บทที่ 5 สัญญาแต่งงาน
เหล่าลู่ที่คิดจะจับผิดเจิงอิ่งอยู่ทุกวันรู้สึกว่านางมีความลับที่ซ่อนไว้ในยามที่อ้างว่าต้องอาบน้ำ เขาจึงมานั่งที่ม้าหินหน้าเรือนนอนของตนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องอาบน้ำของนาง มองข้ามสนามหญ้าเล็กที่ขวางอยู่ไปคอยจับตาดูนาง จากระยะที่ไม่ถึงกับห่างมากนักเขามองเห็นความเคลื่อนไหวหน้าห้องอาบน้ำได้สะดวก
แต่แล้ว! เจิงอิ่งก็ใช้แผนหลอกล่อเขาไปในห้องอาบน้ำได้อีกครั้ง คราวนี้นางถึงกับยอมถอดเหลือผ้าเหลือเพียงเอี๊ยมตัวน้อยกับกางเกงขาสั้นข้างใน เพราะเห็นอกอวบอิ่มที่ดันเอี๊ยมสีชมพูออกมานั่นแท้ๆ ทำให้เจ้าปลาช่อนใหญ่ของเขาพลันวูบวาบคล้ายจะโผล่ออกมาดูเหตุการณ์ ขณะที่กำลังพยายามควบคุมอารมณ์พิศวาสของตนเองที่เริ่มระอุ เจิงอิ่งกลับร้องไห้กระซิกๆ
“ข้าคงไม่กล้าสู้หน้าผู้คนแล้ว! ”
ถ้อยคำตัดพ้อต่อโชคชะตาของนางทำให้เขาต้องเอ่ยปากรับผิดชอบ นางแสร้งถามว่าเขามีภรรยาหรือยัง? ชายหนุ่มที่มัวแต่มองทรวงอกกระเพื่อมอยู่ตรงหน้าลอบกลืนน้ำลายก่อนตอบตามจริง
“ยัง! ข้าอยู่ดูแลจวนนี้มาตั้งแต่ยังรุ่นๆ มิเคยมีภรรยาและยังไม่มีบุตร”
นางเห็นเขาเริ่มหน้าแดงระเรื่อก็รีบพูดจาบีบบังคับ นัยในคำพูดนางคือต้องการให้เขารับนางเป็นภรรยา เหล่าลู่เกรงว่าส่วนล่างของร่างกายของตนจะฟ้องความรู้สึกที่มีต่อนางออกมาจนหมด ก็รีบร้อนตอบรับ!
“เอาเถิด หากเจ้าไม่รังเกียจข้า ข้าก็จะแต่งงานกับเจ้าแต่ขอเวลาข้า สักหน่อย” ชายหนุ่มอธิบายว่าเขาต้องการเวลาในการเตรียมตัวเพื่อบอกกล่าวกับฮูหยินสักหน่อย แต่นางกลับขอให้เขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับนางก็พอ...นางยินดีเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ นางร้องไห้น้ำตานองหน้า เหล่าลู่เงอะงะเมื่อเห็นน้ำตาหญิงสาวเขารีบออกจากห้องอาบน้ำก่อนที่ตนเองจะทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปปล้ำนางเข้าจริงๆ เรือนร่างขาวผ่องซ้ำยังอุดมไปด้วยก้อนเนื้อที่เด้งล่อตาล่อใจเขานั้นทำเอาความสุขุมที่กดข่มไว้มานานของเหล่าลู่แทบจะทะลักออกมา
เจิงอิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็แอบเข้ามาหาเขาที่ห้องเพื่อต่อรองให้เหล่าลู่ยอมลงนามในสัญญาแต่งงาน กลิ่นกายของนางหอมโชยมาเตะจมูกจนเขาเผลอสูดดมเข้าไปอย่างเต็มที่ จิตใจเหล่าลู่เตลิด เขานึกอยากจะดึงนางขึ้นเตียงเสียเดี๋ยวนี้!
“ข้าอยากทำสัญญาแต่งงานกับท่านให้ชัดเจนเพราะเกรงว่าวันหลังท่านอาจจะคิดเปลี่ยนใจเอาได้”
ยามที่นางเอ่ยปากต่อรองก็ยังเจตนาเข้ามานั่งใกล้ เหล่าลู่เริ่มหายใจติดขัด เรือนร่างของนางเขาก็ได้เห็นจนหมดแล้ว ซ้ำยังเผลอเก็บไปนอนฝันทุกคืน...ฝันว่านางมานอนเปลือยกายอยู่บนเตียงของเขา!
...กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ลงนามในสัญญาแต่งงานกับนางเรียบร้อยแล้ว!
คุณหนูชิงลูกศิษย์คนเล็กของเขารู้เรื่องเข้าก็ทั้งฉิวทั้งขำที่อาจารย์ของตนหลงกลสตรีที่แอบแฝงมาในเรือน เหล่าลู่ตรงกลับไปยังเรือนหลังป่าไผ่ที่เขากับอาจารย์ลู่ ผู้เป็นยอดจอมยุทธ์สร้างเอาไว้ รอบเรือนนั้นล้วนเป็นค่ายกลทั้งสิ้น ลึกเข้าไปในเรือนด้านในมีห้องนอนใหญ่ ชายหนุ่มจึงได้หาไม้มาทำเหมือนเป็นกรงขังไว้รอบๆ ห้องนอนนั้น แม้ว่าจะสามารถเปิดหน้าต่างหรือประตูได้ทว่าก็ต้องติดกรงอยู่ดี
...หากจำเป็นขึ้นมา...เขาอาจจะต้องนำนางมาขังไว้ที่นี่!
วันต่อมาเขาคิดจะกลับมาเตรียมฟูกนอนและใส่ผ้าม่าน เหล่าลู่ที่ถือ คันเบ็ดอันใหม่ติดมือมาด้วยกลับเจอนักฆ่าสามคนลอบทำร้ายที่หน้าป่าไผ่ เขาใช้คันเบ็ดต่อสู้และฟาดถูกใบหน้าของคนร้ายหนึ่งในสามอย่างแรง ช่างน่าแปลกนักที่พวกมันล้วนฝีมือดีเกินกว่าโจรที่เขาเคยปะทะมา เหล่าลู่จึงหลบหนีเข้าไปในค่ายกลหลังป่าไผ่ ดูเหมือนนักฆ่าพวกนั้นจะรู้ว่าค่ายกลของเขาอันตรายมากจึงมิได้ตามมา
เจิงอิ่งเห็นเหล่าลู่กลับมาอย่างปลอดภัยก็รู้ว่าระดับวรยุทธ์ของเขามิใช่ธรรมดา! ขนาดองครักษ์เสื้อแพรทั้งสามคนยังทำอันใดคนผู้นี้มิได้!
วันที่เขาจับผิดเจิงอิ่งได้ก็มาถึง....วันนั้นเหล่าลู่ลอบเข้าสำรวจห้องอาบน้ำและเห็นกรงนกพิราบที่มีเชือกมัดสาส์นติดอยู่ที่ขา เขาบุกเข้าห้องอาบน้ำไปหานาง เอ่ยปากอย่างอาจหาญ
“ข้าเป็นสามีเจ้ามิใช่หรือ? เรือนร่างของเจ้าข้าเองก็เคยเห็นมาก่อน ไม่เห็นจะต้องอายเลย” เขาทำท่าจะเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับนางทั้งสองจึงต่อสู้กันโดยที่นางยังไม่ผสมน้ำร้อนลงไปในอ่าง
คนทั้งสองตกลงไปในอ่างน้ำในสภาพวาบหวิว ขณะนั้นเสียงต่อสู้กันดังลั่นจนทำให้เสี่ยวลิ่งต้องวิ่งไปเรียกจังฮูหยินเข้ามาห้าม
“พะ พวกเจ้า! ทำอะไรกันอยู่หรือ?” จังฮูหยินตะลึงมองภาพตรงหน้า
เหล่าลู่เหลือเพียงเสื้อสีขาวตัวในนอนหงายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ข้างบนมีร่างเกือบเปลือยของเจิงอิ่งคร่อมอยู่ ใบหน้าของนางซุกซบอยู่ตรงซอกคอของเหล่าลู่ คนที่เพิ่งเข้ามาเห็นเพียงสายเอี๊ยมรัดตัวเส้นเล็กกับที่คล้องคอนางอยู่ ทรวงอกนางบดเบียดอยู่กับพ่อบ้านลู่
จังฮูหยินเรียกทั้งคู่เข้าไปพูดคุย เมื่อเหล่าลู่ออกมาจะแต่งงานกับเจิงอิ่งโดยเอาสัญญาที่นางบังคับให้เขียนออกมาอ้าง เจิงอิ่งจึงไม่อาจปฏิเสธ สัญญาแต่งงานที่นางคิดจะเอาไว้ข่มขู่เขากลายเป็นเครื่องมัดตัวนางไปเสียแล้ว!
เจิงอิ่งถูกเหล่าลู่ทำทีคล้ายประคองกลับไปพูดคุยกันที่ห้อง ความจริงเขากำลังข่มขู่จับกุมนางต่างหาก นางจึงจำยอมต้องสารภาพความจริง!
“ข้าถูกองค์ชายส่งมาดูแลฮูหยินกับคุณหนูเจ้าค่ะ มิได้มีเจตนาไม่ดีอื่นใด?”
“จริงหรือ? เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
หญิงสาวยื่นสาส์นจากองค์ชายส่งให้และยืนยันว่านางคือคนของ องค์ชายสิบห้า เป็นเพราะองค์ชายทรงห่วงใยในตัวคุณหนูชิงยิ่งนักจึงให้นางซึ่งเป็นหนึ่งในองครักษ์ของพระองค์มาคอยดูแลและคอยส่งข่าวด้วย ‘เจ้าขันที’ นกพิราบตัวนั้น
“ข้าต้องรายงานสถานการณ์ทุกระยะ องค์ชายต้องการทราบความเป็นอยู่ของคุณหนูชิงเจ้าค่ะ”
เหล่าลู่พยักหน้าว่าเชื่อแล้ว เขาจึงสอบถามเรื่องนกที่นางนำมาด้วย
“เหตุใดเจ้าจึงตั้งชื่อมันว่าขันทีเล่า?”
“ก็มันไม่ค่อยยอมขันนี่นา...ข้าจึงเรียกมันว่าขันที”
เหล่าลู่หัวเราะพอใจ เขาซักไซ้นางจนได้รู้ว่าที่แท้นักฆ่าที่ไปดักทำร้ายเขาหน้าป่าไผ่คือองครักษ์ขององค์ชายสิบห้าที่มาทดสอบฝีมือของเขา
“ข้าเป็นหนี้ชีวิตขององค์ชาย จึงได้ถวายตัวเป็นองครักษ์รับใช้ วรยุทธ์ของข้าได้มาจากการฝึกกับกลุ่มองครักษ์เงาของฮ่องเต้ ข้าต้องขึ้นเขาไปฝึกวิชาอยู่หลายปีจากนั้นจึงได้มาอารักขาองค์ชาย”
*****************
*เนื้อหาในบทนี้ปรากฏเป็นตอนขนาดยาวอยู่ในเล่ม 1 “เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย” ผู้เขียนจึงมิได้นำมาลงไว้แต่สรุปเนื้อหามาเป็นบทนี้นะคะ
