บทที่ 2 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด 2
เสียงน่าเวทนานั่นทำให้เขาชะงักเล็กน้อย หญิงสาวคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะยอมหยุด แต่เปล่าเลย เขาดึงผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วปิดปากเธอเอาไว้แน่น จากนั้นก็นำเชือกเส้นเล็กมาพันธนาการไว้ตรงข้อมืออีก
คนที่กำลังจะถูกพรากความบริสุทธิ์สะบัดหน้าไปมา เริ่มดิ้นรนหาทางหนีอีกครั้ง เริ่มจากยกเท้าขึ้นถีบเขา แต่ร่างที่ปักหลักอยู่ตรงหน้าแทบไม่ขยับเขยื้อน
นักรบก้มหน้าต่ำลงไปเพื่อซุกไซ้ข้างลำคอหอมกรุ่น หญิงสาวใช้โอกาสนั้นผงกศีรษะขึ้นกระแทกหน้าผากเขาเต็มแรงและรีบถลันลงจากเตียง
สายตาจ้องมองไปยังประตูห้อง แต่ก็หมดโอกาสเมื่ออีกฝ่ายคว้าเอวเอาไว้ได้ทัน จังหวะที่เกิดการยื้อยุดกันนั้นเองที่ทำให้แผ่นหลังของเธอกระแทกไปที่ผนังห้อง โดนสวิตช์ไฟให้เปิดพรึ่บขึ้นมาทันที
นักรบชะงักอีกครั้งเมื่อได้มองสบกับดวงตากลมโตแดงก่ำ ร่างอรชรที่มีผิวขาวจัดยืนเปิดเปลือยต่อหน้าเขา หญิงสาวมองใบหน้าคมคายผ่านม่านน้ำตา ตั้งใจจะจดจำรายละเอียดของคนร้ายเอาไว้ให้มากที่สุด
แต่นักรบอาศัยความว่องไวกว่ารีบตบสวิชต์ไฟให้ปิดลงตามเดิม แล้วกดร่างเล็กลงบนเตียงนอนอย่างไร้ความปราณี
เธอน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว แต่อีกฝ่ายกลับใจเย็นราวกับเห็นว่านี่คือการยินยอมพร้อมใจ เสียงหวานร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงไล้เลียทรวงสวยอวบตึงด้วยปลายลิ้นอุ่นชื้น
เขาแนบจูบไปตามลำคอ ใบหู และวนเวียนอยู่ตรงลาดไหล่กลมกลึง ก่อนจะเลื่อนกายต่ำลงขบเม้มเบาๆ บนทรวงอกอีกครั้ง คลอเคลียอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งคนตัวเล็กเริ่มฮึดสู้ด้วยการยกเข่ากระแทกใส่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง
นักรบขบกรามแน่น ในเมื่อพยศไม่เลิก สุดท้ายร่างบางจึงถูกจับพลิกตัวให้นอนคว่ำหน้าแนบลงไปบนที่นอน ขณะที่อีกฝ่ายยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือร่างเธอ
ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงบนต้นคอ แผ่นหลัง และไล่จูบอย่างถี่ถ้วนไปจนถึงสะโพกกลมกลึง นิ้วมือหยาบกร้านเลื่อนไปสัมผัสบนกลีบงามกลางกาย
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว แม้สัมผัสแบบนั้นจะทำให้สมองของเธอกระเจิดกระเจิง แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะกรีดร้องขอความช่วยเหลือผ่านผ้าที่ปิดปากเอาไว้
ชายลึกลับพลิกร่างบางที่นอนคว่ำหน้าอ่อนแรงอยู่ให้กลับมานอนหงายดังเดิม ป่วยการที่จะพยายามโอ้โลมให้ร่างกายของเธอยอมรับเขา
ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าอีก รีบปลดกางเกงให้ร่นลงไปอยู่ตรงต้นขา มือใหญ่แยกแย้มเรียวขานุ่มเนียนให้อ้ากว้าง ก่อนจะนำพาความใหญ่โตยัดเยียดเข้าสู่ตัวเธอในทันที
นักรบหน้าชาไปทั้งแถบ...
แปลกใจเหลือเกินที่พบว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่!
ดวงตาของหญิงสาวเบิกโพลง น้ำตาไหลพรากเมื่อเกิดความเจ็บปวดแสนสาหัสขึ้นกลางร่างกาย ชายหนุ่มขยับสะโพกช้าๆ
ความคับแน่นของดอกไม้แรกแย้มโอบรัดตัวตนของเขาเอาไว้ เขาจ้องมองดวงตากลมโตที่ว่างเปล่าจนน่าใจหาย ตัดสินใจหลับตาลง แล้วส่งตัวเองกระแทกกระทั้นเข้าใส่
จนกระทั่งละอองแห่งความปรารถนาแตกพร่างออกในกายเธอจนหมดสิ้น เขาจึงได้ล่าถอยออกมาแล้วจัดการสวมกางเกงกลับคืนให้ตัวเอง อยากขยับเข้าไปดูเธอ แต่เปลี่ยนใจเดินไปหยิบปืน คว้าหมวกโม่งมาสวมไว้ตามเดิม แล้วออกไปจัดการกับพ่อเลี้ยงคำมั่นแทน
ทันทีที่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจบสิ้นลง เขาจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที!
นักรบเปิดประตูห้องที่คิดไว้ในตอนแรกออกเร็วๆ แล้วเล็งปืนไปข้างหน้าด้วยความแนวแน่ ดวงตาคมกริบหม่นแสงลงเล็กน้อย เมื่อพบว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นไม่ใช่พ่อเลี้ยงคำมั่นกับภรรยา มีเพียงหญิงชราที่มีเรือนผมขาวโพลนนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น นางตัวสั่น น้ำตาไหลพรากและพยายามยกมือขึ้นไหว้เขาราวกับต้องการร้องขอชีวิต
“พ่อเลี้ยงคำมั่นอยู่ที่ไหน” นั่นคือประโยคแรกที่เขายอมเอ่ยออกมาในบ้านหลังนี้
“บ่ใจ่ตี้นี่ บ้าน...บ้านหลังนี้บ่ใจ่ของป้อเลี้ยงคำมั่น”
เสียงสั่นเครือและขาดห้วงของหญิงชรา ทำให้นักรบรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าไปฉาดใหญ่ เขาลดปืนลงข้างตัว เนื้อตัวชาดิกไร้ความรู้สึก
สมองนึกถึงบ้านเลขที่ที่ปรากฏอยู่ในกระดาษ เขารีบหยิบมันออกมาดูอีกครั้ง พบว่าไม่ได้จำผิด แต่ถ้าที่นี่ไม่ใช่บ้านของพ่อเลี้ยงคำมั่น นั่นหมายความว่า...
สิงห์จงใจทำให้เขาทำร้ายคนบริสุทธิ์!
“ไอ้สิงห์! ไอ้ระยำ! ระยำ!”
นักรบตะโกนเหมือนคนเสียสติ เตะเข้าที่ประตูแรงๆ หลายที ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าบนพื้น ใบหน้าซีดเผือดเมื่อนึกถึงสภาพยับเยินของหญิงสาวที่นอนอยู่อีกห้อง เขาลงมือขืนใจเธออย่างร้ายกาจ เพราะหลงเชื่อใจคนชั่วช้าอย่างสิงห์
“กูจะฆ่ามึง!”
นักรบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หญิงชราตัวสั่นหนักขึ้นไปอีก เพราะคิดว่าอีกฝ่ายพูดกับตนเอง นางยกมือขึ้นปิดหน้า เตรียมใจยอมรับชะตากรรม แต่เมื่อได้ยินฝีเท้าหนักๆ กลับออกไปจากห้อง นางจึงลดมือลงแล้วมองตามไปด้วยความโล่งใจ
เมื่อนึกถึงหลานสาวเพียงคนเดียวขึ้นมาได้ก็รีบใช้มือทั้งสองข้างเข็นรถเข็นออกไปดูทันที ประตูห้องของหญิงสาวถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ยายซอมพอรีบพาตัวเองเข้าไปข้างใน
ใบหน้าที่อาบน้ำตาและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลับกลายเป็นตกตะลึงนิ่งอึ้ง หลังเห็นเจ้าของห้องนอนนิ่งอยู่บนเตียง…
ลางสังหรณ์บางอย่างสั่งให้รีบกดเปิดไฟ ทันทีที่ภายในห้องสว่างจ้าขึ้น ยายซอมพอก็กรีดร้องอย่างโหยหวน หัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกทิ่มแทง
ร่างที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตา พยายามยันกายลุกขึ้นเพื่อหวังจะเข้าไปหาผู้เป็นยาย อยากบอกกับท่านเหลือเกินว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ความเจ็บปวดกลางกายหยุดรั้งร่างเล็กให้ต้องนอนลงตรงที่เดิม ดวงตาบวมช้ำจ้องมองคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ตรงหน้าขา แล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น
นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอ!
หลังจากมารดาป่วยหนักจนต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาล เธอก็รีบมาที่เชียงใหม่เพื่อรับหน้าที่ดูแลคุณยายซอมพอแทนแม่ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงวันหยุดปิดภาคเรียน ส่วนบิดาก็เอาแต่สนใจภรรยาใหม่ที่อายุต่างกันเกือบรอบ เธอจึงไม่อยากอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ให้ขวางหูขวางตาคนอื่น แต่การตัดสินใจมาที่นี่กลับทำให้เธอถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึม ใช้มือถูผิวกายตัวเองแรงๆ หวังจะลบเลือนสัมผัสสกปรกจากชายปริศนาผู้นั้น ยายซอมพอร้องไห้สะอึกสะอื้น สะบัดหน้าไปมาพร้อมกับยกมือทุบอกตัวเอง เห็นแบบนั้นเธอจึงกำมือแน่นแล้วฮึดสู้ พยายามลุกขึ้นอีกครั้งแล้วถลาเข้าไปกอดขาของหญิงชราวัยแปดสิบห้าปีเอาไว้
“คุณ...ยาย” เสียงหวานสั่นเครืออย่างน่าเวทนา
“ยะหยังเถิงเป๋นจะอี้! ยะหยัง!” ยายซอมพออุทานลั่น ก่อนจะโน้มตัวลงกอดหลานสาวแน่น
“อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่นะคะคุณยาย อย่าบอก...ใครทั้งนั้น” สาวน้อยวัยสิบแปดปีละล่ำละลักอ้อนวอน
“อู้จะอี้บ่ได้หนาลูก นี่มันบ่ใจ่เรื่องน้อยๆ เลยเน้อ!”
“ถึงบอกใครไปมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี เชื่อหนูนะคะคุณยาย ปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นแค่ความลับระหว่างเราไปจนวันตายก็พอ ถึงจะแจ้งความ...ฝ่ายที่เสียหายหมดอนาคตก็คือหนู หนูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ หนูอาย...นะคะ อย่าบอกพ่อกับแม่เลยนะคะ ฮือๆๆ” หญิงสาวอ้อนวอน ร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ
ยายซอมพอสั่นศีรษะไปมา ไม่อยากปล่อยให้เรื่องชั่วที่ผู้ชายชุดดำคนนั้นก่อเอาไว้กลายเป็นเพียงความลับ นางอยากให้ตำรวจรับไอ้วายร้ายนั่นเข้าคุก รับโทษให้สาสมกับที่ได้ทำลายชีวิตของคนอื่นไว้อย่างเลือดเย็น
แต่มันก็จริงอย่างที่คนเป็นหลานว่า เรื่องพวกนี้จะทำให้ชีวิตของหญิงสาวต้องด่างพร้อยยับเยินยิ่งขึ้นไปอีก
