แค่ของ(กิน)เล่น

70.0K · จบแล้ว
ต้นอ้อ
42
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ถ้าเหมียวอยู่กับศินแบบไม่ผูกมัด เราก็จะอยู่แบบนี้ตลอดไป เราจะมีความสุขกันแบบนี้ตลอด แต่จะไม่มีใครรู้สถานะของเรา" "อะ...อะไรนะ!" หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง ใจเธอมันสั่นรัวเมื่อได้ฟังประโยคที่เขาพูดจบ เขาไม่เคยรักเธอตั้งแต่ต้น เธอมันแค่ของกินเล่นเท่านั้น "อย่าล้ำเส้นกัน ศินกับเหมียวจะเป็นแค่คนที่ใช้ร่างกายร่วมกัน มันไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ มันไม่มีความรักมันมีเพียงแค่ความต้องการทางร่างกายเท่านั้น" วศินเอ่ยออกมาอย่างคนเห็นแก่ตัว "..." "เหมียวจะยอมรับในจุดนี้ไหม?" "..." "มันก็ไม่ต่างจากของกินเล่นนะวศิน วศินเห็นเหมียวเป็นตัวอะไร คิดว่าเหมียวเป็นของกินเล่นของวศินเท่านั้นเหรอ?" เหมียวกัดปากตัวเอง พร้อมกับพูดออกไป ความสุขที่ผ่านมามันกลายเป็นความทุกข์ทันที แต่จะโทษใครได้ล่ะเธอทำตัวเองทั้งนั้น "เป็นมากกว่านั้นไม่ได้หรอก เพราะศินไม่ได้รักเหมียว" คำพูดของวศินมันทำให้หญิงสาวสะอึก เขาไม่เคยรักเธอเลย "อืม เหมียวเข้าใจทุกอย่างแล้ว เหมียวโง่เองแหละ" ร่างบางเล็กรีบหันหลังให้เขา เธอไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของเธอ น้ำตาที่มันเอ่อรื้นมาเต็มขอบตาไหลรินออกมาเงียบๆ การที่รักเขาข้างเดียว มันเจ็บมากจริงๆ เธอกำลังจะทำใจได้แล้ว เขาก็เข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง ทำให้เธอเจ็บมากกว่าเดิม "ศินรักเปลว" คำรักของเขาที่พูดถึงเปลวกนก คำว่ารักของเขา เธอไม่มีทางได้สัมผัสมันสินะ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน สถานะนี้เธอต้องอยู่กับมัน หรือจะเรียกว่าของกินเล่นแก้เหงาก็ไม่ผิด เจ็บมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แต่จะโทษใครล่ะนอกจากโทษตัวเอง เพราะความรักของเธอที่มีต่อเขา นำพาให้เธอเจ็บปวดอยู่ร่ำไป เหมียวลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เธออาบน้ำพร้อมกับปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาราวกับเม็ดฝนโปรยปราย แค่เขาพูดดีก็ใจอ่อนไปกับเขา สุดท้ายก็ต้องเสียตัวเสียใจ และจะโทษใครได้ล่ะ ต้องโทษตัวของเธอเอง ที่ยอมเขาเพราะเธอรักเขา แต่เขามองเธอแค่ของกินเล่นแค่นั้นเอง ในหัวใจของเขามีเพียงแค่เปลวกนก และคนอย่างเธอไม่อาจเข้าไปยืนในพื้นที่หัวใจของเขาได้เลย เธออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาใส่เสื้อผ้า เขายังคงนอนอยู่ที่เดิม เธอสับสนไปหมดไม่รู้จะทำยังไง กับสถานะการณ์ตรงหน้านี้ "ยอมรับได้ไหม จะไม่มีข้อผูกมัดระหว่างเรา"

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

1"ไอ้เวรนี่ ไปวิ่งกลางแดดทั้งสี่คนเลย"

เหมียวรีบออกจากห้องด้วยความเร่งรีบ วันนี้มีรับน้องด้วยสิ ถ้าไปสายต้องโดนทำโทษแน่ ๆ เธอใส่รองเท้าพร้อมกับวิ่งจะออกไปหน้าบ้าน แต่ต้องชะงักเท้า เมื่อโดนเสียงทรงพลังของมารดาเรียกซะก่อน

"เหมียวกินข้าวก่อนสิลูก"

"ไม่ทันแล้วค่ะแม่ สายแล้ว" เธอเอ่ยขณะรีบเดิน

"งั้นเอาแซนวิสกินรองท้องก่อนสิลูก"

แคทหยิบแซนวิสใส่ถุง 2 อันยื่นให้บุตรสาว​ เธอรีบรับก่อนจะเข้าไปหอมแก้มมารดาเบา ๆ

ฟอดๆๆ

"รักแม่ค่ะ"

"รักเหมือนกัน รีบไปมันสายแล้ว" นางเอ่ยแล้วยิ้มให้บุตรสาว​

"ค่ะๆ"

เหมียวรีบขึ้นไปขึ้นรถก่อนจะขับรถมุ่งไปมหาลัยทันที แต่รถติดมากวันนี้คงไปสายมากกว่าเดิมแน่ ๆ หญิงสาว​ได้แต่โอดครวญ​ในใจ

"ไอ้รถบ้าจะติดอะไรหนักหนา"

สบถออกมาอย่างโมโห ชั่วโมงเร่งรีบรถดันมาติดอีก กว่าจะไปถึงมหาลัยก็สายมากแล้ว

เธอรีบวิ่งไปเข้าแถวกับเพื่อน ๆ ซึ่งตอนนี้ได้รวมตัวกันหมดแล้ว รุ่นพี่มองหญิงสาว​ตาเขียวปั๊ด จนเธอก้มหน้าหลบสายตาทันที

"เธอชื่ออะไรฉันชื่อเปลวนะ" เปลวเอ่ยทักทายพร้อมกับส่งยิ้มให้เหมียวอย่างเป็นมิตร​

"ฉันชื่อเหมียวนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"

"ยินดีที่รู้จักค่ะเช่นกันค่ะ"

"ค่ะ" เหมียวฉีกยิ้มให้เปลวอย่างสดใส

"ส่วนคนนี้วศินเพื่อนเปลวเอง" เปลวชี้ไปที่ผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ เขาหน้าตาดีมากๆ แต่ดูนิ่ง ๆ เพียงแค่ได้เห็นหน้าเหมียวก็รู้สึกตกหลุมรัก​ เขาหล่อ ตรงสเปค​ของเธอทุกอย่าง

"ฉันชื่อเหมียวนะ ยินดีที่รู้จักค่ะ"

เธอยิ้มหวานให้วศินแต่เขาไม่ยิ้มตอบ เขาปรายตามองหน้าเธอก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

"ผมชื่อชุมพลนะ เรียกพลเฉย ๆ ก็ได้" ชุมพลส่งยิ้มให้เปลว ในขณะที่​หญิงสาว​ส่งยิ้มตองไม่ต่างกัน

"ฉันชื่อเปลวกนก หรือเปลวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ" เปลวเอ่ยแนะนำตัว

"เปลวสวยจังนะครับ"

"ขอบคุณค่ะ" เปลวยิ้มอาย ๆให้ชุมพล ก่อนจะสนใจมองรุ่นพี่ที่กำลังพูดอยู่ ชุมพลยิ้มแล้วลอบมองเปลวอยู่หลายครั้ง เขารู้สึก​ชอบเปลวมาก นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่ารักแรกพบ เพราะตอนนี้เขากำลังรู้สึก​ชอบเปลวกนกมาก

"ศินก็บอกเปลวทุกวันนั่นแหละว่าเปลวสวย" วศินเอ่ยแทรกอย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครมาแสดงออกว่าชอบเปลว เขาไม่ต้องการให้เปลวรักใครนอกจากเขา

"..." เปลวหันมาจ้องหน้าวศิน​ด้วยสายตาเรียบนิ่ง ที่ผ่านมาเธอคิดกับวศินแค่เพื่อนเท่านั้น

"เปลวสวยในสายตาศินเสมอ"

"เอ่อคือ…"

"หน้าสวยใจก็สวย"

"วศินก็พูดเกินไป เปลวไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอก"

"ก็ไม่แปลกหรอกที่ผู้ชายเห็นผู้หญิงสวยๆ จะพูดแบบนี้ ถ้าสวยนิสัยแย่ผู้ชายก็ว่าสวยน่ารักเหมือนเดิม ไม่กล้าพูดตรง ๆ" เหมียวเอ่ย

"กับคนไม่น่ารักกูก็พูด โดยเฉพาะมึง ขี้เหร่ไม่สวยปากไม่ดีนิสัยสอดเสร่อ"

"อ้าว!!สาบานนะว่าปาก" เหมียวมองหน้าวศินถึงจะปากหมา แต่เธอก็ดันไปรู้สึกดีๆด้วย สงสัยจะบ้าไปแล้ว เหมียว​ได้แต่คิดอย่างหงุดหงิด​ นี่เธอเป็นโรคจิต​แอบชอบคนที่ด่าตัวเองหรือนี่ บ้าไปแล้ว

"คุยอะไรกัน4คนออกมาเลย ออกมาสิชอบคุยกันมาก ออกมาคุยให้รุ่นพี่ฟังหน่อยสิ" รุ่นพี่​ตะโกนแหกปากเสียงดังมากจนทุกคนสะดุ้ง แต่วศินกลับมองเฉย ๆ พร้อมกับล้วงมือในกระเป๋ากางเกงตัวเอง เหมียว วศิน เปลว ชุมพลเดินออกมาจากแถวไปหารุ่นพี่ ตอนนี้ทำหน้าตาเคร่งเครียด

"พี่คงใช้เสียงบ่อย ผมให้ลูกอมพี่คงเจ็บคอ" วศินยื่นลูกอมให้รุ่นพี่

"ไหนใครพูดเรื่องอะไรกัน พูดให้รุ่นพี่ฟังสิ" รุ่นพี่​ตะโกนเสียงดังจนหูจะแตก กว่าจะผ่านกิจกรรมรับน้อง หูได้หนวกกันพอดี เหมียวได้แต่ค่อนขอด​ในใจ

"..."

"ไม่มีใครพูดต้องโดนทำโทษ โดยเฉพาะไอ้หน้าเสร่อนี่" รุ่นพี่ว้ากตะโกนใส่หน้าวศิน วศินเอามือปิดจมูกตัวเองทันที

"ปิดจมูกทำไม!!"

"พี่ปากเหม็นมาก"

"ปากดีแบบนี้โปะแป้งทาสีทั้งสี่คนเลย ไอ้พวกไม่เคารพรุ่นพี่" รุ่นพี่ตะโกนเสียงดัง ดูจากการแต่งตัวแบรนด์เนมทั้งนั้น ทั้งสี่คนโดนโปะแป้งทาสีไปหมดทั้งตัว

"เข้าตาเลย" เปลวใช้มืขยี้ตาวศินจะเข้าไปดู แต่ช้ากว่าชุมพล วศินโดนรุ่นพี่โปะแป้งเต็มตัวไปหมด วศินแกล้งเซล้มไปโดนตัวรุ่นพี่ ทำให้รุ่นพี่เลอะไปด้วย

"ไอ้เวรนี่ ไปวิ่งกลางแดดทั้งสี่คนเลย"

ฉันวิ่งกลางแดดเปลววิ่งมาใกล้ ๆ เหมียว​ก่อนจะเริ่มวางแผนบางอย่าง

"เหมียวแกล้งเป็นลมเลย เดี๋ยวเปลวจัดการที่เหลือเอง" เปลวเอ่ย

"ได้ ๆ" เหมียว​วิ่งไปสักพักก่อนจะล้มลงกับพื้น แกล้งเป็นลมตามแผนของเปลว เปลววิ่งมาก่อนจะตะโกนเรียกรุ่นพี่

"ช่วยด้วยค่ะเหมียวเป็นลม"

น่าจะเป็นรุ่นพี่วิ่งเข้ามา สังเกตจากเสียงฝีเท้าหนักๆ สักพักเหมียว​ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้ม พร้อมกับถูกปฐมพยาบาล การรับน้องผ่านไปเรื่อยๆ เปลวเป็นคนช่วยดูแลเหมียวพร้อมกระซิบแผน

"รุ่นพี่จับนมหนู หนูจะไปฟ้องคณบดีว่ารุ่นพี่จับนมหนู" เหมียวเริ่มโวยวายเสียงดัง รุ่นพี่อีกหลายคนยุติการรับน้องทันที

"เฮ้ย!!พวกพี่ไม่ได้ทำ" รุนพี่เอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง​กัน

"หนูเป็นพยานได้" เปลวเอ่ย

"ร้ายนักนะ พวกพี่ยอมแล้ว ไม่แกล้งแล้ว"

"คิคิ