3.1 เรื่องสนุก
เมียคนแรกของทิวากรชื่อว่าเวทกา เธอเป็นนักแสดงสาวคนดังที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เวทกานั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เกือบจะทำให้ทิวากรรักได้ เธอสดใส อ่อนหวาน เอาใจเก่ง แต่พอตบแต่งเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว เธอกลับสนใจแต่เรื่องเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ขนาดเขาให้โอกาสเธอได้ทำงานเป็นนักแสดงต่อไป เธอกลับไม่สนใจที่จะทำอะไรเลย งานในเครืออนันต์ก็ไม่เอา จากที่เคยเป็นคนเอาใจเก่งก็กลายเป็นคนที่เรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา อยากได้ทั้งเงินและเวลา อยากได้ทั้งหน้าตาทางสังคม เธออยากได้หลายสิ่งหลายอย่างจากเขา ทว่าไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายให้ เพราะแบบนั้นทิวากรจึงทนอยู่ไม่ได้ แต่งงานกันได้เพียงหนึ่งปี เขาที่เกือบจะรักเธอ…สุดท้ายก็หันหัวเรือกลับ รักไม่ลงแล้วจ่ายเงินให้เธอเซ็นใบหย่าในที่สุด
คนที่สองคือไปรยา ไม่รู้ว่าแม่เขาไปหาผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ลูกชายเพิ่งหย่าได้มันถึงสามเดือนก็มีงานแต่งงานเกิดขึ้นอีกครั้ง และเพื่อตัดความรำคาญ ทิวากรยอมแต่งงานกับไปรยาทั้ง ๆ ที่แทบไม่รู้จักเธอเลย คนนี้แต่งกันได้แปดเดือนก็แยกทาง เพราะไปรยาไม่ต่างอะไรจากมิจฉาชีพ เข้าหาเขาเพื่อกอบโกย ใช้เงินเป็นใบไม้ สืบประวัติอย่างจริงจังทิวากรก็ได้พบว่าเธอนั้นแต่งงานมาแล้วกว่าสิบครั้ง และคนที่เธอแต่งงานด้วยจุดจบไม่สวยแม้แต่คนเดียว ไม่ล้มละลายก็ติดคุก แถมยังมีรายหนึ่งตายคาเตียง รู้แบบนั้นทิวากรก็ตัดสินใจหย่าทันที คนนี้เขาไม่ให้เงินเธอแม้แต่แดงเดียว ไม่เอาเรื่องข้อหาขโมยเพชรในตู้เซฟก็ดีเท่าไรแล้ว
สุดท้ายคืออลิชา เมียคนที่สามที่เพิ่งหย่าร้างกันไปเมื่อหนึ่งปีกับสามเดือนก่อน คนนี้เป็นคนที่แต่งงานด้วยสั้นที่สุด…นั่นก็คือเพียงสามเดือนเท่านั้น เหตุผลไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเพราะเรื่องชู้ เพราะการแต่งงานมากถึงสามครั้งและไม่เคยเกิดขึ้นจากการยินดีของทิวากร มันทำให้เขาเอือมระอากับการมีเมีย เขาเบื่อเสียงออดอ้อนที่ไร้ความจริงใจ เหนื่อยกับการต้องทนมองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมียเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา กับอลิชา…ทิวากรนั้นเย็นชาที่สุด เขาแทบไม่เข้าใกล้เธอ แทบไม่กลับบ้านไปให้เธอเห็น เพียงแต่งงานตามใจแม่ให้มันจบ ๆ แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ อลิชาอยากไปเที่ยวเขาก็ให้ไป เพียงแต่เธอต้องไปคนเดียว เวทกาอยากได้รถเขาก็ให้ อยากได้เงินเขาไม่ติด แต่เมื่อเธอบอกว่าอยากได้ลูกเขากลับให้ไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ท้องมันโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ทิวากรถึงได้รู้ว่าการแต่งงานครั้งที่สามถึงเวลาต้องจบลงแล้ว เธอท้องกับใครมาก็ไม่รู้…ท้องมาตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับเขาเสียอีก ทิวากรมั่นใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกเขา เพราะเขาไม่เคยแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้ว คนนี้เขาฟ้องหย่าเธอ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต…เสียชื่อ เสียเวลา แย่ที่สุดมันทำให้หุ้นเครืออนันต์ตกฮวบ กว่าจะดึงมันกลับขึ้นมาที่ตำแหน่งเดิมทิวากรเหนื่อยไม่น้อย
การแต่งงานทั้งสามครั้งทำให้ทิวากรปักธงเอาไว้แล้วว่ามันจะไม่มีครั้งที่สี่ เขาย้ำกับตัวเองอย่างเด็ดขาดว่าต่อให้แม่หาผู้หญิงที่ดีที่สุดมากองรวมกันตรงหน้าเขาก็จะไม่แต่งงานอีกแล้ว
การมีเมียอาจไม่ใช่คำตอบของชีวิตเขา
การแต่งงานคือหายนะ เขาเผชิญกับมันด้วยตัวเองมาถึงสามครั้ง
และถ้าเกิดมีอารมณ์หงี่ขึ้นมาเขาก็แค่จ่ายเงินซื้อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเอาก็ได้ ไม่ได้มีอะไรยากเลยสักนิด
ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวของทิวากรเกิดขึ้นจากผู้หญิงคนเดิม คนเดียว ไม่เคยเปลี่ยนเป็นคนอื่น ตลอดหนึ่งปีที่ครองสถานะโสดเขาเรียกใช้งานวราลีมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเรียกใช้งานเธอแค่คนเดียว ไม่เคยตั้งคำถามว่ามันเป็นเพราะเขาติดใจเธอ ชอบกลิ่นของเธอ หลงใหลในเสียงครางหวาน ๆ ของเธอ บางทีมันอาจเป็นเพราะเธอสะอาดสะอ้าน ไม่พูดมาก ไม่เรียกร้อง หรืออาจเป็นเพราะเขาขี้เกียจต้องมานั่งวุ่นวายหาผู้หญิงคนใหม่
คืนวันอังคาร พฤหัสและเสาร์คือวันที่เขาจะเรียกเธอมาใช้งาน กิจกรรมสร้างความสุขของเขานั้นกินเวลาทั้งคืน เสร็จกิจก็จะวางเงินสดไว้ให้เป็นจำนวนเงินเท่าไรก็แล้วแต่ความพอใจ ซึ่งมันไม่ใช่จำนวนที่เธอเรียกร้อง เขาจ่ายมันตามความพึงพอใจ จ่ายมาแล้วจนนับจำนวนเงินไม่ได้ แต่ครั้งที่จ่ายให้มากที่สุดคือครั้งแรก…จำได้ราง ๆ ว่าห้าหมื่นบาท จ่ายเพราะเพิ่งจะรู้เข้าตอนที่แก้ผ้าไม่เหลือสักชิ้นว่าเธอนั้นไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาก่อน
ความสัมพันธ์ของทิวากรกับวราลีนั้นเรียบง่าย เขารู้จักเธอหน้าตา ชื่อ เขาไม่เคยถามว่าเธออายุเท่าไร บ้านอยู่ที่ไหน เขาแทบไม่เคยคุยอะไรกับเธอนอกจากเรื่องเซ็กส์ เช่นเดียวกับที่เธอก็ไม่เคยถามอะไรเลย เพียงทำตามที่เขาต้องการ หน้าที่ของเธอมีแค่การทำให้ทิวากรพึงพอใจและมีความสุขเพื่อแลกกับเงิน มันเป็นแบบนี้มาตลอดหนึ่งปี ไม่มีความรักความเสน่หามาเจือปน ไม่มีความผูกพันอะไรทั้งนั้นระหว่างเขาและเธอ ทั้งหมดมันคือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
เธอให้ความสุขเขา
เขาให้เงินเธอ
“เธอทำงานให้ลูกชายฉันมากี่ปีแล้วรสา?” พิมพ์ประภาเอ่ยถามกับรสา ขณะที่เลขาสาววัยสามสิบกลาง ๆ ลงมาส่งที่ลานจอดรถของผู้บริหาร รสาเป็นคนเดียวที่รู้ทุกการเคลื่อนไหวของทิวากร
“เจ็ดปีแล้วค่ะคุณพิมพ์” เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม รสาไม่ใช่คนพูดมาก
“อยู่มาทุกรุ่นเลยสินะ?” พิมพ์ประภายกยิ้มมุมปาก
“ทุกรุ่น?”
“ก็เธอเห็นเมียทั้งสามคนของตาทิวามาหมดแล้วน่ะสิ…”
“อ๋อ…ค่ะ” รสาเพียงพยักหน้าตอบ แม้จะสงสัยอยู่ในใจว่าแม่ของเจ้านายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่ก็ไม่คิดจะถามออกไป
“เธอว่าในบรรดาเมียทั้งสามคนของตาทิวา…คนไหนตรงสเป็กเขาที่สุด?” พิมพ์ประภาเดินนำหน้ารสาอยู่สามก้าว ไม่ได้ถามออกไปเสียงดังแต่ก็ทำให้คนที่เดินตามอยู่ได้ยินอย่างชัดเจน
“รสาไม่ทราบค่ะ” ต่อให้รู้ก็ไม่กล้าพูด ใครจะกล้าพูดว่าเอาเข้าจริงผู้หญิงทั้งสามคนที่แม่เลือกมานั้นไม่ถูกใจลูกชายแม้แต่คนเดียว
“จะไม่รู้ได้ยังไง เธอได้อยู่ใกล้ทิวามากกว่าฉันที่เป็นแม่เขาเสียอีก…พูดมาเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกน่ะ”
“ไม่มีเลยค่ะ” ในเมื่อพิมพ์ประภาเปิดโอกาสให้พูด รสาก็พูด ซึ่งคำตอบนั้นทำให้คนที่เดินนำหน้าอยู่หยุดเดินในทันที
“ไม่มีเลยงั้นเหรอ?”
“อดีตภรรยาของท่านประธานทั้งสามคนเป็นคนสวยค่ะ สวยมาก แต่รสาคิดว่าท่านประธานไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาเท่าไรนัก”
“แล้วเขาสนใจอะไร? ตอบมา…ฉันมั่นใจว่าเธอต้องรู้แน่รสา”
“คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจค่ะ”
“แค่นั้น?”
“ค่ะ” ที่จริงแล้วไม่ต้องเป็นคนใกล้ชิดกับทิวากรอย่างรสาก็พอจะเดาออกได้ง่าย ๆ ทิวากรนั้นเคร่งเครียดกับการทำงาน เหนื่อยกับการต้องแบกรับความรับผิดชอบและความเสี่ยงทุกอย่าง การที่เขาจะต้องการใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่เหนื่อย ไม่ต้องมานั่งพยายามเอาใจ มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่เข้าใจได้ง่ายมาก
“แล้วใครล่ะที่ทิวาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ต้องไม่ใช่ฉันแน่…หนึ่งปีมานี้ฉันได้เจอลูกแค่ครั้งละห้านาที แถมยังไม่ถึงห้าครั้งอีกต่างหาก” พิมพ์ประภารู้ดีว่าเธอไม่ใช่เซฟโซนของลูกชาย
“อันนี้รสาไม่ทราบจริง ๆ ค่ะว่าใครที่ท่านประธานอยู่ด้วยแล้วสบายใจ” ต่อให้รู้ก็ไม่พูดหรอก ไม่มีทางพูดแน่
“เอาเถอะ ยังไงซะฉันก็ต้องทำให้ทิวาผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายไปให้ได้ ฉันทำพลาดมาสามครั้งแล้ว…ตาถั่วไปเลือกผู้หญิงบ้าเงินพวกนั้นมาทำให้ลูกชายต้องด่างพร้อย ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ทิวาจะไม่ได้แต่งงานครั้งที่ห้าแน่ มันจะจบที่ครั้งที่สี่” ดูเหมือนว่าคำพูดลูกชายจะเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาคนเป็นแม่ “ส่งวันว่างของทิวามาให้ที ฉันอยากให้เขาไปเจอหนูป่านดูสักครั้ง”
“ดูเหมือนว่าภายในเดือนนี้ท่านประธานจะไม่มีวันว่างเลยค่ะ”
“ต้องมีสิ หามาให้ได้รสา นี่ถือเป็นคำสั่งของฉัน”
“แต่ว่า…”
“หรือเธอไม่อยากเห็นเจ้านายมีความสุข? ลองไปหาข้อมูลดูแล้วกัน…ปานชีวา เกียรติโรจนอมร” พิมพ์ประภาทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินนำหน้าออกไปอีกครั้ง ทิ้งให้รสาได้แต่ยืนมองตามอย่างงง ๆ
ปานชีวา เกียรติโรจนอมร
ไม่ต้องหาข้อมูลให้เสียเวลาเลขาลูกสองคนนี้ก็พอจะรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
