เหยื่อรักนักรบเดนตาย

55.0K · จบแล้ว
อินทุภา
23
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“อย่าทำอะไรฉันเลย!” หญิงสาวยกมือไหว้อ้อนวอนและวิ่งข้ามเตียงไปอีกฝั่ง มือเล็กกำลังจะแตะลงบนลูกบิดประตูห้องนอน ทว่าช้ากว่ามือหยาบกร้านที่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือ แล้วเหวี่ยงอย่างแรงให้ล้มถลาไปบนพื้น เขาจู่โจมรวดเร็ว ลงมือฉีกกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวเธอจนขาดวิ่นไปหมด “กรี๊ด! อย่านะ! ปล่อยฉันนะ! อย่า!” ชายหนุ่มไม่คิดจะหยุดยั้งตัวเอง รีบปลดกางเกงให้ร่นลงไปอยู่ตรงต้นขา มือใหญ่แยกแย้มเรียวขานุ่มเนียนให้อ้ากว้าง ก่อนจะนำพาความใหญ่โตยัดเยียดเข้าสู่ตัวเธอในทันที นักรบหน้าชาไปทั้งแถบ... แปลกใจเหลือเกินที่พบว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันรักหวานๆโรแมนติกพระเอกเก่งทหารนักรบนักล่าพลิกชีวิต

บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของนักรบ 1

เสียงฝีเท้านับสิบกรูกันเข้ามาล้อมชายปริศนาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหญ้าเอาไว้ ปลายกระบอกปืนเล็งไปยังร่างนั้นอย่างเตรียมพร้อม และหลีกทางออกให้ผู้เป็นนายทันทีที่เขาก้าวมาถึงจุดเกิดเหตุ

นายพลชาวอังกฤษที่หลบลี้ใช้ชีวิตอยู่บนหุบเขาแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของเมืองไทยมานานหลายสิบปี ชะโงกหน้ามองดูอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ

ตอนนี้ใบหน้าของคนแปลกหน้าฉาบทาด้วยเลือดแดงฉานและมีร่องรอยบาดเจ็บสาหัสไปทั่วทั้งร่าง…

“เหมือนจะเกิดอุบัติเหตุแล้วตกเหวลงมาครับท่าน น่าแปลกที่ยังไม่ตาย”

“เอามันกลับไปที่ค่ายด้วยสิงห์” เสียงห้าวทุ้มสำเนียงแปร่งหูเอ่ยกับคนสนิทที่สวมชุดลายพรางในสภาพมอมแมม

“จะดีหรือครับ ถ้ามันเป็นพวกตำรวจหรือว่า...”

“เอามันไปด้วยเดี๋ยวก็ได้คำตอบเอง ถ้ามันเป็นพวกอันตราย แค่ปิดปากมันเสียก็สิ้นเรื่อง”

นายพลปีเตอร์ย้ำคำเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดจึงอยากให้ความช่วยเหลือผู้ชายโชคร้ายคนนั้น เพราะโดยปกติแล้วเขาไม่เคยยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

“ครับท่าน”

ทหารคนสนิทรับปาก แล้วพยักหน้าบอกให้พรรคพวกช่วยกันแบกร่างหมดสตินั้นขึ้นบนเปลหามที่เตรียมมาด้วย หลังจากได้รับรายงานจากหน่วยลาดตระเวนว่ามีชายผู้หนึ่งพลัดตกเหวลงมาอาการปางตาย

ทหารร่างใหญ่กำยำพาชายหนุ่มโชคร้ายกลับไปยังค่ายทหารที่ก่อตั้งขึ้นอย่างลับๆ อยู่ในเขตป่าลึกที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้

ค่ายทหารที่ว่านั่นใหญ่โตและค่อนข้างทันสมัย มันตั้งอยู่ในเขตป่าลึกติดกับถ้ำที่ไม่มีใครล่วงรู้ ทุกคนในค่ายทหารกินอยู่กันอย่างสุขสบาย มีน้ำ มีไฟ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ทุกคนเป็นทหารรับจ้างที่ทำงานขึ้นตรงต่อนายพลปีเตอร์ด้วยความภักดี มีหน้าที่ผลิตยาเสพติดและลักลอบขนย้ายเข้าไปขายในเขตเมือง รวมทั้งกระจายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย

บางส่วนก็คอยดูแลค่ายพร้อมจัดเวรยามออกลาดตระเวนตรวจดูความเรียบร้อย ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมายังไม่เคยถูกรุกล้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว

นายพลปีเตอร์ตอบแทนเหล่าทหารรับจ้างพวกนั้นด้วยเงินทองข้าวของมากมาย ทุกคนจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าไปในเมืองตามลำดับเพื่อเที่ยวผู้หญิง และใช้เงินทองที่ได้เป็นค่าจ้างในการซื้อความสุขให้ตัวเองในรูปแบบต่างๆ

เมื่อนำร่างไร้สติกลับมาถึงค่ายและพาไปนอนลงบนเตียงในเต้นท์พยาบาลแล้ว ทหารคนสนิทที่ชื่อว่าองอาจก็ออกไปตามตัวหมอทหารให้มาดูอาการคนเจ็บตามคำสั่งของท่านนายพล

หมอทหารวัยห้าสิบปีนามว่าเดฟ ซึ่งเป็นชายชาวอังกฤษเช่นเดียวกับนายพลปีเตอร์ ทำความเคารพผู้เป็นนาย ก่อนจะรีบรุดเข้าไปตรวจดูอาการชายไทยร่างใหญ่นั้นอย่างละเอียด เดฟส่ายหน้าเพื่อสื่อว่าเห็นทีคงหมดหวัง เพราะอาการของชายหนุ่มหนักมากเหลือเกิน

“หมดโอกาสรอดอย่างนั้นหรือ” นายพลปีเตอร์ถามซ้ำราวกับต้องการความแน่ใจ

“น่าจะรอดยาก เว้นแต่ดวงดีมากจริงๆ กระดูกขาขวาหักข้างหนึ่ง และดูเหมือนจะมีอาการช้ำในหนักมาก ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง มีแผลลึกตรงด้านหลังศีรษะ แล้วเลือดก็ยังไหลไม่หยุดด้วย ถ้าผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมเส้นเลือดแล้วรีบปิดปากแผล เขาอาจจะพอมีโอกาสรอดครับ แต่ก็แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น” เดฟรายงานแล้วถามต่อ

“ท่านนายพลต้องการให้ผมรักษาอาการเขา หรือจะปล่อยให้เป็นไปตามนี้จนกว่าจะหมดลมหายใจไปเองครับ”

“พามาด้วยถึงขนาดนี้แล้วก็ลองพยายามดูหน่อย” ผู้เป็นนายสั่ง

“ครับ ผมจะรีบลงมือผ่าตัดโดยเร็วที่สุด” เดฟค้อมศีรษะลงเล็กน้อย หลังให้คำมั่นเรียบร้อย

“ฝากด้วยเดฟ ลางสังหรณ์บอกฉันว่าหมอนี่ต้องมีประโยชน์กับเราแน่”

นายพลปีเตอร์กำชับ ยังแปลกใจไม่หายที่จู่ๆ ก็รู้สึกถูกชะตากับชายปริศนาผู้นี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าแทบไม่มีเลยสักครั้งที่เขาคาดการณ์สิ่งใดผิด และครั้งนี้ก็รู้สึกอีกเช่นกันว่าการช่วยเหลือคนๆ นี้จะไม่สูญเปล่าแน่

เมื่อนายพลปีเตอร์กับสมุนกลับออกไปแล้ว เดฟก็ให้ผู้ช่วยเตรียมการเรื่องผ่าตัดทันที หลังจากเวลาผ่านไปนานกว่าสองชั่วโมง ร่างผู้บาดเจ็บที่มีเฝือกตรงขากับผ้าพันแผลเกือบทั่วตัวก็ถูกย้ายไปพักฟื้นอยู่บนเตียงสีขาวภายในเต้นท์ โดยมีหมอผู้ช่วยซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบปีคอยเฝ้าดูแลใกล้ชิด

จากชั่วโมงล่วงเลยผ่านพ้นไปเป็นวัน จากวันล่วงเลยเข้าไปนานนับสัปดาห์ แม้ว่าบาดแผลภายนอกจะดีขึ้นมาแล้ว แต่ร่างของชายปริศนาก็ยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติ

เขาตกอยู่ในภาวะโคม่านานจนเดฟต้องเข้าไปขอพบนายพลปีเตอร์ เพื่อชี้แจงให้ทราบว่าการยื้อต่อไปอาจทำให้เสียเวลาเปล่า หากถอดเครื่องช่วยหายใจออกไปเสีย ชายผู้นั้นก็จะหลุดพ้นจากความทรมาน

นายพลปีเตอร์ไม่แสดงท่าทีใด นอกจากพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้หมอเดฟจัดการไปตามที่ว่าได้เลย ดูเหมือนคราวนี้ลางสังหรณ์ของเขาจะเกิดทรยศขึ้นมา จากที่ถูกชะตาและคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมีประโยชน์ในอนาคต กลับกลายเป็นว่าต้องมาเสียค่ารักษาพยาบาลไปฟรีๆ

“ถอดเครื่องช่วยหายใจออก รวมทั้งอุปกรณ์ทุกอย่างด้วย” หมอเดฟเอ่ยกับผู้ช่วยคนสนิท นอกจากทั้งคู่จะเคียงบ่าเคียงไหล่กันในฐานะหมอแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในฐานะคู่รักต่างเพศอีกด้วย

“ท่านนายพลไม่มีความจำเป็นต้องพามันมาที่นี่ด้วยซ้ำ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่ให้คนนอกรู้ถิ่นฐานของเรา” หมอหนุ่มชาวไทยนามว่าปริญออกความเห็น

“ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครตกเหวมาแถวนี้ ผมกลัวว่ามันจะไม่ใช่ความบังเอิญ” ใบหน้าหล่อคมเต็มไปด้วยความกังวลใจ

“ท่านนายพลไม่ใช่คนหละหลวม มีคำสั่งให้ขึ้นไปตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุจริงๆ รถของผู้ชายคนนี้ถูกรถบัสพุ่งเข้าชนอย่างรุนแรง แรงปะทะมหาศาลทำให้รถกระเด็นข้ามทิศตกลงมาที่เหวฝั่งนี้ นายไม่สังเกตหรือว่าทำไมไม่มีใครมาตามหาตัวคนเจ็บ...ก็ฝีมือท่านนายพลนั่นแหละ ท่านให้คนจัดฉากการเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาใหม่ ทำให้พวกตำรวจเข้าใจว่าชายคนนี้ตกเหวลงไปทางฝั่งอื่น ป่านนี้คงตามหากันจนท้อแล้วล่ะ” เดฟอธิบายให้หนุ่มคนรักฟัง

“การจัดฉากเรื่องแบบนี้ไม่น่าจะทำได้ง่ายๆ” ปริญยังคงสงสัยไม่เลิก

“อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นกลางดึก ฝนก็ตกหนัก เส้นทางข้างบนเปลี่ยวมากด้วย ร่องรอยรถที่ถูกชนครูดหมุนไปบนถนนหลายตลบ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรยาก ทันทีที่รู้ว่ามีคนประสบอุบัติเหตุตกเหวลงมา ท่านนายพลก็มีคำสั่งให้ขึ้นไปจัดการทันที ฟ้ามืดแบบนั้นทำอะไรก็สะดวก โชคดีด้วยที่นอกจากรถบัสที่เสียชีวิตกันยกคันกับรถของชายคนนี้ ก็ไม่มีรถคันไหนเห็นเหตุการณ์ทั้งนั้น”

“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย” ปริญยิ้มออกมาในที่สุด

“จัดการเถอะ” เดฟมองไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียง

“ครับ” ปริญพยักหน้าแล้วถอนหายใจ

แม้เขาจะไม่ใช่หมอที่ดีมีจรรยาบรรณนัก แต่ก็ลำบากใจไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องยุติการให้ความช่วยเหลือคนไข้ ในเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในสภาพโคม่าแบบไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาเสียที เขาจึงต้องจัดการไปตามความเหมาะสม

ปริญเดินไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียง กำลังจะยื่นมือออกไปข้างหน้า แต่จู่ๆ ร่างที่นอนนิ่งมายาวนานกว่าสัปดาห์ก็ลืมตาโพลงแล้วกระตุกหายใจเฮือกใหญ่

ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตั้งท่าจะโผตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความเจ็บปวดจากไหล่ข้างหนึ่งกดร่างของเขาให้นอนนิ่งอยู่กับที่ตามเดิม

“เดฟ! เขาฟื้นแล้วครับ” ปริญที่ตกใจจนสะดุ้ง รีบร้องเรียกหมอใหญ่ประจำค่ายทันที

“เป็นไปได้ยังไงกัน”