ตอนที่4
เจ้าสัวประทีปส่งข่าวบอกลูกหลานให้รับรู้ถึงการมีชีวิตรอดของตนผ่านโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวของหมู่บ้านแห่งนี้ คนที่เคยอยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่กลับต้องมากลายเป็นชาวประมงชั่วคราวเพียงเพราะอุบัติเหตุที่ยังข้องใจไม่หาย
"รอให้พายุหมดพวกแกค่อยมารับฉัน มาตอนนี้เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดบ้านพอดี" น้ำเสียงของชายสูงวัยตะคอกบอกคนปลายสายที่จะมารับในทันที
"ถ้าพวกแกอยากจะมาตายกลางทะเลก็มา แค่นี้!" เจ้าสัวประทีปโมโหลูกชายที่ตื่นตูมเกินงามอยากจะมารับกลับไปเสียตอนนี้ทั้งที่เตือนแล้วไม่ฟัง
"นี่ลุง อย่าวางแรงนักสิถ้าพังคนอื่นจะใช้อะไร" เสียงของชายอีกคนซึ่งกำลังต่อคิวเพื่อรอใช้โทรศัพท์ตะโกนว่าเข้าให้
"โทษทีๆ" คนใช้ชีวิตอย่างไม่เคยต้องลำบากไม่คิดว่าการวางโทรศัพท์รุ่นเก่าแรงจะทำให้ชายอีกคนโมโหจนเลือดขึ้นหน้าได้ถึงเพียงนี้
"คุณตา!! ไปไหนมาคะ หนูตามหาตั้งนาน" นันรวีวิ่งเท้าเปล่าผ่านพื้นทรายมาหาคุณตาที่เธอช่วยชีวิตเอาไว้
"ตามาโทรศัพท์ หนูมีอะไรหรือเปล่า"
"คุณตาเพิ่งจะหายดีนะคะ คุณตาแก่แล้วนะ เดี๋ยวก็ล้มหัวฟาดพื้นตายหรอก" หนูน้อยชาวเกาะใช้คำอย่างตรงไปตรงมาจนคนฟังแทบสำลัก
"ตาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ขอบใจที่เป็นห่วงนะ" เจ้าสัวประทีปยกมือลูบหัวเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความเอ็นดู สายตาพลันมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ไม่มีห้าง ไม่มีอะไรเจริญห เจริญตาให้น่ามาเที่ยวเลยสักนิด โรงเรียนใหญ่ๆ ก็ไม่มี
"ไปค่ะ เดี๋ยวหนูพาไปบ้าน พ่อเตรียมที่นอนไว้ให้ตาแล้ว" นันรวีจูงมือคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่กลับรู้สึกสนิทสนมกันมาแรมปี
"วันนี้ไม่ใช่วันหยุดทำไมถึงไม่เรียนหนังสือล่ะ" ด้วยความข้องใจ เจ้าสัวจึงเอ่ยถามเด็กหญิงออกไป
"เรียนแล้วเมื่อวานค่ะ ครูสอนแค่สามวัน"
"ทำไมล่ะ"
"ก็มีครูแค่คนเดียวนี่คะ" โรงเรียนชนบทในหมู่บ้านมีครูอาสาเพียงคนเดียวที่รับหน้าที่สอนเด็กทุกช่วงอายุจนทำให้ต้องผลัดวันกันมาเรียน
เจ้าสัวประทีปขมวดคิ้วเป็นปม ในขณะที่ตนส่งหลานชายไปเรียนโรงเรียนนานาชาติค่าเทอมหลักแสนหลักล้าน แต่เด็กหญิงคนนี้กลับได้เรียนเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้
"ไม่ลองขอพ่อไปเรียนในเมืองล่ะ"
"แพงค่ะ และถ้าต้องไปคนเดียวหนูไม่เอาด้วยหรอก" นันรวีตอบอย่างไม่ต้องคิด เธอไม่อยากห่างจากพ่อเพราะนายชัยเป็นครอบครัวเดียวที่เธอเหลืออยู่
"อ๊ะ! นั่น" จู่ๆ หนูน้อยก็สะบัดมือคนสูงวัยออกแล้วรีบวิ่งไปตรงชายหาด
"ดูสิคุณตาเปลือกหอยเนียนสวยดีเนอะ"
"ก็แค่เปลือกหอย" คนไม่รู้คุณค่ามองเปลือกหอยหน้าตาธรรมดาแล้วเอ่ยออกมาอย่างลืมตัว
"ไม่ใช่แค่ค่ะ ถ้าหาแบบนี้เจอสักยี่สิบอันหนูจะได้เงินห้าบาท" หนูน้อยทำหน้าดีใจส่วนอีกคนได้แต่ยิ้มแห้งๆ
"ห้าบาท?" จำนวนเงินที่ได้ยินเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของตนก็ว่าได้
"ใช่ ตั้งห้าบาทเลยนะคะ มาช่วยหนูหาหน่อยสิ" นันรวีก้มๆ เงยๆ หาเปลือกหอยที่คิดว่าขายได้จนลืมเสียสนิทว่าต้องพาคุณตาคนนี้ไปพักผ่อน
"เฮ้อ! ชีวิตฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อแลกกับเงินห้าบาทเนี่ยนะ" เจ้าสัวประทีปบ่นอุบอิบไม่มีทางเลือกเลยต้องนั่งย่อตัวเพื่อหาเปลือกหอยให้ได้เงินมูลค่าห้าบาทถ้วน ไม่รู้ชีวิตเขาทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้
ใช้เวลานานกว่าหลายนาทีก็ยังไม่เจอเปลือกหอยที่หนูน้อยต้องการจนเขาเริ่มท้อ ชายวัยหกสิบที่ควรอยู่บ้านเสวยสุขกับเงินที่หามาได้กลับต้องมานั่งหาเปลือกหอยไปแลกเงินเพียงน้อยนิด
"เจอแล้ว!" คนที่ดูเบื่อหน่ายไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดังพร้อมกับชูเปลือกหอยสีชมพูแวววาวขึ้นมาโชว์อย่างภาคภูมิใจ
"ว้าว! เก็บไว้ดีๆ เลยนะคะคุณตา รอวันที่พ่อค้ามารับของแล้วเราเอาไปขายด้วยกันนะ"
