บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 อาบน้ำ

แม้แต่ฝูซิ่นเล่อเองก็ถึงกับตะลึงไป เขาเจตนาเย้าแหย่บัวชมพูก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าหญิงสาวจะหันขวับกลับมาหาตนในสภาพที่กำลังเปลือยเปล่าเช่นนี้ ส่วนคนที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเขาก็รีบหันหน้าหนีในทันที แต่ไม่ว่าจะหันเร็วแค่ไหน เธอก็ได้เห็นมังกรตัวนั้นเต็มสองตาไปแล้ว

เลือดกำเดาแทบพุ่ง!

ถ้าเอาแอลกอฮอล์มาล้างตาแล้วตาไม่บอด เธอจะวิ่งไปล้างเดี๋ยวนี้เลย!

“ขะ...ขอโทษ” บัวชมพูพูดตะกุกตะกัก แต่ก็ยังไม่วายอยากรู้เรื่องที่หลัวซินเอ๋อร์เคยอาบน้ำให้ฝูซิ่นเล่อมาก่อนอยู่ดี “ทำไมซินเอ๋อร์ถึงอาบน้ำให้ท่านล่ะ นางเป็นถึงหลานสาวของหนิงอันอ๋องไม่ใช่เหรอ”

คนถูกถามอมยิ้ม เขามองนางจากด้านหลังยังเห็นว่าตัวนางกลายเป็นสีแดงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายอยากรู้เรื่องของเขากับซินเอ๋อร์อีก

ดูท่าว่าผู้หญิงคนนี้คงจะชอบกินน้ำส้มน่าดู

“ไม่เพียงแต่เป็นหลานสาวของหนิงอันอ๋อง เดิมทีนางเคยเป็นองค์หญิงของต้าเจามาก่อน” ฝูซิ่นเล่อเล่าเสียงเรียบขณะเริ่มอาบน้ำ ราวกับว่าเมื่อครู่หาได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น “ยามที่ต้าจินกับต้าเจาทำสงครามกัน ฝ่ายต้าเจาส่งซินเอ๋อร์เข้ามายั่วยวนข้า เพื่อหวังสืบความลับในทัพไป๋หู่ และยุแยงให้ข้ากับฮ่องเต้ ซึ่งในยามนั้นยังเป็นเว่ยหยางอ๋องแตกคอกัน”

“นางก็เลยเข้ามาอาบน้ำให้ท่าน”

มีหญิงสาวงดงามขนาดนั้นมาอาบน้ำให้ อีตาแม่ทัพนี่คงจัดการไม่เหลือไปแล้วแน่

ฮึ่ย!

“อืม” ฝูซิ่นเล่อตอบรับ

ยังจะมีหน้ามายอมรับอีก!

“ภายหลังถึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางหลงรักข้า” เขาเล่าต่อ

บัวชมพูกลั้นหายใจไปชั่วขณะโดยไม่รู้ตัว และไม่สามารถนิ่งรอฟังให้ฝูซิ่นเล่อเล่าจนจบได้

“แล้วท่านชอบนางหรือเปล่า” เธอถามออกไป เพราะรู้สึกเป็นกังวลในใจเกินกว่าจะเก็บไว้

“เปล่า” เสียงนุ่มเอ่ยตอบ “ข้าหาได้คิดอะไรกับนาง”

“ทำไมล่ะ นางสวยออกขนาดนั้น”

“ข้าบอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือว่า มีสตรีผู้หนึ่งปั่นหัวข้า จนข้าไม่เห็นสตรีอื่นใดอยู่ในสายตาอีกต่อไป” ชายหนุ่มตอบ “ตั้งแต่ข้าอายุสิบเจ็ด ข้ามักเฝ้าฝันถึงสตรีผู้หนึ่งมาโดยตลอด นางปั่นหัวข้าในความฝันและความเป็นจริง ทำให้สองตาข้ามิอาจแลเห็นสตรีอื่นนอกจากนาง”

“สตรีผู้นั้นคงจะงดงามมากสินะ” น้ำเสียงนั้นฟังดูกระเง้ากระงอดขึ้นมา จนฝูซิ่นเล่อต้องอมยิ้ม

“เอาไว้กลับไปต้าจินด้วยกันก่อน แล้วข้าจะบอกเจ้า”

“ชิ!”

“ส่วนของที่ซินเอ๋อร์ให้มา เดิมทีข้าไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพราะยังไม่ได้เปิดดู หากเจ้าไม่พอใจ จะให้ข้าทิ้งไปก็ย่อมได้”

“จะบ้าเหรอ ทำอย่างนั้นได้ไง” บัวชมพูคัดค้าน “นั่นเป็นของที่นางตั้งใจทำให้ท่านนะ”

“ในเมื่อรับไว้แล้วเจ้าไม่สบายใจ ข้าจะเก็บไว้ทำไม”

“ข้าไม่ได้ไม่สบายใจสักหน่อย”

“อย่างนั้นหรือ”

“อือ”

“แต่ข้าไม่อยากรับไว้”

“ทำไมล่ะ”

“ถุงหอมกับผ้าเช็ดหน้าที่สตรีปักให้ ไม่ต่างอะไรจากของแทนใจ หากข้าจะรับของเหล่านั้นจากซินเอ๋อร์ ไม่สู้ว่าให้เจ้าทำให้ข้าไม่ดีกว่าหรือ”

“อือ...หืม? หา!”

ฝูซิ่นเล่อแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่กับปฏิกิริยาของบัวชมพู ท่าทางนางคล้ายจะหันกลับมาหาเขาอีกรอบ แต่ยังยั้งตัวเองไว้ได้ทัน

“ไหนท่านบอกว่าเป็นของแทนใจไง แล้วจะให้ข้าทำให้ได้ยังไง ข้า...ข้าไม่ได้คิดอะไรกับท่านสักหน่อย”

แม่ทัพหนุ่มเอื้อมมือไปปิดน้ำแล้วดึงผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว เปิดประตูกระจกที่มีไอน้ำจากน้ำอุ่นเกราะพราว จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาบัวชมพูก่อนก้มกระซิบที่ข้างใบหูขาวสะอาด

“ไม่คิดอะไรเลยจริง ๆ หรือ?” เขาถาม “สักนิดก็ไม่?”

“ข้า...” บัวชมพูหันกลับไปหาเขา แต่เพราะฝูซิ่นเล่ออยู่ใกล้มาก ทั้งใบหน้าและริมฝีปากของเธอจึงชนกับแผงอกแกร่งเข้าอย่างจัง

“วันนี้เจ้าทำลายความบริสุทธิ์ของข้าเป็นครั้งที่สองแล้วนะ เมื่อครู่ก็หันมามองร่างเปลือยเปล่าของข้า ยามนี้ยังจุมพิตอกของข้าอีก” ชายหนุ่มแกล้งเย้า

“จุมพิตอะไรกัน! ท่านนั่นแหละที่เข้ามาใกล้เกินไปจนข้าหันไปชน!” หญิงสาวเถียง

“การใช้ริมฝีปากสัมผัสร่างกายของผู้อื่น เจ้ายังไม่เรียกมันว่าการจุมพิตอีกหรือ”

“ไม่!” บัวชมพูก้มหน้างุด

“เช่นนั้น จุมพิตในความหมายของเจ้าคือการกระทำเช่นไร บอกให้ข้าฟังหน่อย”

“...”

“หรือจะสาธิตให้ดูก็ได้”

“ทะลึ่ง!” บัวชมพูผลักแผงอกของฝูซิ่นเล่อ แต่ร่างกายเขาแข็งแรงเกินไป จึงแทบไม่ขยับไปไหน

“ดูเหมือนน้ำใกล้จะเต็มอ่างแล้ว” ฝูซิ่นเล่อเบี่ยงประเด็นไปยังอ่างหินอ่อนที่บัวชมพูเปิดน้ำทิ้งไว้

บัวชมพูหันมองตาม พบว่าน้ำเต็มอ่างเร็วกว่าปกติ ราวกับว่าวันนี้น้ำจะไหลแรงเป็นพิเศษ หญิงสาวเดินเลี่ยงฝูซิ่นเล่อไปที่อ่างอาบน้ำ จุ่มมือลงไปในอ่างเพื่อดูว่าน้ำร้อนเกินไปหรือเปล่า แต่เมื่อสัมผัสดูก็พบว่าน้ำอุ่นกำลังสบาย จึงหันมาบอกแม่ทัพหนุ่มที่ยืนคอยอยู่

“ลงมาแช่ได้แล้ว”

“แล้วเจ้าล่ะ”

“ข้าจะออกไปรอข้างนอก” หญิงสาวตอบ ก่อนครุ่นคิดบางสิ่ง “หรือว่าข้าควรอยู่ช่วยท่านดี”

“หืม?” ฝูซิ่นเล่อส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงถาม

เมื่อครู่ไม่ใช่ว่านางทั้งตกใจ ทั้งเขินอาย จนเนื้อตัวแดงจนถึงตอนนี้หรอกหรือ เหตุใดอยู่ดี ๆ จึงเสนอตัว ‘ปรนนิบัติ’ เขาได้เล่า

บัวชมพูหันกลับมามองฝูซิ่นเล่อด้วยใบหน้าบึ้งตึงก่อนจะตอบ

“ดูซิว่าสาวยุคดิจิทัลอย่างข้ากับซินเอ๋อร์ ใครจะแน่กว่ากัน!”

ฝูซิ่นเล่อฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็มองเห็นความไม่ยอมแพ้ในดวงตาของนาง ตัวเขาน่ะไม่มีปัญหาหรอก หากนางจะอาบน้ำให้ ห่วงก็แต่คนขี้หึงแถวนี้นั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายเขินอายเอง

“แน่ใจแล้วหรือ?”

“ลงไปในอ่าง” หญิงสาวออกคำสั่งแทนคำตอบ “ไม่ต้องปลดผ้าออกนะ ลงไปทั้งแบบนั้นแหละ”

ฝูซิ่นเล่อทำตามที่บัวชมพูสั่ง เขาก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ทว่าทันทีที่ลงไปนั่งในอ่างหินอ่อน เขาก็ปลดผ้าเช็ดตัวออกจากเอว

“ทำอะไรน่ะ!” บัวชมพูร้องอย่างตกใจ “ข้าบอกว่าไม่ต้องปลดผ้า!”

“จะกลัวอะไร ข้านั่งหันหลังให้เจ้า อย่างไรเจ้าก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี”

ก็จริงของเขา

“แต่ถึงเห็นแล้วจะเป็นไรไป ในเมื่อเจ้าก็เห็นไปแล้วครั้งหนึ่ง”

“หยุดพูดเรื่องนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ!”

คนไร้ยางอาย!

ฝูซิ่นเล่อส่งเสียงหัวเราะในลำคอ “ไหนว่าจะช่วยข้าอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ลงมือสิ ข้ารออยู่”

“รู้แล้วน่า” บัวชมพูดตอบ ทั้งที่ในใจยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ไม่น้อย

ตั้งแต่เกิดมา เธอเคยอาบน้ำให้หมาอย่างเดียว ยังไม่เคยอาบน้ำให้คนมาก่อนเสียด้วย นึกเสียว่าผู้ชายคนนี้เป็นหมาน้อยตัวหนึ่งก็แล้วกัน

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ แล้วก็ต้องพบว่าเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์ เพราะมันทำให้เธอได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่และแชมพูจากกายของฝูซิ่นเล่อ บัวชมพูจุ่มมือลงในน้ำ ใช้มือช้อนน้ำขึ้นมาจากอ่างหินอ่อนลูบไล้ไปตามท่อนแขนกำยำ แขนของเขาดูแข็งแรงมาก สมกับที่เป็นแม่ทัพ ทำให้มือเรียวบางสั่นน้อย ๆ ขณะช่วยเขาถูตัว

ในขณะเดียวกัน คนที่ได้รับการปรนนิบัติก็ใจเต้นแรงไม่ต่างกัน

มือของนางนุ่มเกินไป นุ่มจนเขาอยากจะดึงมาจับเอาไว้ สัมผัสที่ลากไล้ไปตามแขนของเขาอ่อนโยน ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม หวั่นไหวยิ่งกว่าตอนที่หลัวซินเอ๋อร์อาบน้ำให้เขาเสียอีก

มือของบัวชมพูย้ายมาถูแขนอีกข้างให้ฝูซิ่นเล่ออย่างเบามือ บรรยากาศยามนี้เงียบมากจนต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่กำลังเต้นรัวอย่างชัดเจน

หลังจากถูแขนทั้งสองข้างให้ฝูซิ่นเล่อเรียบร้อยแล้ว บัวชมพูก็รวบรวมความกล้าถูหลังให้เขา ไล่มาจนถึงเอวสอบก็ชะงักมือ พยายามไม่ลากต่ำลงไปกว่านั้น

กันพลาด!

“แล้ว...แล้วข้างหน้าต้องถูด้วยหรือไม่” เสียงแผ่วเอ่ยถาม

คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่ง มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“ซินเอ๋อร์ถูข้างหน้าให้ข้าด้วยนะ”

บัวชมพูหน้าบึ้งทันที วางมือข้างหนึ่งลงบนบ่าของฝูซิ่นเล่อ ในขณะที่อีกมือเอื้อมไปที่ข้างลำตัวของเขา

หากใครมาเห็นเข้า คงไม่แคล้วเข้าใจผิดว่าเธอกำลังกอดท่านแม่ทัพเพื่อยั่วยวนเป็นแน่

มือของบัวชมพูลากผ่านแผงอกของฝูซิ่นเล่อ จนสัมผัสถูก ‘บางสิ่ง’ ที่อยู่บนอกทั้งสองข้างของเขา เจ้าของร่างยังคงนั่งนิ่ง ในขณะที่คนสัมผัสโดนอยากเอาหัวจุ่มน้ำแล้วกลั้นใจตายไปซะ!

แม่จ๋า บัวเจอซิกแพคด้วย

มือนุ่มที่ลูบไล้เรือนร่างแข็งแกร่งทำให้ฝูซิ่นเล่อรู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังรุ่มร้อน บังเกิดความปรารถนาบางประการขึ้นมาอยากไม่อาจห้าม เขาอยากจะหันไปเผชิญหน้ากับตัวต้นเหตุ แล้วดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดให้รู้แล้วรู้รอดไป

มือใหญ่จับมือนุ่มเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวนั้น ก่อนที่ตัวเขาจะหมดความอดทน

“อะไรเหรอ” บัวชมพูถาม

น้ำเสียงของนางฟังดูไร้เดียงสาจนเขาแทบจะร้องไห้

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ เกรงว่าเจ้าจะหัวใจวายไปเสียก่อน” เขาเอ่ยเย้า

“ใครหัวใจวายกัน!” บัวชมพูได้ยินดังนั้นก็ยิ่งอยากเอาชนะ หญิงสาวดึงมือออกจากมือของฝูซิ่นเล่อ แล้วถูตัวให้เขาอีก

“พอเถอะ” เสียงของฝูซิ่นเล่อแหบต่ำลง ทั้งยังพยายามจับมือของบัวชมพูไว้ แต่คนดื้อรั้นกลับไม่ยอมแพ้ สะบัดมือออกจากเขาจนพลาดไปโดนส่วนที่ไม่ควรโดนบริเวณใต้สะดือของเขาเข้า!

ทั้งสองต่างหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง บัวชมพูรีบชักมือออก วิ่งหนีออกไปนอกห้องน้ำ ใบหน้าแดงซ่านจนถึงใบหู

เธอเพิ่งสัมผัสถูก...ของเขา

ตายแล้ว! ตายแล้ว! ตายแล้ว!

บัวชมพูกระโจนลงไปบนเตียงแล้วเอาหน้าซุกกับหมอน นี่สินะ ที่เรียกว่ายิ้มไม่ได้ร้องไม่ออก ทำไมเธอถึงได้ซวยขนาดนี้ โดนอะไรไม่โดน กลับมาโดน...ของฝูซิ่นเล่อ เห็นอะไรไม่เห็น ดันมาเห็น...ของเขา!

สวรรค์! นี่เรียกว่าเธอปล้นความบริสุทธิ์ของผู้ชายคนนั้นใช่หรือเปล่า!

หลังจากที่บัวชมพูวิ่งพรวดพราดออกไป ฝูซิ่นเล่อก็นั่งนิ่งอยู่ในอ่างน้ำครู่หนึ่ง เพื่อให้คลายจากความปรารถนาที่บังเกิดขึ้น จากนั้นจึงลุกขึ้นจากอ่างน้ำไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้ออกมาพันรอบเอว แล้วเดินออกมาหาบัวชมพูที่นอนเอาหน้าซุกหมอน ตีขาอยู่บนเตียง

“เจ้าเป็นอะไร” ฝูซิ่นเล่อถามอย่างแปลกใจ เมื่อออกมาเห็นบัวชมพูแทบจะนอนดิ้นอยู่แล้ว

“เปล่า” หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง พยายามปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ แล้วหยิบเสื้อของน้องชายมาส่งให้เขา “เอานี่ไปใส่ก่อน น่าจะเล็กไปหน่อย เดี๋ยวจะพาออกไปซื้อชุดใหม่”

เหมือนวันที่เธอไปจวนสกุลฝู แล้วเขาต้องพาเธอไปหาซื้อผ้ามาตัดเสื้อไม่มีผิด

ฝูซิ่นเล่อรับเสื้อผ้าจากบัวชมพูแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ เสื้อเชิตสมัยใหม่กับกางเกงยีนทำให้เขางุนงงไม่น้อย หลังสวมกางเกงชั้นในกับกางเกงที่ค่อนข้างคับแน่นแล้ว ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำเอาบัวชมพูอยากกัดลิ้นตายอีกรอบ

เขาไม่ได้ติดกระดุมเสื้อสักเม็ด กระทั่งซิปกางเกงยีนก็ไม่ได้รูด!

แผงอกหนั่นแน่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของบุรุษเพศ ทำเอาบัวชมพูสติกระเจิดกระเจิง หญิงสาวหลับตาลงครู่หนึ่งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินไปช่วยติดกระดุมเสื้อให้ฝูซิ่นเล่อ

“เว้นกระดุมสองเม็ดบนไว้ก็แล้วกัน ดูเซ็กซี่ดี” หญิงสาวว่า

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” ฝูซิ่นเล่อถามอย่างงุนงง

“ไม่มีอะไร แค่บอกว่าแต่งตัวแบบนี้ก็ดูหล่อดี”

“อ้อ อย่างนั้นหรือ”

“ส่วนตรงนี้” บัวชมพูมือสั่นน้อย ๆ ขณะชี้ไปที่เป้ากางเกงของฝูซิ่นเล่อ “สอดกระดุมเข้าไปในรังดุม”

“หมายความว่าอย่างไร”

“ทำแบบที่ข้าติดกระดุมเสื้อให้ท่านไง” บัวชมพูพยายามอธิบาย แต่แม่ทัพหนุ่มก็ยังแสร้งทำสีหน้างุนงงอยู่ดี

หญิงสาวถอนหายใจ เพราะคิดคำอธิบายให้ใกล้เคียงกับภาษาจีนโบราณไม่ออก จึงรวบรวมความกล้า เอื้อมมือไปติดกระดุมที่เอวกางเกง จากนั้นต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เพราะขนาดของกางเกงที่ค่อนข้างเล็กกว่าเจ้าของร่าง ทำให้รูดซิปไม่ขึ้นเสียอย่างนั้น

“อะไรอีกล่ะเนี่ย” บัวชมพูบ่นออกมาเป็นภาษาไทย แล้วลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าฝูซิ่นเล่อเพื่อรูดซิปกางเกงให้เขา โดยไม่รู้เลยว่าประตูห้องกำลังจะถูกเปิดออก

“ไอ้บัว!”

แก๊งสัปดนประสานเสียงขึ้น แล้วทั้งเจ็ดคนก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นบัวชมพูกำลังคุกเข่าอยู่ข้างหน้าฝูซิ่นเล่อ แถมมือทั้งสองข้างยังอยู่ที่เป้ากางเกงของเขาอีกต่างหาก

“เอ่อ... ตามสบายเพื่อน เดี๋ยวลงไปรอข้างล่าง” ณดลยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวไม่เสร็จ” ชานนท์ว่า

“เสร็จอะไร” บัวชมพูถาม แต่เพียงครู่เดียวเธอก็เข้าใจ “ไอ้พวกบ้า ไม่ใช่อย่างที่พวกแกคิด!”

“ไม่เป็นไร โต ๆ กันแล้ว เข้าใจได้” ดำริห์โบกมือ

“แต่พวกแกเข้าใจผิดไง!”

“แล้วนี่... นอนด้วยกันหรือยัง” สธนถาม

“ก็ต้องยังสิ!”

พีรพัฒน์ “หมายถึงยังไม่เสร็จ?”

“หมายถึงยังไม่ได้นอน!”

วิวัฒน์ “ป้องกันหรือเปล่า”

“ก็บอกว่าไม่ได้มีอะไร”

“อ๋อ... ข้างนอกเหรอ” ธัญกรณ์ถามด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายเป็นที่สุด

บัวชมพูหันมาตวาดเสียงดังลั่น

“โว้ยยยย บอกว่าไม่ได้มีอะไรกันก็คือไม่ได้มีอะไรกันสิวะ เซ้าซี้อยู่ได้!”

บัวชมพูต่อล้อต่อเถียงกับแก๊งสัปดนอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อน ๆ ของเธอจึงยอมออกจากห้องไป หญิงสาวหันมารูดซิปกางเกงให้ฝูซิ่นเล่อจนสำเร็จ แล้วเงยหน้าขึ้นเผชิญกับใบหน้าเย็นชาของแม่ทัพหนุ่ม

“เป็นอะไรหรือเปล่า” บัวชมพูถาม “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

“ผู้ชายเจ็ดคนเมื่อครู่เป็นใคร”

“เพื่อน”

“เพื่อน?”

“ใช่ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน” หญิงสาวเล่า พลางดันฝูซิ่นเล่อให้มานั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วจัดแจงเป่าผมให้เขา

“ไม่ต้องตกใจนะ” บัวชมพูเตือนก่อนเปิดไดร์เป่าผมในระดับอุ่น แล้วค่อย ๆ เป่าเส้นผมที่ค่อนข้างยาวของฝูซิ่นเล่อให้แห้ง

“นี่เรียกว่าไดร์เป่าผม มันสร้างลมได้” เธออธิบาย

“เหมือนกับที่ในห้องน้ำมีน้ำไหลออกมาโดยไม่ต้องไปตัก”

“ใช่” บัวชมพูพยักหน้ารับ “มนุษย์ยุคนี้พัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นเพื่อความสะดวกสบายในชีวิตน่ะ”

“ดีจริง” ฝูซิ่นเล่อพึมพำเบา ๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองภาพสะท้อนของบัวชมพูในกระจก

“เมื่อครู่ที่เจ้าเล่าว่าเรียนหนังสือ เจ้าเรียนด้านใดมาหรือ”

“อาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์”

“คืออะไร”

“เป็นการเรียนเพื่อให้เข้าใจถึงความคิดของอาชญากร” บัวชมพูนิ่งไปเล็กน้อย พยายามหาคำมาอธิบายให้ฝูซิ่นเล่อเข้าใจได้ “พอเรียนจบก็จะทำงานด้านกระบวนการยุติธรรม เช่น การหาวัตถุพยานต่าง ๆ พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ อะไรทำนองนี้ พอเข้าใจไหม”

ฝูซิ่นเล่อพยักหน้ารับ เมื่อคิดว่าตนพอจะเข้าใจสิ่งที่บัวชมพูอธิบายมาราวเจ็ดแปดส่วน แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดสตรีในดินแดนของนางจึงร่ำเรียนเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ เป็นหญิงควรเรียนวาดภาพ ดีดพิณ หรืองานเย็บปักถักร้อยมิใช่หรือ

“เหตุใดเจ้าจึงเลือกที่จะร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้ สตรีมิใช่หวาดกลัวเรื่องพวกนี้หรอกหรือ”

“ก็คงมีคนที่กลัวแหละ ข้าก็เคยกลัว” บัวชมพูยิ้ม “เมื่อประมาณสี่ห้าปีก่อน ข้าฝันเห็นคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งทุกคืน ฝันนั้นเหมือนจริงมาก ราวกับข้ากำลังเดินอยู่ในสถานที่เกิดเหตุจริง ๆ ข้ากลัวมาก กลัวจนแทบไม่อยากจะนอนหลับ ตอนหลังจึงตัดสินใจสู้กับความกลัวของตัวเอง โดยการเรียนด้านนี้ เผื่อว่าวันไหนที่ฝันนั้นเกิดเป็นจริงขึ้นมา ข้าจะได้หาทางรับมือได้”

เดิมทีพ่อและแม่ของเธอคิดจะให้เรียนต่อด้านอัญมณีและเครื่องประดับ แต่บัวชมพูก็ดึงดันที่จะเรียนอาชญาวิทยาและนิติวิทยาศาสตร์ เหตุผลจากการหวาดกลัวเรื่องในฝันของเธอฟังดูไม่มีน้ำหนัก แต่ใครไม่มาเป็นเธอก็คงไม่เข้าใจ ภาพบ้านในยุคจีนโบราณที่เต็มไปด้วยเลือดตามหลอกหลอนเธอจนแทบใช้ชีวิตประจำไม่ได้ แม้จะไปพบจิตแพทย์แล้วก็ยังไม่เลิกฝัน หากเธอไม่หาทางต่อสู้กับความกลัว แล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

ฝูซิ่นเล่อพยักหน้ารับ “ที่แท้เป็นเช่นนี้”

บัวชมพูเป่าผมให้ชายหนุ่มอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อเส้นผมของเขาแห้งสนิท เธอก็จัดการรวบผมให้เขาเป็นหางม้าแบบง่าย ๆ ทำให้ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาไปอีกแบบ

“เราลงไปข้างล่างกันเถอะ ยิ่งอยู่นาน พวกสัปดนนั่นก็ยิ่งมีเรื่องให้ล้อ”

“หมายถึงสหายของเจ้าน่ะหรือ” ฝูซิ่นเล่อถาม น้ำเสียงเปลี่ยนจากเดิมไปเล็กน้อย “ดูเหมือนพวกเจ้าจะสนิทกันมาก”

หากไม่สนิท มีหรือจะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของนางได้

“สนิทสิ เพื่อนตายเลยนะ ถึงจะกวนประสาทไปหน่อยก็เถอะ” บัวชมพูเดินนำไปที่ประตู โดยไม่ทันสังเกตว่านัยน์ของฝูซิ่นเล่อเยือกเย็นลงหลายส่วน หลังจากได้ยินเธอพูดว่าสนิทกับบุรุษทั้งหลาย

ทั้งสองคนเดินลงมาถึงห้องรับแขกที่แก๊งสัปดนและครอบครัวของบัวชมพูอยู่กันพร้อมหน้า ทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา บวรณ์ก็เอ่ยเสียงดุ

“บอกเหตุผลที่อยู่ดี ๆ ก็พา ‘เพื่อนผู้ชาย’ ที่ไม่มีใครรู้จักเข้าบ้านมาสิ”

“คือว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ...”

บัวชมพูใช้เวลาครึ่งชั่วโมงหรือเกือบชั่วโมงในการอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คนในครอบครัวฟัง แล้วก็ยังต้องใช้อีกหลายนาทีเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นเป็นความจริง ไม่ใช่ข้ออ้างเพ้อเจ้อแต่อย่างใด

“ถึงเรื่องมันออกจะแฟนตาซีไปหน่อย แต่บัวรับรองว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องจริงนะคะ ถ้าไม่เชื่อ จะให้บัวไปกระโดดลงสระให้ดูก็ได้” บัวชมพูยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่ต้องหรอก พอจะเชื่ออยู่” บดินทร์ว่า “ตั้งแต่วันที่เจ้ใส่ชุดจีนขึ้นมาจากสระบัวนั่น แบงค์ก็ว่ามันแปลก ๆ”

“สรุปว่าผู้ชายคนนี้ตามบัวมาจากยุคอดีต” บัวบุษยาทวนเสียงอ่อน “นี่แม่อยู่ในละครเรื่องไหนกันเนี่ย”

“ขอใช้ชื่อเรื่องว่า ‘เหลียนฮวาสองภพ’ แล้วกันค่ะแม่” บัวชมพูหัวเราะเจื่อน ๆ

“แบบนี้ต้องพาไปเปิดหูเปิดตาหน่อยแล้ว” วิวัฒน์พูดขึ้นอย่างนึกสนุก ชายหนุ่มพอจะพูดภาษาจีนได้เล็กน้อย จึงหันไปลองพูดกับฝูซิ่นเล่อ “อยากลองไปเที่ยวอ่างดูไหมท่านแม่ทัพ”

ไอ้สัปดนนนน!

บัวชมพูแทบจะตีหัววิวัฒน์ ในขณะที่ชายหนุ่มนั่งหัวเราะร่า ฝูซิ่นเล่อรู้สึกว่าวิวัฒน์พูดกับตน จึงพยายามจะบอกอีกฝ่ายว่าตนฟังไม่เข้าใจ

“!@#$%^&”

แน่นอนว่าวิวัฒน์ก็ฟังคำที่ฝูซิ่นเล่อพูดไม่ออกเช่นกัน

“ไอ้บัว แฟนแกพูดว่าอะไรอะ”

“เขาบอกว่าฟังแกไม่เข้าใจ... เดี๋ยวนะ! แล้วฉันไปเป็นแฟนอีตาแม่ทัพนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่!”

แก๊งสัปดนส่งเสียงเฮลั่น วิวัฒน์ยิ้มอย่างร้ายกาจ ก่อนหันมาพูดกับฝูซิ่นเล่อให้ช้าและชัดกว่าเดิม “สน-ใจ-ไป-อาบ-น้ำ-โดย-มี-สาว-สวย-ช่วย-ถู-หลัง-ไหม”

“ฉันไม่ให้ไป!” บัวชมพูเป็นผู้ตอบแทนฝูซิ่นเล่อ ทั้งยังตวาดวิวัฒน์เสียงดังลั่น

แก๊งสัปดนคนอื่นฟังวิวัฒน์ไม่เข้าใจ แต่คนในครอบครัวของบัวชมพูเข้าใจทุกพยางค์ พ่อแม่ของเธอหันมามองหน้ากัน เมื่อลูกสาวของตนมีท่าทีคล้ายกำลังหึงหวงท่านแม่ทัพ

วิวัฒน์กระซิบคำแปลบอกเพื่อนคนอื่น ๆ ในแก๊ง ทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมาแล้วรีบเอ่ยเสริม

“กลัวท่านแม่ทัพโดนสาวยุคศตวรรษที่ 21 ขืนใจเหรอ ไม่ต้องห่วงเพื่อน เดี๋ยวพาไปลงสุกี้หม้อรวมเลย แล้วจะจัดตัวทอปชุดใหญ่ไฟกะพริบให้”

“เดี๋ยวฉันจะฟาดก้านคอแกแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบเลย!”

บัวชมพูแยกเขี้ยวใส่บรรดาเพื่อนฝูง ส่วนวิวัฒน์ยังไม่วายพูดกับฝูซิ่นเล่อทีละคำอย่างช้า ๆ ชัด ๆ อีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มนิ่งไป ก่อนเหลือบสายตามองไปยังบัวชมพู

“คิดว่าคงไม่ดีกระมัง” เขาตอบช้า ๆ อย่างที่วิวัฒน์พยายามพูดคุยกับเขา

“ทำไมล่ะ ผู้ชายในยุคท่านต้องมีผู้หญิงคอยปรนนิบัติไม่ใช่เหรอ” วิวัฒน์ถาม

ฝูซิ่นเล่อฟังตามไม่ทัน จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากบัวชมพูให้ช่วยแปลให้ ซึ่งคนแปลก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก

“ข้ามีคนคอยปรนนิบัติอยู่แล้ว” เขาตอบเสียงเรียบหลังได้รับคำแปล

“คงไม่ได้หมายถึงไอ้บัวหรอกนะ!” วิวัฒน์ตาเป็นประกาย ก่อนจะหันมาแปลภาษาให้เพื่อนคนอื่นฟัง

“หรือว่าไอ้ที่หายเข้าไปในห้องด้วยกันนั่น แกเข้าไป ‘ปรนนิบัติ’ ท่านแม่ทัพอาบน้ำใช่ไหมไอ้บัว สารภาพบาปมาซะดี ๆ” สธนตั้งท่าสอบสวน

“อย่าให้ต้องเข้าไปพิสูจน์หลักฐานถึงในห้องน้ำนะ” ชานนท์ช่วยเค้น

“มิน่าล่ะ ถึงไม่ยอมให้พาท่านแม่ทัพไปเที่ยวอ่าง ที่แท้ก็หวงของ” พีรพัฒน์เอ่ยล้อ

“แต่อย่างไอ้บัวนี่ถูหลังให้คนอื่นเป็นเหรอวะ น่าจะเป็นการถลกหนังมากกว่า” ณดลหัวเราะร่า

“ไม่แน่นะ เปิดหลังท่านแม่ทัพออกดู อาจจะเจอ ‘รอยข่วน’ ชวนตะลึงเลยก็ได้” นัยน์ตาดำริห์พราวระยับ มองไปยังเพื่อนสาวด้วยสายตาล้อเลียน

บัวชมพูแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ไอ้พวกแก๊งสัปดนคนใจบาป ต่อหน้าพ่อแม่ฉันเลยนะโว้ย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel