ตอนที่8
หลายเดือนหลังจากเจ้าสัวประทีปออกจากเกาะไป นันรวีซึมไปพักใหญ่ แต่พอได้เล่นกับเพื่อนๆ ก็กลับมาซุกซนได้เหมือนเดิม ที่เขาว่ากันว่าการเป็นเด็กสามารถทำให้ลืมเรื่องราวได้เร็วคงจะเป็นจริง
"นัน ไปเล่นที่ไหนอีกแล้วนะ" นายชัยตะโกนเรียกลูกสาวของตนที่ไปเล่นซนกับเพื่อนโดยไม่บอกไม่กล่าว
"ไอ้กล้า เห็นนันกับแก้วตาไหม"
"เห็นมันวิ่งจูงมือกันไปหาพ่อค้าจากในเมืองนู่น" เพื่อนบ้านบอกพิกัดลูกสาวให้ นายชัยก็โล่งใจที่ลูกสาวไม่ได้ไปไหนไกล
นันรวีกับแก้วตามักจะไปดักรอพ่อค้าจากในเมืองที่เข้ามารับซื้อของทะเลที่เกาะโดยตรงแบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางเพราะจะได้ราคาถูกกว่า ซึ่งเด็กในหมู่บ้านก็จะรอคอยเวลานั้นเพื่อขายสิ่งของที่หาได้จากทะเล
"รอบนี้หาได้เยอะไหมล่ะเด็กๆ" พ่อค้าวัยกลางคนก้มถามสองเด็กหญิงที่มักจะมาขายเปลือกหอยให้อยู่เป็นประจำ
"ไม่เยอะเท่ารอบก่อนค่ะ แต่ครั้งนี้พวกหนูหาอันสวยๆ มาให้ลุงมากกว่าครั้งก่อนนะคะ" นันรวีชูเปลือกหอยสีครีมมันวาวขึ้นโชว์ให้พ่อค้าได้ดู
"สวยจริงๆ ด้วยแฮะ ไหนมาให้ลุงดูก่อนสิ"
"นี่ค่ะ" นันรวีและแก้วตาส่งถุงใส่เปลือกหอยให้พ่อค้าจากในเมืองนับเพื่อตีออกมาเป็นมูลค่า
"รอบนี้ลุงให้พิเศษเลย คนละสามสิบบาท"
"ห๊ะ! สามสิบเลยเหรอคะ ขอบคุณค่ะ" จำนวนเงินเพียงน้อยนิดที่ซื้อข้าวหนึ่งจานแทบไม่ได้ถ้าอยู่ในเมืองหลวง แต่เด็กน้อยสองคนกลับตาลุกวาว
"ลุงอาจจะไม่ได้มาอีกพักใหญ่เลยนะ"
"อ้าว! ทำไมล่ะคะ คุณลุงไม่เปิดร้านแล้วเหรอคะ"
"เดือนหน้าลูกชายลุงจะมารับไปเที่ยวต่างประเทศน่ะ คงจะปิดร้านพักใหญ่เลย"
"ดีจัง หนูก็อยากไปบ้าง" แก้วตาคือเด็กหญิงผู้รอบรู้ เธอวาดฝันถึงการได้ไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งในชีวิต
"ฮ่าๆ เก็บเงินแล้วรอโตก่อนค่อยไปกันนะ"
"ค่ะ คุณลุง"
"เอาล่ะ ลุงต้องไปขึ้นเรือแล้วเดี๋ยวจะไม่ทัน ขอบใจสำหรับเปลือกหอยสวยๆ นะ" ชายวัยกลางคนโบกมือลาสองเด็กหญิงไปขึ้นเรือที่จอดเทียบท่าอยู่
ความจริงเปลือกหอยที่เด็กๆ หามาแถวชายหาดที่เขาอยู่ก็มีมากพอสมควร แต่ที่ยังรับของเด็กๆ มาก็เพื่อช่วยให้เด็กในหมู่บ้านมีรายได้เล็กน้อย เขาถือเสียว่าจ่ายเป็นค่าขนมให้เด็กๆ ไป
"ฉันต้องรีบกลับบ้านก่อนนะแก้ว คืนนี้พ่อชัยออกเรือฉันจะไปเตรียมของให้พ่อ"
"อืมๆ กลับดีๆ ล่ะ" สองเพื่อนซี้แยกย้ายกันกลับบ้านพักของตนเอง
นันรวีกลับถึงบ้านก็เจอผู้เป็นพ่อกำลังเตรียมยาเส้นสำหรับไว้สูบตอนออกเรือคืนนี้
"กลับมาแล้วรึ"
"จ้ะพ่อ วันนี้หนูขายได้สามสิบบาทแหน่ะ" นันรวีโอ้อวดเงินจำนวนน้อยนิดให้พ่อดู
"รู้จักเก็บออมมันก็ดี แต่ข้าก็ยังอยากให้เอ็งไปใช้ชีวิตในเมืองหลวงนะ" นายชัยไม่อยากให้ลูกสาวจมปลักอยู่ที่นี่เหมือนตน
"พ่อก็ไปกับนันสิจ๊ะ นันไม่ไปคนเดียวหรอก"
"พ่ออยู่กับเอ็งไม่ได้ตลอดหรอกนะ ไปอยู่เมืองหลวงชีวิตเอ็งน่าจะดีกว่านี้ ไปเรียนโรงเรียนดีๆ เจอสังคมดีๆ กับเขาบ้าง" นายชัยพูดพลางก้มหน้าทำสิ่งที่อยู่ในมือโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของลูกสาวเลย
"ทำไมพ่อพูดเหมือนจะไล่หนูล่ะ..ฮึก..เพราะหนูไม่ใช่ลูกพ่อเหรอจ๊ะ" เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่น คิดว่าตนเองกำลังจะถูกทิ้ง
"เฮ้ย! เอ็งจะร้องไห้ทำไม ข้าไม่ได้จะไล่สักหน่อย แค่อยากให้เอ็งได้เรียนหนังสือจบสูงๆ"
"เอ็งหยุดร้องไห้ก่อนสิ" นายชัยผู้ที่ไม่เคยมีภรรยา ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อนแต่กลับต้องรับเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเป็นลูกก็ปลอบไม่ค่อยเป็น จึงได้แต่หันรีหันขวางทำตัวไม่ถูก
"ถ้าพ่ออยากให้หนูไปอยู่เมืองหลวง พ่อต้องไปกับหนูด้วย"
"เออๆ เอาไว้ข้ากลับจากหาปลารอบนี้แล้วจะคิดดูอีกทีแล้วกัน"
นายชัยตอบปัดๆ ไปเพื่อให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ แม้ว่าในใจจะอยากให้ลูกไปคนเดียว ส่วนเขาก็ทำงานหาเงินส่งให้ลูก เพราะตัวเองไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีความสามารถอะไรนอกจากหาปลา กลัวว่าพอไปอยู่ในเมืองแล้วจะพลอยลำบากกันทั้งพ่อทั้งลูก
"เตรียมของเสร็จยังวะไอ้ชัย เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงเรียกรวมแล้วนะเว้ย" เพื่อนร่วมเดินทางตะโกนเรียกนายชัยที่หน้าบ้าน
"เสร็จแล้วๆ เดี๋ยวกูกินข้าวเย็นกับลูกก่อนแล้วตามไป"
"เออๆ กูไปกินเหล้ากับไอ้พวกนั้นรอแล้วกัน"
นันรวีมองเพื่อนของพ่อที่เดินไปแล้วหันมามองหน้าผู้เป็นพ่อที่ตั้งใจจะอยู่กินข้าวกับเธอก่อนออกทะเลไปหาปลาหลายวัน
"พ่อสัญญากับหนูแล้วนะ ว่าเราจะไปเมืองหลวงด้วยกัน"
"อืม รีบกินข้าวเถอะ" นายชัยก้มหน้าก้มตากินข้าวไข่เจียวกับน้ำพริกง่ายๆ อย่างเอร็ดอร่อย
"นัน" จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยเรียกเธอขึ้นมา
"จ๊ะพ่อ?"
"ถ้าพ่อไม่อยู่แล้วนันต้องอยู่คนเดียวให้ได้นะ ดูแลตัวเอง เข้มแข็งเข้าไว้นะ รู้ไหม"
"ทำไมพ่อพูดแบบนี้ล่ะจ๊ะ" นันรวีใจไม่ดีกับคำพูดของพ่อที่ดูเหมือนการสั่งลา
"ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ ข้าก็แค่อยากให้เอ็งอยู่คนเดียวได้ ข้าจะได้ไม่ต้องห่วง"
"หนูอยู่คนเดียวได้จ้ะ แต่ก็อยากอยู่กับพ่อตลอดไป พ่อห้ามทิ้งหนูไปนะ" เธอถูกพ่อแม่แท้ๆ ทิ้งตั้งแต่เกิด ตอนนี้จึงไม่อยากถูกทิ้งอีกแล้ว
"อืม พ่อจะอยู่กับนันเสมอนะ"
สองพ่อลูกส่งยิ้มให้กันก่อนจะกอดกันกลม นันรวีมาส่งผู้เป็นพ่อขึ้นเรือลำใหญ่เพื่อเตรียมออกไปหาปลาให้ได้ก่อนพายุลูกใหม่จะมาในอีกไม่กี่วัน จากการคาดคะเนและชำนาญในอาชีพพวกเขาจึงเลือกออกเรือในคืนนี้
"เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะพ่อ หนูจะรอพ่อนะ" นันรวีกอดเอวพ่อแน่นไม่อยากให้นายชัยขึ้นเรือตามเพื่อนๆ ไป
"ปล่อยข้าได้แล้ว มืดค่ำแล้วกลับบ้านไปล็อกประตูให้ดีล่ะ" นายชัยลูบหัวลูกสาวก่อนจะหันหลังเดินขึ้นเรือไปโดยไม่ได้หันกลับมามองลูกสาวที่ยืนโบกมือให้อยู่ด้านล่าง
เรือหาปลาลำใหญ่แล่นออกจากเกาะไปจนลับสายตา นันรวีไม่เคยชอบช่วงเวลานี้เลย เธอกังวลและกลัวทุกครั้งที่ต้องมองเรือของพ่อแล่นออกสู่ทะเลกว้าง
"พ่อสัญญากับนันแล้วนะ" เด็กสาวพูดลอยๆ ปล่อยเสียงไปตามสายลม เธอจะรอพ่อกลับมาแล้วไปใช้ชีวิตในเมืองหลวงแบบที่พ่อต้องการ
ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกกับเธอ จู่ๆ คลื่นในทะเลที่เงียบสงบกลับกรรโชกแรงขึ้นจนน่ากลัว ฝนเม็ดใหญ่เริ่มตกลงมาจากฟากฟ้าโดยไม่มีการบอกกล่าว สายลมที่เคยพัดให้ความเย็นกลับกลายเป็นความหนาวเหน็บ
นันรวีกลับบ้านปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนาแล้วห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาคนเดียวท่ามกลางเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นกับเสียงฝนที่ตกหนักจนหลังคาบ้านแทบจะพังลงมา
เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบหลับไปทั้งที่ยังหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา แต่เธอจำเป็นต้องข่มตาให้แน่นแล้วหลับลงเพื่อให้ลืมความกลัวนี้ไป
เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าผ่าแรงเรียกให้คนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
"เฮือก! พ่อ!" นันรวีตกใจตื่นเพราะเสียงฟ้าผ่าประจวบเหมาะกับเรื่องราวในความฝันที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง
ภาพในความฝันของเธอน่ากลัวเหลือเกิน ภาพที่เรือของพ่อล่มอยู่กลางทะเลก่อนจะค่อยๆ จมดิ่งลงไป เธออยากให้มันเป็นแค่ฝันร้าย เธอเชื่อว่าฝันร้ายต้องกลายเป็นดี
นันรวีนอนไม่หลับอีกเลยหลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอได้แต่นั่งชันเข่าหลับตา อุดหูไม่ให้ได้ยินเสียงฟ้าด้านนอก ความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้มีเพียงความหวาดกลัวแต่ยังมีความกังวล โดดเดี่ยวและหวาดระแวงอยู่ในเวลาเดียวกัน
