บทย่อ
เพราะบุญคุณในอดีตทำให้ 'ปุริณ' ต้องหมั้นหมายกับคนที่ไม่ได้รักอย่าง 'นันรวี' แต่เขากลับผลักไสให้เธอเป็นแค่ของเล่นแก้เบื่อ ไม่เคยปฏิบัติกับเธอในฐานะคู่หมั้นแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนที่1
หลังสิ้นสุดงานฌาปนกิจบุคคลที่เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของตระกูล ทนายได้เข้ามาจัดการเรื่องทรัพย์สินมรดกซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดตกเป็นของหลานชายเพียงคนเดียวอย่างไม่มีข้อกังขา ที่ท่านมอบทุกอย่างให้หลานชายเพราะหวังว่าปุริณจะสามารถจัดสรรทุกอย่างได้ด้วยตนเอง
"เมื่อไหร่เธอจะไปสักที คุณปู่ท่านก็เสียไปแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป" เสียงเข้มเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าซึ่งมีสถานะเป็นว่าที่คู่หมั้นที่ปู่ของตนเคยสั่งเสียเอาไว้ก่อนจะจากไป
"ฉัน.." น้ำเสียงถูกกลืนลงคอ พูดความจริงออกมาไม่ได้ว่าเธอไม่มีที่ไป ญาติพี่น้องก็ไม่มี ครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวก็จากลาแบบไม่หวนกลับมา
"คิดจะอยู่สูบเลือดสูบเนื้อตระกูลฉันไปถึงไหน เสียใจด้วยนะที่คุณปู่ไม่ได้ยกอะไรให้เธอสักอย่าง"
"ฉันไม่ได้หวังอะไรจากท่านเลยค่ะ" นันรวีตอบไปตามความจริง เธอเพียงแค่อยากดูแลท่านเท่านั้น
"ไม่ได้หวังอะไรก็ไปซะสิ จะอยู่ต่อให้ได้อะไรขึ้นมาหรือหวังให้ฉันแต่งงานกับเธอตามคำขอของคุณปู่"
"เปล่านะคะ แต่ให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อเถอะนะคะ" หญิงสาวยกมือไหว้อ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา เธอไม่อยากกลับไปยังสถานที่ที่เธอหนีออกมาอีกครั้ง
"ทำไมฉันต้องทำตามคำขอของเธอด้วย" ปุริณกอดอกใช้สายตาก้มต่ำมองคนที่ตัวสูงเพียงแค่อกของเขา
"ฉันขอร้องนะคะ..ไม่ต้องรัก ไม่ต้องสนใจใยดีฉันก็ได้ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากครอบครัวของคุณ ขอแค่อย่าไล่ฉันไปเลยนะคะ ให้ฉันทำงานแลกเปลี่ยนก็ได้ค่ะ"
ที่นี่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ นันรวีไม่อยากกลับไปอยู่ในขุมนรกอย่างเดิมอีก เธอไม่ต้องการสิ่งใดขอเพียงมีที่ซุกหัวนอนให้เธอเท่านั้น ขอแค่เขากับแม่ของเขาเมตตาเวทนาคนอย่างเธอก็พอ
"ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็ได้ แต่เธอต้องยอมถอนหมั้นกับฉัน เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเธออยู่แล้ว" ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอเพื่อแลกกับอิสระของตนเอง เขาไม่ได้รักหรือไม่ได้ชอบเธอที่ยอมหมั้นหมายด้วยก็เพราะนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณปู่ต้องการ
"...ได้ค่ะ ฉันยอมหมดทุกอย่างเลยค่ะ" นันรวีนิ่งคิดไปพักหนึ่งก่อนจะยอมตอบตกลง เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการเธอเลย การถอนหมั้นอาจจะทำให้เขาใจดีกับเธอบ้างก็ได้
"แล้วอยู่กับฉันไม่ใช่อยู่ฟรีๆ เธอต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนด้วย..เข้าใจไหม" สายตาคมจ้องมองเรือนร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า นันรวีรู้ความหมายของเขาดี
"ค่ะ พี่ปราบ"
"เลิกเรียกฉันว่าพี่ซะที ฟังแล้วแสลงหูชวนคลื่นไส้จริงๆ" ท่าทีไม่พอใจของเขาทำให้คนตัวเล็กหน้าหม่นลง
"ขอโทษค่ะ...คุณปราบ" เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนสรรพนามการเรียกเขาในทันที ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเวลาอันรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้เตรียมใจ
"คืนนี้มาหาฉันที่ห้องด้วย อย่าช้าล่ะเข้าใจไหม?" ก่อนจะจากกันคนตัวโตก็ไม่วายเริ่มออกคำสั่งกับเธอเสียแล้ว
"ค่ะ"
"แล้วอย่าให้ใครรู้ล่ะ ฉันไม่อยากตอบคำถามแม่" เมื่ออยู่กับเธอสองต่อสองเขาคือผู้ชายที่น่ากลัวและเจ้าเล่ห์ที่สุด
"ค่ะ"
"ตอบเป็นคำเดียวหรือไง เธอนี่มันน่าเบื่อจริงๆ" เขาเริ่มมีน้ำโหที่อีกคนดูเฉื่อยชาไม่ตอบสนองเขาเหมือนอย่างคนอื่นๆ
"ขอโทษค่ะ" นันรวีก้มหน้าขอโทษเพราะรู้สึกผิดที่ทำตัวน่าเบื่อ แต่เธอไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไรในเมื่อเขาออกคำสั่งชัดเจนขนาดนี้
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีบ่งบอกถึงเวลาพลบค่ำ แม่บ้านคนอื่นๆ ภายในบ้านทยอยกลับเข้าที่พักที่อยู่ด้านหลัง บ้านหลังใหญ่เงียบสงัดไร้เสียงของผู้ใด ไฟทุกดวงปิดสนิทเป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าของบ้านได้เข้าห้องพักผ่อนไปแล้ว แต่กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งแอบเดินย่องเสียงเบาอยู่ในความเงียบ
พรึ่บ! จู่ๆ ก็มีมือปริศนาเอื้อมมาปิดปากแล้วคว้าแขนเธอให้หลบเข้ามุมโดยไม่ทันตั้งตัว
"อื้อ!" นันรวีร้องเสียงอู้อี้เธอตกใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ในหัวคิดว่ามีโจรแอบขึ้นบ้านเป็นแน่
"ชู่ว! ฉันเอง" ปุริณเฉลยให้เธอรู้ว่าเป็นเขาไม่ใช่ใครอื่น นันรวีถึงกับถอนหายใจโล่งอก
"ทำไม คิดว่าฉันเป็นใครแอบนัดคนอื่นไว้หรือไง"
"เปล่าค่ะ ฉันตกใจเพราะมันมืด" เธอไม่ชอบความมืดเพราะมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เธอกลัว
"ทำไมมาช้า"
"ฉันรอให้คนอื่นๆ เข้านอนก่อนค่ะ"
"ทำตัวอย่างกับเป็นชู้" ชายหนุ่มเค้นหัวเราะในลำคอผิดกับอีกคนที่พูดไม่ออก
"ก็คุณบอกเองนี่คะว่าไม่อยากให้ใครรู้" นันรวีตอบอ้อมแอ้มเสียงเบาๆ
"อย่ามัวเสียเวลาเลย รีบตามมาได้แล้ว" มือหนาจับแขนเล็กให้เดินตามไปยังห้องหนึ่งซึ่งไม่ใช่ห้องนอนของเขา แต่เป็นห้องหนังสือ
"ทำไมถึง..."
"ฉันเบื่อห้องนอนแล้ว"
"คะ?" เธอยืนอ้าปากเหวอดวงตาเบิกกว้างยังไม่อยากเชื่อกับความคิดของเขา
"ถ้ามีคนมาเจอล่ะคะ"
"ดึกแล้วคงไม่มีใครมาหรอก"
"ไปห้องนอนของคุณดีกว่าค่ะ" นันรวีขอร้องเขาเพราะที่นี่เสี่ยงเกินไป อีกอย่างเธอกลัวคุณหญิงภารตีแม่ของเขาจะมาเจอเข้า
"อย่าลีลามาตรงนี้เร็วๆ เข้า"
ขาเรียวค่อยๆ ก้าวไปหาร่างหนาที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กพร้อมกับตบหน้าตักของตนเองเป็นสัญญาณบอกให้เธอนั่งลงบนตักของเขา
"ถอดเสื้อผ้าออก" คำสั่งเสียงเข้มทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
"ถ้าเธอยังช้าฉันจะกระชากออกให้เอง" ปุริณทนความเฉื่อยชาของเธอไม่ไหวอีกแล้ว เขาอาจจะจับร่างเล็กกดกระแทกเสียตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด อยากจะฟังเสียงครางหวานๆ ของเธอแล้ว
นันรวีนั่งตัวสั่นเทิ้มบนตักแกร่ง เธอไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ เพื่อต่อรองกับเขาเลย เพียงแค่เขาเอ่ยเธอก็ต้องทำตามความต้องการของเขาทั้งหมดเพียงเพราะเธอเป็นแค่ผู้อาศัยในบ้านหลังนี้
เรื่องทั้งหมดมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเธอเองก็ยังไม่อยากเชื่อเช่นกัน จากเด็กสาวธรรมดาที่ต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อไปอย่างไม่หวนกลับมาและต้องใช้ชีวิตอย่างทรหดมานับสิบปี แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กับเขา...คนที่เธอเผลอมอบใจให้โดยไม่รู้ตัว เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอรู้สึกอย่างไร เขาไม่เคยสนใจเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มันเริ่มจาก...เธอ

