บทที่ 9 คนตาบอด
ฝูซิ่นเล่อรีบจัดการเรื่องต่าง ๆ ในค่ายทหารให้เสร็จสิ้น จนบรรดาทหารต่างพากันแปลกใจกับท่าทางรีบร้อนของท่านแม่ทัพที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อย ๆ
แม่ทัพหนุ่มรู้สึกกังวลใจเรื่องบัวชมพู เขามั่นใจว่านางมีเรื่องไม่สบายใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลัวซินเอ๋อร์ ไม่รู้ว่านางเข้าใจผิดไปถึงไหนแล้ว สีหน้าเศร้าหมองของนางก่อนจะกลับออกไปคล้ายคนกำลังจะร้องไห้ จนเขาอดห่วงไม่ได้ จึงรีบเร่งจัดการงานที่คั่งค้างให้เรียบร้อย แล้วควบม้าออกจากค่ายไปท่ามกลางสายตาที่เต็มไปดด้วยความสงสัยของเหล่าพลทหาร
ฝูซิ่นเล่อขี่ม้าผ่านตลาดและบังเอิญผ่านร้านเครื่องประดับสตรี จึงแวะเข้าไปซื้อเครื่องประดับศีรษะสองสามชิ้นให้บัวชมพู แล้วรีบร้อนกลับจวนไปทันที
เมื่อมาถึงจวนสกุลฝู ชายหนุ่มก็พลิกกายลงจากหลังม้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังเรือนเหลียนฮวา ไป๋อวี้วิ่งหน้าตาตื่นออกมาพบเขาด้วยท่าทางร้อนรน
“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ” หญิงสาวเรียกอย่างเหนื่อยหอบ “แม่นางเหลียนกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
“กลับไปแล้ว” ฝูซิ่นเล่อทวนคำ “เหตุใดจึงรีบกลับนัก”
“ข้า...ข้าคิดว่าแม่นางน้อยใจท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
“น้อยใจข้า? เรื่องซินเอ๋อร์น่ะหรือ?”
“เจ้าค่ะ”
“ข้าหาได้คิดอะไรกับซินเอ๋อร์”
“แต่ท่านแม่ทัพเอ่ยชื่นชมแม่นางหลัวให้แม่นางเหลียนฟัง ในขณะที่เอาแต่บอกว่าแม่นางเหลียน...” อัปลักษณ์ คำคำนี้ไป๋อวี้ไม่กล้าพูดออกมา “นางคงเสียใจที่ท่านแม่ทัพเห็นแม่นางหลัวงามกว่านาง”
“ข้าพูดสักคำหรือว่าซินเอ๋อร์งามกว่านาง” ฝูซิ่นเล่อเครียดจัด
“แต่ท่านแม่ทัพพูดว่า ‘ผู้ใดมีตาก็ย่อมต้องบอกว่านางงามทั้งนั้น’ นี่เจ้าคะ”
ฝูซิ่นเล่อสบถด่าตัวเองเบา ๆ
“ข้าจะไปตามนาง!”
“หมายความว่าท่านแม่ทัพจะ...”
ฝูซิ่นเล่อไม่ได้ตอบคำถามของไป๋อวี้ เขาก้าวไปยังสระบัวในเขตเรือนเหลียนฮวาแล้วกระโจนลงไปทันที
“เฮ้อ...”
บัวชมพูถอนหายใจขณะนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะข้างสระบัว ในมือมีแท็บเล็ตที่เปิดคลิปหญิงสาวชาวจีนสอนทำขนมเหอฮวาซูค้างไว้ ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน เธอก็เปิดดูคลิปนี้วนเป็นสิบรอบแล้ว เพียงแต่ไม่มีสมาธิดูเท่าไหร่ ในหัวมีแต่ถุงหอมกับผ้าเช็ดหน้าลายปักที่หลัวซินเอ๋อร์ทำให้ฝูซิ่นเล่ออยู่เต็มไปหมด
“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง นึกถึงคำที่ฝูซิ่นเล่อกระซิบข้างหูตอนที่เธอแกล้งเมา เขาบอกว่าในสายตาของเขาไม่มีใครงดงามและน่าเอ็นดูเกินไปกว่าเธอ แต่เขาก็ไม่เคยชื่นชมเธอต่อหน้า ในขณะเดียวกันเขากลับพูดถึงความงามของหลัวซินเอ๋อร์ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
คิดแล้วมันน่าน้อยใจนัก!
มือบางเอื้อมลงไปเก็บก้อนหินบนพื้น แล้วหันไประบายอารมณ์กับสระบัวแทน ก้อนหินถูกขว้างลงไปในสระก้อนแล้วก้อนเล่า ติด ๆ กันหลายก้อน จนกระทั่งก้อนสุดท้ายลอยไปชนกับศีรษะของฝูซิ่นเล่อที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำพอดี
“เฮ้ย!” บัวชมพูร้องอย่างตกใจ เมื่อคนที่เป็นสาเหตุให้เธอหนีกลับมาตามมาหาถึงที่ หลังจากที่เธอเพิ่งกลับมาถึงบ้านไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
มาได้ไงก่อน
ฝูซิ่นเล่อหาได้ใส่ใจต่อความเจ็บที่ศีรษะ ชายหนุ่มรีบขึ้นมาจากสระบัว แล้วกอดบัวชมพูแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
“หากโกรธข้าเรื่องซินเอ๋อร์ เหตุใดไม่อยู่รอต่อว่าข้า หรือรอให้ข้ากลับมาอธิบาย ไยต้องหนีกลับมาเช่นนี้ ข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!”
“ท่าน... ตามข้ามาเหรอ” บัวชมพูยังคงไม่แน่ใจว่านี่เป็นฝูซิ่นเล่อตัวจริงหรือว่าเธอกำลังฝันไป
“หากข้าไม่ได้ตามเจ้ามา แล้วข้าจะมาตามใครที่ไหนได้อีก” เขาย้อนถาม “คราวหลังอย่ากลับมาโดยไม่บอกข้า”
“ข้า...” บัวชมพูอ้ำอึ้ง พูดอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร รู้เพียงว่ายามนี้เธอกำลังใจเต้นแรงจนกลัวว่าฝูซิ่นเล่อจะได้ยิน
“เรื่องซินเอ๋อร์มันไม่ได้มีอะไร ข้าไม่ได้ชอบนาง” ชายหนุ่มรีบอธิบาย
“ผู้ชายที่ไหนบ้างไม่ชอบผู้หญิงที่สวยปานนางฟ้าแบบนั้น” คิดถึงตรงนี้ บัวชมพูก็อดรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาอีกไม่ได้ จึงผลักฝูซิ่นเล่อออกจากกายเบา ๆ “ท่านยังบอกเลยไม่ใช่เหรอว่านางสวย”
“...”
“ผู้ใดมีตาก็ย่อมต้องบอกว่านางงดงามทั้งนั้น” บัวชมพูย้ำคำพูดของเขา
“เช่นนั้นข้าคงตาบอด” ฝูซิ่นเล่อพูดพลางสบตาบัวชมพูนิ่ง “ข้าถูกหญิงผู้หนึ่งปั่นหัวจนมองไม่เห็นความงามของหญิงใด แม้กระทั่งซินเอ๋อร์”
เขา...เขากำลังพูดถึงใครกันแน่
บัวชมพูรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า แต่ก็ยังคงมองฝูซิ่นเล่อโดยไม่คิดหลบตา
“ท่านไม่คิดว่านางงามหรือ” เธอถาม
“ไม่” ฝูซิ่นเล่อตอบ “ก่อนหน้านี้ที่ข้าตอบเจ้า ข้าเพียงเล่าให้ฟังว่านางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของต้าเจา แต่ไม่ได้พูดว่านางคือหญิงงามอันดับหนึ่งในใจของข้า”
“ถ้าอย่างนั้น ใครกันล่ะที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใจของท่าน”
“อยากรู้หรือ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนก้มลงกระซิบ “หากอยากรู้ก็ตามข้ากลับไปสิ แล้วข้าจะบอก”
“ร้ายกาจ!” บัวชมพูหัวเราะออกมา ที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็มาเพื่อง้อให้เธอกลับไป
“กลับไปแล้ว ข้าพาเจ้าไปเที่ยวดีหรือไม่” ฝูซิ่นเล่อถาม “มีป่าไผ่ที่งดงามอยู่ในเมืองเว่ยหยาง หากเจ้าอยากเห็น ข้าจะพาไป”
บัวชมพูกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ แต่ก็อยากเล่นตัวอีกสักหน่อย
“ขอเพิ่ม ไม่งั้นไม่กลับ”
ฝูซิ่นเล่อเห็นแววตาซุกซนของคนตรงหน้าก็รู้สึกคลายกังวล ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งของที่นางชมชอบขึ้นมา
“ข้าว่าจะสั่งผ้าไหมจากต่างเมืองมาให้เจ้าตัดชุดเพิ่ม ใช้ช่างคนเดียวกับที่ตัดชุดให้ฮองเฮาเป็นอย่างไร”
“ได้เหรอ ช่างของฮองเฮาเชียวนะ”
“ลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร”
บัวชมพูยิ้มร่าให้กับน้องชายของฮองเฮาที่กำลังพยายามหลอกล่อเธอ
“มีอะไรอีก” หญิงสาวกอดอกถาม
“ข้าจะสั่งทำเครื่องประดับ”
“เครื่องประดับไม่สน พ่อแม่ข้าเปิดร้านขายเครื่องประดับอยู่แล้ว”
“มีขนมหลายชนิดที่มีให้กินแค่ในวังหลวง แต่ข้าหามาให้เจ้าได้”
งานเอาของกินมาล่อก็มา!
“อะไรอีก”
“อีกไม่นานจะมีงานเทศกาลชมดอกบัว ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว” ฝูซิ่นเล่อว่า “เราซื้อพลุไฟไปจุดกันด้วยก็ได้ เจ้าน่าจะชอบ”
บัวชมพูอมยิ้มอย่างคนที่กลั้นยิ้มไม่อยู่
“มีอะไรอีกไหม”
“เจ้าอยากได้อะไร ว่ามาได้เลย”
“พาข้าไปเที่ยวบ่อย ๆ” บัวชมพูเริ่มนับนิ้ว
“ได้”
“หากข้าอยากไปหาท่านที่ค่ายทหารล่ะ”
“ข้าอนุญาต”
“ข้าอยากฝึกคัดอักษร”
“ข้าจะสอนให้”
“ข้าอยากเข้าไปดูในห้องเก็บสมบัติ”
“ได้”
“แล้วถ้าข้าอยากได้อะไรในนั้น?”
“อยากได้อะไรก็หยิบไปได้เลย”
“ทุกอย่าง?”
“ทุกอย่าง”
บัวชมพูหัวเราะออกมา ก่อนจะกระโดดกอดท่านแม่ทัพของเธอไว้ โดยที่อีกฝ่ายก็กอดเธอตอบแนบแน่น
“น่ารักที่สุด” หญิงสาวคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยยิ้ม
“กลับกันเลยดีไหม” ฝูซิ่นเล่อถามทั้งที่ยังกอดบัวชมพู
“ข้าทำแผลให้ท่านก่อนดีกว่า” ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอดอุ่น พลางพิจารณาบาดแผลที่เริ่มมีเลือดไหลซึมของคนตรงหน้า “ขอโทษ ข้าทำท่านเจ็บ”
มือเรียวเอื้อมไปสัมผัสข้างบาดแผลของชายหนุ่มอย่างไม่สบายใจ แม้แผลจะไม่ลึกและดูคล้ายรอยถลอก แต่เธอก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำให้เขาต้องเจ็บตัวแบบนี้
“ถือว่าข้าให้เจ้าลงโทษ ที่ทำให้เจ้าไม่พอใจก็แล้วกัน”
“ข้า...ข้าไม่ได้ไม่พอใจอะไรท่านนี่” บัวชมพูพูดตะกุกตะกัก ขณะชักมือกลับมาเกาแก้มที่อุ่น ๆ ของตนอย่างเก้อเขิน
“เช่นนั้นหรือ” ฝูซิ่นเล่อถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่พอใจที่ข้าพูดว่าซินเอ๋อร์งดงามหรอกหรือ”
“เปล่าสักหน่อย!” หญิงสาวรีบเถียง
“เอาเป็นว่าข้าจะจำไว้ก็แล้วกัน ต่อไปจะไม่ชื่นชมหญิงใดนอกจากเจ้าอีก” แม่ทัพหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะคนตรงหน้า
บัวชมพูหน้าแดงก่ำ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกของรวิวรรณ
“คุณหนู นั่นใครคะ!”
เอาละสิ จะอธิบายกับคนในบ้านว่าอย่างไรดี
บัวชมพูหันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้รวิวรรณที่มองฝูซิ่นเล่ออย่างตื่นตะลึง ราวกับพบเห็นฆาตกรห้าร้อยศพเข้ามาอยู่ในบ้าน
ป้าคะ ป้าจะมองเขาแบบนั้นไม่ได้ เขาหล่อมากนะคะป้า
“นี่เพื่อนบัวเองค่ะ” บัวชมพูตอบเสียงอ่อย
“เพื่อนคุณหนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมป้าไม่เห็น แล้วทำไมถึงได้เปียกแบบนั้น ไหนจะยังชุดที่สวมนั่นอีก”
“คือว่าเพื่อนบัวเพิ่งไปงานคอสเพลย์มาค่ะ ก็เลยใส่ชุดมาอวด แต่บัวหมั่นไส้ก็เลยผลักเขาตกสระบัว”
“โธ่ ทำไมไปแกล้งเพื่อนแบบนั้นล่ะคะ”
“แหะ ๆ” บัวชมพูหัวเราะแห้ง ๆ “เดี๋ยวบัวพาเพื่อนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ ป้าวรรณช่วยไปหยิบชุดของแบงค์มาให้บัวสักชุดได้ไหมคะ อ้อ หากางเกงในที่แบงค์ยังไม่เคยใส่มาให้ด้วยก็ดีนะคะ”
“ค่ะ เดี๋ยวป้าจัดการให้ รีบพาเพื่อนเข้าไปในบ้านก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะป้า” บัวชมพูตอบ แล้วเรียกฝูซิ่นเล่อให้เดินตามเธอเข้าไปในบ้าน
แม่ทัพหนุ่มมองไปรอบ ๆ บ้านที่ดูแปลกตาในสายตาของเขาด้วยความสนใจ เช่นเดียวกับทุกคนในบ้านของบัวชมพูที่มองเขาด้วยความสนใจยิ่งกว่า
“บัว นี่ใครกันลูก” บัวบุษยาถามลูกสาว พลางกวาดสายตามองฝูซิ่นเล่อตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า
“เพื่อนบัวค่ะ เดี๋ยวบัวขอพาเพื่อนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ แล้วจะมาเล่าให้ฟัง”
ว่าแล้วหญิงสาวก็จับมือฝูซิ่นเล่อ ลากเขาขึ้นบันไดไปเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของคนในบ้าน หญิงสาวพาฝูซิ่นเล่อเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของตน แล้วจึงหันมาพูดกับเขา
“เอาละ ถอดเสื้อผ้าออก”
“เจ้าจะให้ข้าถอดเสื้อ?” ฝูซิ่นเล่อเลิกคิ้ว
“หรือจะอาบน้ำทั้งที่ใส่ชุดนั่นอยู่ล่ะ”
“เจ้าก็เลยจะให้ข้าเปลื้องผ้าต่อหน้าเจ้าน่ะหรือ”
เวรกรรม!
บัวชมพูตีหัวตัวเองเบา ๆ ก่อนจะรีบออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนบางคน
หลังปลดผ้าเปียกออกจากกายเรียบร้อยแล้ว ฝูซิ่นเล่อก็มองไปยังอ่างหินอ่อนสีขาวอย่างงุนงง นางบอกจะให้เขาอาบน้ำ แต่กลับไม่ยกน้ำเข้ามาให้ แล้วเขาจะอาบน้ำได้อย่างไรกัน
“เหลียนเอ๋อร์” ชายหนุ่มเรียกบัวชมพูจากในห้องน้ำ “ในอ่างไม่มีน้ำ”
“อ่า...” บัวชมพูเริ่มเครียดจัด “เห็นตู้ที่อยู่ใต้อ่างล้างหน้าหรือเปล่า”
“อ่างล้างหน้า?”
“เอาเป็นว่าเห็นอะไรที่รูปร่างเหมือนตู้หรือเปล่า”
“มีตู้เตี้ย ๆ อยู่”
“เปิดออกมา ข้างในมีผ้าเช็ดตัวอยู่ ท่านนุ่งซะ แล้วข้าจะเข้าไปจัดการเรื่องน้ำให้”
“อืม”
บัวชมพูยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน หญิงสาวเดินไปหน้าห้องเพื่อดูว่ารวิวรรณเอาเสื้อผ้ามาให้หรือยัง เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบแม่บ้านสาวร่างท้วมเดินถือเสื้อของน้องชายมาให้
“ขอบคุณค่ะป้า” หญิงสาวรับเสื้อผ้ามา “ที่เหลือเดี๋ยวบัวจัดการเองค่ะ”
“คุณหนูให้เพื่อนอาบน้ำในห้องหรือคะ” รวิวรรณถามอย่างประหลาดใจ เพราะขนาดเพื่อนแก๊งสัปดนที่มาค้างคืนที่บ้านอยู่เป็นประจำ ก็ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปอาบน้ำในห้องของบัวชมพูมาก่อน
“ค่ะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เดี๋ยวป้าจะให้คนมาทำความสะอาดห้องให้นะคะ” รวิวรรณมองไปตามพื้นที่เปียกน้ำเป็นทางและยังเลอะโคลนอีก
“เอาไว้ก่อนค่ะ รอให้บัวพาเพื่อนลงไปข้างล่างแล้วค่อยมาทำความสะอาดแล้วกันค่ะ”
“ได้ค่ะ”
“งั้นบัวขอตัวไปดูเพื่อนก่อนนะคะ” บัวชมพูทำท่าจะปิดประตูห้อง
“คุณหนูจะเข้าไปดูเพื่อนอาบน้ำเหรอคะ” รวิวรรณร้องอย่างตกใจ
“ไม่ใช่ค่ะ” คนตอบเริ่มอยากจะร้องไห้ “บัวหมายความว่าจะเอาเสื้อเข้าไปให้เพื่อนเปลี่ยนน่ะค่ะ”
“ป้าว่าคุณหนูลงไปรอข้างล่างก่อนดีไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะป้า เพื่อนบัวไว้ใจได้”
“แต่...”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ คนนี้เรียบร้อยกว่าพวกแก๊งสัปดนอีก”
“เหลียนเอ๋อร์” เสียงฝูซิ่นเล่อร้องเรียก
“บัวไปดูเพื่อนก่อนนะคะ”
พูดจบบัวชมพูก็รีบปิดประตูทันที รวิวรรณทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เดินวนเวียนอยู่หน้าห้องคุณหนูของตนด้วยความเป็นห่วง
เห็นทีคงต้องตามแก๊งสัปดนมาช่วยเสียแล้ว
“พันผ้าเช็ดตัวแล้วใช่ไหม” หญิงสาวถามคนที่อยู่ในห้องน้ำ
“อืม”
“แน่ใจนะว่าท่านไม่ได้เปลือยแล้ว เพราะข้าจะเข้าไป”
“อืม”
บัวชมพูถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป แล้วก็ต้องเบิกตาค้างเมื่อพบว่าฝูซิ่นเล่อนุ่งผ้าเช็ดตัวไว้รอบเอว ยืนเปลือยแผงอกกำยำอวดสายตาของเธออยู่
เธอลืมไปได้ยังไงว่าคำว่า ‘เปลือย’ ของผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกัน!
บัวชมพูก้มหน้าก้มตาเดินไปที่อ่างอาบน้ำแล้วเปิดน้ำอุ่นใส่ลงไป แต่ใบหน้าที่แดงจัดนั้นมิอาจรอดพ้นสายตาของฝูซิ่นเล่อไปได้ ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนหันไปสนใจวิธีการเติมน้ำให้เต็มของบัวชมพู
“นั่นคืออะไร เหตุใดจึงมีน้ำไหลออกมา” ฝูซิ่นเล่อถามอย่างสงสัย
“เรียกว่าระบบน้ำประปาน่ะ ที่บ้านข้าไม่ต้องเดินไปตักน้ำมาเติมให้เหนื่อยแล้ว เพราะเรามีน้ำแบบนี้ใช้”
แม่ทัพหนุ่มเดินไปดูที่อ่าง พบว่าน้ำที่ไหลออกมานั้นใสสะอาดยิ่งนัก แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นแปลก ๆ ที่เขาไม่รู้จัก
“น้ำนี้มีกลิ่น”
“กลิ่นคลอรีนน่ะ มันช่วยให้น้ำสะอาดแล้วก็ไม่มีกลิ่นเหม็น” บัวชมพูตอบ “ตามมาทางนี้”
หญิงสาวเดินนำไปยังตู้กระจกที่มีเรนเชาเวอร์ระหว่างรอให้น้ำเต็มอ่าง ฝูซิ่นเล่อเดินตามไปอย่างว่าง่าย
“แบบนี้คือเปิด” หญิงสาวหมุนด้ามจับสีเงินให้ฝูซิ่นเล่อดู โดยระมัดระวังตัวเองให้อยู่พ้นจากวิถีของน้ำ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเปียกอยู่ดี เธอจึงรีบปิด “หมุนกลับแบบนี้น้ำก็จะหยุดไหล”
บัวชมพูเดินกลับออกมา แล้วให้ฝูซิ่นเล่อเข้าไปแทน
“ปลดผ้าแขวนไว้ที่ราวตรงประตูก็ได้” บัวชมพูหันหลังให้ “ขวดสีฟ้าเอาไว้สระผม สีชมพูเอาไว้อาบน้ำ”
“แล้วน้ำที่เจ้าเตรียมไว้ในอ่างล่ะ”
“รอให้น้ำเต็มก่อนแล้วค่อยลงไปแช่ทีหลัง ตอนนี้ล้างโคลนออกก่อน จะได้ไม่เลอะอ่าง”
“อ้อ” ฝูซิ่นเล่อรับคำ ขณะมองแผ่นหลังบางที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ “เจ้าไม่มาช่วยข้าอาบน้ำรึ?”
“ใครว่าข้าจะช่วยท่านอาบน้ำกัน!” บัวชมพูถามเสียงหลง
“ก็เห็นเจ้าไม่ยอมออกไป” น้ำเสียงหยอกเย้าเอ่ยตอบ
“ก็กำลังจะออกไปอยู่นี่ไง!”
“หากไม่อยากออกไป จะอยู่ช่วยข้าอาบน้ำก็ได้ ข้าไม่ถือหรอก” ชายหนุ่มยังคงแหย่ไม่เลิก “ข้าเองไม่คุ้นเคยกับห้องอาบน้ำบ้านเจ้า หากทำอะไรผิดพลาด ข้าวของเสียหายจะทำอย่างไร”
“ข้ออ้างฟังไม่ขึ้นอย่างรุนแรง!” หญิงสาวกลอกตาไปมา “เวลาอยู่ที่จวน ต้องมีคนอาบน้ำให้ท่านหรือ”
“เคยมี”
“ใคร!” คนถามเสียงแข็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ซินเอ๋อร์”
“ว่าไงนะ!” บัวชมพูหันไปมองฝูซิ่นเล่อ ลืมไปเสียสนิทว่ายามนี้เขากำลังเปลือยกายอยู่
แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้ตาบอดอย่างเธอ ย่อมต้องเห็นอะไรที่ไม่สมควรจะเห็นเต็มสองตา!
