บทที่ 9 อาบน้ำด้วยกัน (nc )
ร่างกายของเจิงอิ่งเพราะฝึกฝนมาอย่างดี หลังกินยาต้มและนอนพักไม่ถึงครึ่งวันก็กลับมากระฉับกระเฉงดังเดิม เหล่าลู่อมยิ้มน้อยๆ เขาวางแผนจะพานางไปดูห้องขังที่หลังป่าไผ่สักหน่อย คืนนี้เขาจะยอมให้นางทารุณเขาแต่โดยดี
เหล่าลู่วางแผนแล้วก็แอบไปขออนุญาตจังฮูหยิน ผู้เป็นนายหญิงหัวเราะหึๆ “เจ้าอยากพานางไปไหนก็ไปเถอะ ตกลงว่าคืนนี้ไม่กลับใช่หรือไม่?”
“เอ่อ...ขอรับ!”
เหล่าลู่รู้ว่าจังฮูหยินเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตนและเจิงอิ่งดี นอกจากเขาจะพานางไปดูห้องขังที่เตรียมไว้แล้ว ยังจะพานางไปเอาทองส่วนหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้มาใช้เตรียมงานแต่งงานด้วย ชีวิตที่ผ่านมาของเขานอกจากจะเก็บเบี้ยหวัดประหยัดกินใช้เอาไว้แล้ว ยังมีทองคำอีกส่วนที่จอมยุทธ์ลู่ผู้เป็นอาจารย์มอบไว้ให้ใช้ในวันหน้า เหล่าลู่รู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์ที่มองการณ์ไกลทำให้เขามีเงินในการจัดงานแต่งงานโดยไม่ต้องรบกวนจังฮูหยินกับคุณหนูชิง
พอบ่ายคล้อย เหล่าลู่ก็พาว่าที่ภรรยาไปแวะตกปลาที่ริมแม่น้ำ
“ข้าเปลือยกายอาบน้ำให้เจ้าดูอีกดีหรือไม่? อากาศกำลังร้อนพอดี”
“หึ! ท่านพี่คิดว่าข้าคิดลามกเช่นเดียวกับท่านงั้นหรือเจ้าคะ?”
“คิดเหมือนกันหรือไม่? ประเดี๋ยวก็รู้” เหล่าลู่ถอดเสื้อผ้าเหลือเพียงกางเกงข้างในตัวเดียวลงอาบน้ำแถวโขดหินใหญ่ที่เป็นแอ่งไม่ลึกนัก
ดวงตาของเจิงอิ่งเป็นประกายเมื่อเห็นร่างล่ำสันบึกบึนของสามี นางอดไม่ได้ที่จะมองต่ำลงไปจนถึงเจ้าปลาช่อนของเขาในยามที่เขาเดินขึ้นมากวักมือเรียกนางลงไปเล่นน้ำด้วย
“เสื้อผ้าเจ้าก็เอามา ลงมาเล่นน้ำกับข้าด้วยสิ เดี๋ยวค่อยไปเปลี่ยนที่กระท่อม”
นางมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าใกล้ๆ แถวนั้นไม่มีผู้อื่นจึงได้ถอดเสื้อตัวนอกวางไว้บนตลิ่งแล้วลงไปเล่นน้ำกับเหล่าลู่ ชายหนุ่มกอดเอวนางพาลงไปลอยคอในส่วนที่ลึกขึ้นอีกนิด
“ข้าชอบตอนเจ้าอาบน้ำนัก! เวลาเจ้าตัวเปียกทำให้ข้าสติกระเจิดกระเจิงไปเสียทุกที”
“เช่นนั้นเราก็รีบกลับไปอาบน้ำด้วยกันในเรือนดีไหมเจ้าคะ?”
“กลับไป...ให้เจ้าปรนนิบัติสามีอาบน้ำดีหรือไม่?”
“ก็แล้วแต่ท่านพี่สิเจ้าคะ” นางยิ้มยั่ว ใช่ว่านางจะไม่เห็นว่าเจ้าปลาช่อนของเขามันคอยจะโผล่มาอยู่เรื่อยตอนที่เห็นนางเปลือยกายในห้องอาบน้ำ
“อืม! เล่นน้ำเสร็จแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อในกระท่อมเสียก่อนเถิด”
เหล่าลู่ประคองนางขึ้นจากแอ่งน้ำเพราะเจ้าปลาช่อนในกางเกงของเขาเริ่มจะตั้งโด่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว! หญิงสาวรู้ว่าร่างกายของสามีตื่นตัวก็ยิ้มน้อยๆ พอเขารุนหลังนางขึ้นจากน้ำทั้งยังเดินเบียดจนแทบจะทิ่มเจ้าปลาช่อนเข้าก้นนาง ก็รีบก้มลงหยิบเสื้อผ้าแล้วตรงไปยังกระท่อมไม้ไผ่
เหล่าลู่ปิดประตูได้ก็ถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มของตนออกจนหมด แล้วขยับไปช่วยนางถอดทันที “น้องหญิงให้ข้าช่วยเถอะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว!”
เขาทำเหมือนจะช่วยแต่แท้จริงแทบจะทึ้งเสื้อผ้านางออกเสียมากกว่า ไม่นานนักเรื่องก็กลับไปเป็นเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง เสียง ปั่ก! ปั่ก! ถี่ๆ ดังออกมาจากกระท่อมน้อย พร้อมกับเสียงครวญครางของหญิงสาวและชายหนุ่ม
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามเหล่าลู่ก็ได้ปลดปล่อยอีกครั้ง ทว่าพอเจิงอิ่งคิดจะลุกขึ้นไปหยิบห่อเสื้อผ้าที่พกมาเพื่อสวมใส่กลับถูกเขารั้งร่างเปลือยเปล่าลงบนที่นอน แล้วแทรกขาล่ำสันเขาระหว่างท่อนขาของนางก่อนจะถูไถจนเจ้าท่อนเนื้อที่อ่อนเหลวเป๋วนั้นขึงขังขึ้นมาอีก ไม่นานนักเสียงแบบเดิมก็ดังขึ้นอีก เจิงอิ่งถูกเหล่าลู่จับคว่ำหน้าบนเตียงสอดใส่บดเบียดจนเตียงส่ายเอี๊ยดอ๊าด!
“ท่านพี่...เตียงไม่พังแน่นะเจ้าคะ?”
“ไม่หรอก....ข้าทำเองกับมือ” เขากอดทาบอยู่ด้านหลังทั้งออกแรงไม่บันยะบันยังทั้งปลุกเร้าจุดกระสันต์ของนางไม่ขาด เจิงอิ่งครางจนเสียงแหบ เหล่าลู่ปลดปล่อยครั้งที่สอง ทำเอาบั้นท้ายของนางเปรอะด้วยคราบสีขาวขุ่น
“เช็ดก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆ นะ”
เขาประคองภรรยาที่แอบกลืนลงท้องมาตั้งแต่เมื่อคืน เดินไปห้องติดกันที่ทำเป็นห้องอาบน้ำ ชายหนุ่มเติมน้ำเอาไว้เต็มตุ่ม ทั้งสองจึงได้ตักน้ำอาบด้วยกัน เจิงอิ่งเกาะไหล่เขาไว้ขณะเหล่าลู่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายเพื่อทำความสะอาดให้นาง
“ทะ ท่านพี่ ตรงนั้นไม่ต้องขัดสีมากก็ได้เจ้าคะ” นางร้องเบาๆ เมื่อนิ้วของเขาผลุบเข้าไปในซอกหลืบส่วนล่าง นางไม่ค่อยไว้ใจว่าเขาคิดจะทำอย่างอื่นต่อหรือไม่?
...ท่านพี่ของนางเหมือนจะอดอยากปากแห้งมานานนัก!
เมื่อแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย เหล่าลู่ก็หันมาปรึกษาเรื่องอาหารเย็น
“น้องหญิง ข้าจะจับปลาไปด้วยสักสองตัวก็แล้วกัน วันนี้เรากินปลาเผาดีหรือไม่?”
เจิงอิ่งกอดคอเหล่าลู่ ยื่นหน้ามาจูบแก้มเขาอย่างประจบ “ดีเจ้าค่ะ”
เขาจูงมือนางไปหยิบเอาฉมวกกระชับมือแล้วตรงไปที่แอ่งน้ำไม่ไกล
“น้องหญิงเจ้าอยากกินปลาตัวใด? ข้าจะจับให้เจ้าได้กินเย็นนี้”
เจิงอิ่งอมยิ้มน้อยๆ ชี้ไปยังปลาตัวโตที่แหวกว่ายมากับกระแสน้ำวนที่หลงเข้ามาในแอ่งนี้ “ตัวนั้นน่าอร่อยนะเจ้าคะ”
“อืม...ได้! เพื่อภรรยาของข้า เย็นนี้เจ้าสองตัวนั่นต้องเป็นอาหารเย็นของเรา”
ฉึก! ฉึก!
ฉมวกแหลมคมเสียบเข้าตรงกลางตัวปลาอย่างแม่นยำ เหล่าลู่หันมายิ้มกว้าง
“สามีของเจ้าเก่งหรือไม่?”
เจิงอิ่งยิ้มกริ่ม “ท่านพี่ของข้า...เก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าประจบสามีเก่งเช่นนี้ คงต้องมีรางวัลใหญ่ให้ซะแล้ว”
ชายหนุ่มดึงเอาปลาสองตัวใส่ในกระบุงแล้วสะพายข้างหนึ่ง แวะเอาฉมวกไปเก็บแล้วหันมาจูงมือภรรยาที่สะพายห่อผ้าเดินตามหลัง
เจิงอิ่งพอจะรู้มาก่อนแล้วว่าที่นี่เป็นค่ายกลของจอมยุทธ์ลู่ผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าลู่ ข้างในมีเรือนใหญ่หลังหนึ่งที่ถูกสร้างไว้เป็นแหล่งกบดานของเขา คนทั่วไปไม่รู้ว่าพ่อบ้านลู่หรือลู่ฮั่นผู้นี้คืออาจารย์ลู่ จอมยุทธ์ที่มีผู้หวังฝากตัวเป็นศิษย์กันมากมาย ในยามที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่นมักจะสวมชุดผ้าต่วนสีน้ำเงินปักลายงดงามและสวมหน้ากากดำปกปิดใบหน้าเสียกว่าครึ่ง
“ท่านพี่ เราจะค้างคืนที่นี่ด้วยหรือเจ้าคะ?”
“ใช่! จะว่าไปที่นี่ก็คือบ้านที่แท้จริงของข้า เรือนข้างในนั้นอาจารย์สร้างไว้ให้ข้า ทั้งป่านี้เราเป็นเจ้าของอย่างถูกต้อง ข้าถือโฉนดเอาไว้แล้ว”
“ข้านึกว่าป่านี้เป็นของทางการเสียอีก”
“แต่เดิมที่นี่เคยเป็นที่รกร้าง ตอนที่ข้าพบอาจารย์ได้รับบาดเจ็บก็พาไปรักษาที่กระท่อมริมน้ำตรงที่ตกปลา ตอนหลังพวกเราจึงได้ขอซื้อป่านี้จากทางการและเริ่มปลูกต้นไม้เพิ่ม รวมถึงปลูกเรือนเอาไว้ด้วย”
“มิน่าจึงมีศาลาอยู่ตรงนี้”
“นี่เอาไว้ให้พวกที่อยากมาสมัครเป็นลูกศิษย์ข้าได้พักอาศัยหลบร้อนหลบฝนต่างหาก” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
เจิงอิ่งถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นว่าห้องนอนด้านในของเรือนหลังใหญ่นั้นมีท่อนไม้ถูกตีตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนาเหมือนคุกในสำนักมือปราบไม่มีผิด
“ท่านพี่ นี่ท่านถึงกับคิดจะขังข้าเช่นนี้เลยหรือ?”
เหล่าลู่หัวเราะหึๆ “ก็ตอนนั้นข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาลอบสังหารฮูหยินกับคุณหนูหรือไม่? ดังนั้นต้องป้องกันไว้ก่อน” ชายหนุ่มจูงมือนางเข้าไปดูที่นอนหมอนมุ้งที่เขาซื้อมาใหม่จัดเตรียมตกแต่งห้องเอาไว้รอนาง “ทั้งหมดล้วนทำไว้ต้อนรับเจ้า”
หญิงสาวกึ่งบึ้งกึ่งยิ้มเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ที่มีทั้งส่วนอาบน้ำ ฉากกั้นมิดชิด โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะกินข้าว โต๊ะนั่งเล่นหมากขาวดำ “ตกลงว่าท่านคิดจะขังข้าหรือคิดจะเอาข้ามาบำรุงกันแน่ ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ดูสมบูรณ์พูนสุขเกินจะเป็นที่คุมขังนัก!”
“เราออกไปกินปลาเผาเสียก่อนเถอะ คืนนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าห้องขังนี้คุมขังเจ้าไว้ทำอะไร?” เขาขยับเท้าเข้ามาใกล้พูดอยู่เหนือใบหูเบาๆ จนเจิงอิ่งขนลุกเกรียว
***************************
