือมีชื่อว่าเดอะ ไดมอนด์ เป็นเลาจน์สำหรับลูกค้าที่ถือแบลคการ์ดและจ่ายเงินให้กับห้างไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าคนที่มาใช้บริการเดอะ ไดมอนด์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิง คุณนาย เป็นดาราระดับตัวท็อป หรือพวกไฮโซที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังมาละลายเล่น
เพราะแบบนั้นการจะเข้ามาเป็นพนักงานดูแลลูกค้าระดับนี้ได้จะต้องดูดี มีการศึกษา รู้จักวางตัว ที่สำคัญคือต้องมีรสนิยม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งในเลาจน์ หากไม่มากับคนใกล้ชิด ก็จะเป็นพวกขี้เหงา ต้องการคนเอาใจ หน้าที่อันดับแรกที่พนักงานดูแลต้องทำคือเข้าไปเอาใจและคอยรับฟัง รวมถึงเสนอสินค้าใหม่ ๆ ของห้าง อย่างที่รู้กันดีว่าหากขายได้ก็มีค่าคอมมิชชัน แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ตามราคาสินค้าและยังได้ทิปส์อีกด้วยหากว่าดูแลดีจนลูกค้าพึงพอใจ
วราลีทำงานที่นี่มาสองปี เธอรู้ดีว่าคนรวยส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการจะฟังความเห็นจากคนที่มีน้อยกว่า พวกเขาเพียงแค่อยากพูด อยากอวด อยากระบายความอัดอั้นในใจ สิ่งเดียวที่เธอทำคือฟังแล้วก็ยิ้ม เอ่ยชม ชมและชมเท่านั้น คุณหญิงคุณนายหลายคนชอบใจวราลี เพราะเธอไม่เคยยัดเยียดขายของ เธอแค่มานั่งฟังพวกเขาอวดรวย แถมยังหน้าตาสวย มองดูแล้วสบายหูสบายตา แต่มันก็มีลูกค้าที่ไม่ชอบวราลีเอาเสียเลย เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาแปลก ๆ อยู่ใกล้แล้วก็อึดอัด ไม่เข้าใจว่าทำไมวราลีที่ดูเหมือนทำงานไม่ได้เรื่องถึงไม่ถูกไล่ออกไปเสียที
“ทำไมเป็นเธอที่มาดูแลฉัน?” ศรัยฉัตร ดาราสาวคนดังเอ่ยถามกับวราลี ท่าทางและน้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่วันนี้เป็นยัยหน้าตายคนนี้มาดูแล เธอเกลียดหน้านิ่ง ๆ กับแววตาเย้ยหยันของวราลีเหลือเกิน
“เพราะวันนี้พนักงานที่เหลือติดลูกค้าคนอื่นอยู่ค่ะ ถ้าคุณศรัยฉัตรไม่ต้องให้ลีดูแล ลีจะไปตาม…”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวลูกค้าคนอื่นจะไม่พอใจเอาได้ ถ้าฉันไปแย่งพนักงานของพวกเขามา เธอนั่งนี่แหละ…แล้วก็ช่วยเช็ดรองเท้าให้หน่อย ไม่รู้ว่าไปเหยียบอะไรมา มันเลอะ” ดาราสาวออกคำสั่งพร้อมความมั่นใจ มั่นใจเสียเต็มประดาว่าวราลีผู้ไม่มีทางเลือกจะต้องยอมเช็ดรองเท้าให้ พูดไปพลางหยิบโทรศัพท์มือถือที่มีสายเรียกเข้าขึ้นมากดรับสาย “ว่าไงจ๊ะคนสวย วันนี้โทรหาฉันได้แสดงว่าเธอว่างสินะ?”
“งั้นเหรอ? ตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ห้าง มาที่เลาจน์สิ…”
“ทำไมล่ะ? ลองมาสักครั้งเถอะแล้วเธอจะติดใจ เค้กที่นี่รสชาติดีมาก หากินที่อื่นไม่ได้ด้วย”
“มาเถอะน่ะ เธอจ่ายเงินให้ห้างนี้มากกว่าฉันซะอีก มาลองใช้งานเลาจน์ดูสักครั้งเถอะ”
“เยี่ยม ฉันจะรอนะ” ศรัยฉัตรวางสายพร้อมรอยยิ้ม แต่เมื่อหันมาเห็นว่าวราลียังคงยืนนิ่งแถมรองเท้าแบรนด์เนมราคาแพงของเธอก็ยังคงมีรอยเลอะเหมือนเดิม รอยยิ้มก็หายไปในทันที “ทำไมยังไม่เช็ดอีก?”
“เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของลีค่ะ” วราลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ทว่าสายตาของเธอแข็งกร้าวฉายแววไม่ยอมคน เธอเป็นพนักงานดูแลลูกค้าก็จริง แต่เธอไม่ใช่คนรับใช้ การเช็ดรองเท้าไม่ใช่หน้าที่ของเธอ รวยกว่าศรัยฉัตรหลายสิบเท่าเธอก็เคยเจอมาแล้ว ยิ่งใหญ่กว่านี้เธอเจอมาหมด แต่ยังไม่เคยเจอใครที่กล้าสั่งให้คนอื่นเช็ดรองเท้าให้เลยสักครั้ง
“แล้วหน้าที่เธอคืออะไร?” แม่ดาราสาวถามกลับทันที
“ดูแลลูกค้า อำนวยความสะดวก บริการให้ลูกค้าประทับใจค่ะ”
“ก็นี่ไง…ฉันสั่งให้เธอเช็ดรองเท้า เช็ดรองเท้าฉันเดี๋ยวนี้! แล้วฉันจะประทับใจ!” เสียงแหลม ๆ ของศรัยฉัตรทำให้ลูกค้าคนอื่นต้องหันมามอง
“รบกวนเบาเสียงด้วยค่ะคุณศรัยฉัตร ลีขอโทษจริง ๆ ที่ไม่สามารถเช็ดรองเท้าให้คุณได้ แต่ถ้าคุณต้องการทำให้ลีอำนวยความสะดวกอย่างอื่นให้ ได้โปรดแจ้งมาเลยค่ะ”
“ทำไมเธอเช็ดรองเท้าให้ฉันไม่ได้? แล้วทำไมฉันต้องเบาเสียง?!”
“เพราะมันไปรบกวนลูกค้าท่านอื่นค่ะ และที่เช็ดให้ไม่ได้…ลีก็ได้บอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของลี”
“ก็เธอเพิ่งบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหน้าที่ของเธอคือ… อา! นึกออกแล้ว” อยู่ ๆ ศรัยฉัตรก็เผยรอยยิ้มออกมา “หรือว่าต้องมีรางวัล?”
“…” วราลียังคงวางนิ่ง มองดูศรัยฉัตรหยิบกระเป๋าเงินใบแพงออกมา
“ห้าพัน เช็ดรองเท้าให้ฉัน!” วางเงินใบเทาจำนวนห้าใบพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง กอดอกอมยิ้มมองดูว่าวราลีจะทำหน้ายังไง
ห้าพัน!
อีดารานี่แค่อยากจะเอาชนะเรา! เลยยอมเสียเงินตั้งห้าพัน!
เห็นเงินแล้ววราลีก็เริ่มลังเล คนอย่างเธอต่อให้คิดว่าตัวเองก็มีศักดิ์ศรี มีค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากคนอื่น แต่เชื่อได้เลยว่าคนอย่างศรัยฉัตรไม่ได้คิดแบบนั้น และแค่เช็ดรองเท้านิดหน่อยได้ตั้งห้าพัน…เงินนั่นมากพอที่จะจ่ายค่ากินของเธอได้ตั้งครึ่งเดือน ลองคิดดูสิว่าหากเธอยังไม่ยอมทำตาม แน่นอนว่าศรัยฉัตรก็ต้องเอาเรื่อง ตามจองเวรเธอแน่ เธอคงโดนหัวหน้าเรียกไปคาดโทษ เผลอ ๆ อาจหนักจนถึงขั้นไล่ออก แบบนั้นมันไม่คุ้ม มีแต่เสียกับเสีย
“ขออนุญาตค่ะ” คิดได้แล้ววราลีก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้น หยิบทิชชูเปียกในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาเช็ดรองเท้าให้ศรัยฉัตร
“หึ! อยากได้เงินก็บอกกันตรง ๆ สิ ไอ้ฉันก็คิดว่าเธอมีศักดิ์ศรี ที่แท้ก็แค่…หิวเงิน!” ศรัยฉัตรยิ้มเย้ยมองดูวราลีด้วยสายตาดูถูกดูแคลน เป็นเวลาเดียวกับที่ใครบางคนเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ “ไงจ๊ะแม่คนสวยของฉัน”
“อะไรน่ะศรัย? ถึงกับต้องให้เขาเช็ดรองเท้าให้เลยเหรอ?” นำเสียงนี้เหมือนวราลีเคยได้ยินมาก่อน พอเงยหน้าขึ้นมอง…หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ผู้หญิงที่มาใหม่คนนี้…คนที่นังดารานิสัยเสียเรียกว่าคนสวย ที่แท้ก็คือคนที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ชายของเธอต้องนอนเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาลมาเจ็ดปี!
“นิดหน่อยน่ะป่าน มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว” ศรัยฉัตรเอ่ยกับปานชีวา เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่ยอมคบกับเธอมาจนถึงทุกวันนี้
“?!” ปานชีวานิ่งไปถนัดตาเมื่อได้เห็นว่าคนตรงหน้าคือวราลี น้องสาวของวริศ…แฟนเก่าที่เธอทิ้งไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ทว่าเธอกลับทำเหมือนไม่รู้จัก
“เสร็จแล้วค่ะคุณศรัยฉัตร” วราลีแปลกใจไม่ใช่เล่นที่ปานชีวาวางนิ่งทำเหมือนไม่รู้จักเธอ แต่ก็ยังวางเฉยเอาไว้ก่อน พอทำความสะอาดรองเท้าให้ศรัยฉัตรเสร็จก็หยิบเงินห้าพันบาทมาใส่กระเป๋าเสื้อสูท ยูนิฟอร์มของพนักงานประจำเลาจน์
“ฉันอยากได้เลมอนเค้ก ซิกเนเจอร์ของที่นี่ แล้วก็อเมริกาโน่ร้อนสองแก้ว” ดาราสาวออกคำสั่งอีกครั้ง
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” รับออเดอร์แล้วก็ลุกเดินออกมา ทว่ายังประวิงเวลาเดินให้ช้าลงเพื่อรอฟังว่าลูกค้าสองคนคุยอะไรกัน
“เธอจ่ายเงินให้เขาเช็ดรองเท้าให้เหรอศรัย? แบบนั้นมันดูถูกเขาชัด ๆ” คำถามของปานชีวาดังมาเข้าหูวราลี
“ก็ถ้าไม่จ่าย มีเหรอที่ยัยนั่นจะยอมทำตามคำสั่งฉัน? ก็แค่แกล้งเล่นน่ะ…โทษฐานที่ทำตัวน่าหมั่นไส้ ฉันเหม็นหน้ายัยนั่นมาสักพักแล้ว เกลียดนักสายตาหยิ่ง ๆ เป็นแค่พนักงานห้าง กล้าดียังไงมาทำหยิ่งใส่ลูกค้า?”
“เจอมานานแล้วเหรอ? พนักงานคนนั้นน่ะ?”
“ก็ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มเข้ามาใช้งานเลาจน์นี่แหละ ว่าแต่เธอเถอะ…ได้ไปดินเนอร์กับคุณทิวากรหรือยัง?” วราลีเกือบจะเดินเข้าไปด้านในอยู่แล้ว แต่พอได้ยินศรัยฉัตรเอ่ยถึงชื่อทิวากรขึ้นมา สองเท้าก็ชะงักลงในทันที เชื่อได้อย่างเต็มอกว่าทิวากรที่พูดถึงนั้นจะต้องเป็นคนเดียวกับที่เธอรู้จักแน่
“ยังเลย ฉันอยากจะเห็นความพยายามของเขามากกว่านี้น่ะ” หันไปเห็นปานชีวาอมยิ้ม วราลีก็พอจะเดาอะไรออกมาได้บ้าง
“อย่าเล่นตัวนักสิ…คิดว่าใครจะได้รับคำเชิญจากคุณทิวาเขาได้ง่าย ๆ เหรอ?” มันคงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากคนรวยกับคนรวยอยากจะดองกัน และปานชีวาก็คงเล็งทิวากรเอาไว้ เดาได้แบบนั้นวราลีก็แสยะยิ้มออกมาในทันที
มีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้วสินะเรา
