บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของนักรบ 3

‘เขม’ เป็นทหารนายหนึ่งประจำค่าย อยู่ที่นี่กับผู้เป็นลุงมาตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากนักรบมาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด เขมจึงคอยแอบตามชายหนุ่มเสมอ

นั่นไม่ใช่เพราะต้องการกลั้นแกล้งเหมือนอย่างที่คนอื่นทำ แต่เขมแอบชื่นชมในความสามารถและรูปร่างใหญ่โตของนักรบ ซึ่งต่างจากตัวเขาเองที่ถึงแม้จะสูงพอสมควร แต่ก็เป็นคนรูปร่างผอมบางจนเหมือนผู้หญิง

เขมพูดไปก็ยกมือลูบคอตัวเองอย่างหวาดเสียวไปด้วย สายตามองคนตัวใหญ่ที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรอย่างทึ่งๆ

นักรบช่างดูดีและเก่งไปหมดเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ การต่อสู้ที่ว่องไวเฉียบขาด ประสาทสัมผัสอันดีเยี่ยม รวมทั้งยังฉลาดเฉลียวจนช่วยให้นายพลปีเตอร์ทำงานลำเลียงยาเสพติดได้สะดวกมากขึ้นอีก

“ตามมาทำไมเงียบๆ”

“วันนี้ถึงคิวของกลุ่มเราแล้ว...ไปเที่ยวในเมืองกัน!” ประโยคนี้ทำเอาคนฟังถึงกับกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย

“ฉันบอกไปกี่ร้อยกี่พันครั้งแล้วว่าไม่ไป”

“นายเป็นเกย์หรือ”

“ไอ้เขม!” นักรบหันมาตวาด ชายทั้งแท่งแถมแกร่งไปทั้งตัวอย่างเขาน่ะหรือจะนิยมไม้ป่าเดียวกัน

“แซวเล่นน่า ก็นายไม่ยอมออกจากป่าไปพักผ่อนเลยนี่ ยกเว้นแค่เวลาเอาของออกไปส่ง ทำตัวเป็นฤาษีเฝ้าถ้ำไปได้น่า”

เขมทำเสียงเนือย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนักรบถึงไม่ยอมออกไปเที่ยวผู้หญิงให้หนำใจบ้าง เขาทั้งหล่อทั้งเท่ รับรองเลยว่าดาวเด่นในซ่องจะต้องรีบปรี่เข้ามาต้อนรับแน่ บางทีอาจได้ใช้บริการฟรีๆ อีกด้วย

“ฉันเคยไปมาแล้ว จำไม่ได้หรือ” ชายหนุ่มทวนถาม เขมทำหน้านึกครู่หนึ่งจึงทำหน้าตื่นอย่างเพิ่งนึกได้

“เมื่อสี่ปีก่อนเนี่ยนะ เฮ้ย...ป่านนี้ไอ้หนูของแกสนิมเกาะไปแล้วมั้ง”

“อยากดูไหมล่ะว่ามันยังใช้งานได้ไหม” นักรบถามเสียงเย็น ลดมือลงเกาะที่ขอบกางเกงอย่างจริงจัง

“ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่พวกนิยมไม้ป่าเดียวกันนะเว้ย อยากอวดก็ไปอวดหมอปริญโน่นไป!”

“พูดอะไรก็ระวังหน่อย ถ้ามีคนมาได้ยินเข้า หมอเดฟกับหมอปริญอาจจะเข้าใจกันผิดได้”

เขาดุหน้าขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ผู้ชายตัวผอมบางอย่างเขม เขาคงตบหัวทิ่มไปนานแล้ว

“ถามหน่อยเถอะ หมอปริญแอบชอบนายจริงหรือเปล่านักรบ” เขมมองซ้ายมองขวา แล้วขยับมาใกล้ๆ เพื่อพูดให้ได้ยินกันตามลำพัง

“ฉันได้ยินจากพวกไอ้สิงห์ว่าแกจูบกับหมอปริญ”

“ข่าวลือมักถูกสร้างขึ้นจากคนที่มีแต่ความเกลียด ยังไม่ชินอีกหรือที่ฉันมักกลายเป็นคนร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นเสมอ หมอเดฟกับหมอปริญเป็นคนช่วยชีวิตฉัน ฉันเคารพทั้งคู่ ฉันไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ แล้วอีกอย่าง...ฉันชอบผู้หญิง” เขาเน้นท้ายประโยคด้วยสุ้มเสียงหนักแน่น

“ถ้างั้นก็ไปเที่ยวกัน! นะ...ถ้านายไป สาวๆ ต้องฮือฮามาต้อนรับกลุ่มเราเป็นพิเศษแน่”

“ไม่ไป”

เขายังคงยืนยันคำเดิมและตัดรำคาญด้วยการเปลื้องผ้าเปียกออก โยนไว้บนพื้นหินแล้วนำเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากกระเป๋าเป้

เขมยืนมองหนุ่มร่างยักษ์สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวลายพราง พร้อมติดอาวุธเสร็จสรรพแบบไม่ยอมให้ตกหล่น

เขมขยับปากจะคะยั้นคะยอต่ออีกหน่อย พร้อมภาวนาในใจขออย่าให้นักรบแจกหมัดหนักๆ ประเคนมาที่หน้าของเขาเลย แต่ยังไม่ทันได้มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก ทหารนายหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาทั้งคู่เสียก่อน นักรบยืนกอดอกจ้องมองอย่างรอคอย ระหว่างรอให้อีกฝ่ายยืนหอบหายใจเสียให้เต็มปอดก่อน

“ยะหยังต้องมาว่ายน้ำอยู่ตี้น้ำตกนี่โตย! ไก๋ขนาด กูล่นมา อิดแต้ๆ เน้อนักรบ” หน่อเมืองพูดด้วยภาษาเหนือ

“มีอะไรหรือหน่อเมือง”

ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ

“ท่านนายพลเปิ้นฮ้องหื้อไปหา เปิ้นไค่ป๊ะมึงบะเดี๋ยวนี้!”

“มีเรื่องอะไร”

“กูก็บ่ฮู้ว่ามีเรื่องอะหยัง เพราะตึงวันนี้ ตี้นี่ก็บ่เกยสงบสุขอยู่ละ ฮู้แต่ว่ามันเป๋นเรื่องบ่ดีเต้าใดนัก ขะใจ๋โวยๆ เต๊อะนักรบ ท่านนายพลเปิ้นคงไค่หันหน้ามึงเต็มแก่ละ ยะหื้อเปิ้นท่าเมิน มันบ่ดีเน้อ” หน่อเมืองเร่งเร้าด้วยความร้อนใจ ไม่อยากให้นายพลปีเตอร์ตำหนิเอาได้

“อืม ถ้างั้นก็ไปกันได้เลย” นักรบพยักหน้าแล้วคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่า เตรียมมุ่งหน้ากลับไปยังค่ายทหาร ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบสองกิโลเมตร เขมกับหน่อเมืองเดินตามไปบ่นไป กว่าจะถึงค่ายทหารทั้งสองคนก็เหงื่อไหลโซมกายเหนียวตัวไปหมด

นักรบรีบเข้าไปพบนายพลปีเตอร์ทันที ชายหนุ่มทำความเคารพผู้ให้ชีวิตแล้วนั่งลงบนโซฟาตามคำเชื้อเชิญ ช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้ปีเตอร์ดูแก่ตัวลงอย่างมากในวัยเจ็ดสิบห้าปี มือที่ยับย่นตามวัยกำแน่นที่ไม้เท้า ยามนี้ใบหน้าดูตึงเครียดในแบบที่นักรบไม่เคยได้เห็นมาก่อน

“หน่อเมืองบอกว่าท่านนายพลต้องการพบผม มีอะไรเร่งด่วนหรือครับ”

“อย่าเรียกว่าเร่งด่วนเลย เรียกว่าร้ายแรงจะดีกว่า” นายพลเฒ่าบอกแล้วขบกรามแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ

“เกิดอะไรขึ้นครับท่าน” ชายหนุ่มรอคอยคำตอบนั้นอย่างจดจ่อ

“พ่อเลี้ยงคำมั่นทรยศฉัน!” ปีเตอร์คำรามลั่น “มันต้องการวางมือจากธุรกิจของเรา แล้วย้ายไปใช้ชีวิตใหม่อยู่ที่กรุงเทพฯ กับครอบครัว แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ไอ้สิงห์ไปสืบมาได้ความว่าไอ้พ่อเลี้ยงคำมั่นมันคิดจะให้ข้อมูลของเรากับตำรวจด้วย เพื่อแลกกับการได้รับความคุ้มครอง”

ทันทีที่พูดจบ สิงห์ก็พรวดพราดเข้ามาพบผู้เป็นนายด้วยความรีบร้อน ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคู่อริที่แย่งความดีความชอบนั่งอยู่ข้างในด้วย สิงห์จ้องหน้านักรบด้วยความเกลียดชัง

“มีอะไรสิงห์ ฉันจำได้ว่ายังไม่ได้เรียกหาแก” ชายชราถามขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

“ขออภัยครับท่าน พอดีว่าผมได้ความคืบหน้าเรื่องพ่อเลี้ยงคำมั่นมาครับ”

“ว่ามาเลย” เขาสนใจขึ้นมาทันที

“มันกับครอบครัวกำลังจะหนีไปจากเชียงใหม่คืนนี้ครับ”

“อะไรนะ! ทำไมถึงรวดเร็วแบบนี้”

ปีเตอร์ผงะด้วยความตกใจ

“มันคงกลัวว่าพวกเราจะรู้เรื่องที่มันคิดจะทำน่ะสิครับ ถึงได้รีบชิงหนีไปก่อน”

“ไอ้งูพิษ! ทำธุรกิจร่วมกันมาหลายปีจนร่ำรวยมหาศาล ถึงเวลาก็คิดจะชิ่งง่ายๆ แถมยังหาคุกให้ฉันอีก!”

นายพลเฒ่าใช้ไม้เท้าทุบโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะหันไปสบตากับนักรบที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้า

“ถึงเวลาที่แกต้องใช้ความเก่งที่ฝึกฝนมาแล้วนักรบ มีแค่แกเท่านั้นที่เหมาะสมจะจัดการกับงานใหญ่นี้”

“ท่านต้องการให้ผมจัดการยังไงครับ” ชายหนุ่มถามเสียงขรึม

“ฆ่ามันยกครัว!” คำตอบนี้ทำเอาดวงตาสีน้ำตาลที่มั่นคงดูวูบไหวเล็กน้อย

“ยกครัวเลยหรือครับ...”

“ทำไมหรือนักรบ อย่าบอกนะว่ามึงทำไม่ได้” สิงห์เอ่ยแขวะแล้วยิ้มหยัน

“นักรบไม่มีวันขัดคำสั่งของฉันหรอกสิงห์ ในเมื่อฉันเป็นผู้ที่ให้ชีวิตใหม่...ใช่ไหมนักรบ”

“ครับท่านนายพล ผมไม่มีวันลืมแน่ว่าชีวิตของผมเดินมาถึงวันนี้ได้เพราะใคร อะไรที่เป็นคำสั่งจากท่าน ผมทำได้หมดทุกอย่างครับ”

นักรบกลั้นใจตอบออกไปอย่างนั้น รู้ดีว่านายพลปีเตอร์มีบุญคุณต่อเขามากแค่ไหน แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นความจริงแค่เพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้น

ทุกคนถูกกำชับว่าให้พูดเป็นทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับประวัติของนักรบ ปีเตอร์บอกว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาชุบเลี้ยงตั้งแต่ไม่กี่ขวบ เติบโตขึ้นมาในค่ายทหารและถูกส่งไปศึกษาเล่าเรียนในเมืองจนจบ

แต่แล้วก็มาประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่จนเฉียดใกล้ความตาย และด้วยความรักความหวังดีที่มี ปีเตอร์จึงทำทุกทางเพื่อรักษาเขาให้มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้

“ดีมากนักรบ ที่ผ่านมาแกไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง ฉันเชื่อใจแก” ปีเตอร์กระตุกยิ้มพอใจ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกรักษาชีวิตของคนตรงหน้าเอาไว้

“แต่มาคิดดูแล้ว ฉันว่าคนที่สมควรตายอย่างอนาถควรเป็นไอ้พ่อเลี้ยงคำมั่นคนเดียวมากกว่า ลูกเมียมันไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจของเรา”

“นี่ท่านจะใจดีปล่อยลูกเมียมันไปหรือครับ” สิงห์ถามอย่างขัดใจ

“ฉันไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้นหรอก ลูกเมียของไอ้พ่อเลี้ยงคำมั่นไม่ใช่คนดีเสียหน่อย เมียมันเป็นนายหน้าค้าผู้หญิง ส่งขายให้พวกเศรษฐีรวยๆ ได้ยินว่าเร็วๆ นี้มันจะจับลูกสาวของมันใส่ตะกร้าล้างน้ำให้แต่งงานกับมหาเศรษฐีจากประเทศดูไบด้วย เพราะฉะนั้นแกมีหน้าที่ทำลายมันให้ตายทั้งเป็น! แล้วปล่อยให้ข่าวลือดับอนาคตความสบายของพวกมันสองแม่ลูกซะ” ปีเตอร์หัวเราะ วางแผนอย่างแยบยลในการมุ่งหวังที่จะทำลายครอบครัวของศัตรู

“อะไรนะครับ...” นักรบแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“ผัวตาย ลูกสาวถูกข่มขืนจนหมดอนาคตที่จะได้จับผัวรวยๆ เมียมันคงแทบเป็นบ้า ในเมื่อมันกล้าหักหลังคนอย่างฉัน มันก็ต้องทำใจยอมรับด้วยว่าชีวิตของพวกมันจะไม่มีวันได้พบเจอความสุขอีกต่อไปแล้ว!” ชายวัยเจ็ดสิบห้าปีหัวเราะชอบใจ มองสบกับดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววตึงเครียดของนักรบ

“คืนนี้ลงมือได้เลย สิงห์จะพาแกไปหาเป้าหมายเอง เข้าถึงตัวมันไม่ยากหรอก เพราะมันไม่รู้ว่าฉันระแคะระคายเรื่องที่มันคิดจะหนี”

“ครับท่าน” นักรบรับปากโดยไม่จำเป็นต้องลังเล ที่ผ่านมาเขาทำงานหนักแบบทุ่มกายถวายชีวิตให้นายพลชาวอังกฤษผู้นี้โดยไม่เคยปริปากบ่น

แม้ส่วนลึกในใจจะค้านว่าการทำธุรกิจผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติดมอมเมาเยาวชนนั้นเป็นเรื่องผิดบาป แต่ด้วยความที่ติดหนี้ชีวิตเอาไว้ เขาจึงต้องทำเพื่อทดแทนบุญคุณ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะผิดหรือถูกก็ตาม

หัวใจของชายหนุ่มชาหนึบไปหมด เพราะภารกิจคืนนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ไหวพริบด้านธุรกิจมืดอีก แต่เป็นการสั่งปลิดชีวิตของผู้อื่น ซึ่งมันกำลังจะทำให้เขาก้าวเข้าไปสู่คำว่า ‘ฆาตกร’ อย่างเต็มตัว

สิงห์มองนักรบแล้วลอบยิ้ม เกิดแผนการบางอย่างขึ้นมาในหัว เขาจะใช้โอกาสในคืนนี้ทำให้นายพลปีเตอร์หมดความไว้ใจในตัวนักรบ แล้วหันมาเลือกเขาขึ้นแท่นทหารคนสนิทให้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel