บทที่ 2 ตัวแทน (4)
“เจ้าเฟิงอี้บ้าบอ! เมียตัวเองยังจำไม่ได้” หลงเฮ่าเทียนทุบโต๊ะท่าทางหัวเสียจนมู่อิงหวาต้องแตะแขนเขาเพื่อปลอบ และช่วยดึงสติ
“ท่านพี่”
หลงเฮ่าเทียนวางมือลงบนมือภรรยาและหันไปทางเกาเจินเจินอีกครั้ง “จินจินไม่เคยพูดถึงเจ้า”
“ข้ากับนางถูกจับแยกกันตั้งแต่สามขวบ ท่านอากับท่านอาสะใภ้ของข้ามีบุตรไม่ได้ ท่านพ่อเลยยกข้าให้เป็นบุตรบุญธรรม ข้าอยู่เมืองฉางซู ไม่ค่อยได้เจอกับจินจินนัก ข้ากับนางเป็นพี่น้องท้องเดียวกันที่ผูกพันกันแค่สายเลือด”
หลงเฮ่าเทียนโคลงศีรษะ “ก็สมควรที่จินจินจะไม่พูดถึงเจ้าเลย”
“แล้วเจ้ามาที่สกุลหลงเพื่ออันใด มาหาจินจินอย่างนั้นหรือ” มู่อิงหวาถามขึ้น
“ข้า...” เกาเจินเจินนิ่ง มองสองสามีภรรยาอีกครั้ง นางถอนใจ “จินจินส่งจดหมายหาข้า นางบอกว่ามีปากเสียงกับสามี เขาขังนาง ให้ข้าเร่งมาช่วย” เสียงนางเบา คิดว่าไม่เหมาะนักที่จะกล่าวหาหลงเฟิงอี้ แต่นางเชื่อใจหลงเฮ่าเทียนกับมู่อิงหวา ไม่รู้สิ่งใดทำให้นางสนิทใจจะบอกทั้งสองคนถึงเรื่องทั้งหมด
หลงเฮ่าเทียนกับมู่อิงหวาสบตากัน “น้องรองไม่ทำเช่นนั้น” คนที่เอ่ยขึ้นคือมู่อิงหวา นางไม่ได้ต่อว่าเกาเจินเจิน แต่กลับยิ้มให้เสียด้วยซ้ำ
“ข้าถึงมาดูให้รู้”
“นางหลอกลวงเจ้า” หลงเฮ่าเทียนกัดฟัน แค่นเสียง ฮึตามหลังทีหนึ่ง
“เพื่ออะไร?”
“จินจินมีส่วนรู้เห็นทำให้ฮูหยินใหญ่ของน้องรองต้องตายพร้อมกับลูกในท้อง” มู่อิงหวาเอ่ยมาเสียงเรียบๆ สายตาประสานกับเกาเจินเจิน
“จินจิน! นางทำ... นางฆ่าคนอย่างนั้นหรือ” เกาเจินเจินใจหายวาบ นั่งหลังตรงขึ้น ขนในกายลุกชัน แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
หลงเฮ่าเทียนยกชาขึ้นจิบและวางถ้วยชาลงเบาๆ “นางให้อี้ซิ่วกินยาขับ นางอยู่ในฐานะอนุเจ้าก็รู้”
“ข้ารู้”
“นางพยายามทุกอย่างเพื่อให้อี้ซิ่วจากไป เจ้าไม่รู้กมลนิสัยเดิมของนางหรอกหรือว่านางเป็นคนเช่นไร” คำถามนี้เหมือนจะดูเชิงเกาเจินเจิน
“ข้าทราบดี แม้แต่บิดา มารดา หรือพี่ชายทั้งสองของข้าก็ไม่มีใครที่นางจะยอมเชื่อฟัง ข้าไม่แปลกใจเลยที่คุณชายรองโกรธแค้นนางถึงเพียงนั้น” เกาเจินเจินก้มหน้าลง ไม่กล้าสู้ตาหลงเฮ่าเทียน
“เจ้าเลยต้องรับกรรมบ้าบอไปด้วย” หลงเฮ่าเทียนขึ้นเสียงสูง
“เรื่องนั้นข้าไม่ถือสา ข้าแค่อยากรู้ว่าจินจินไปไหน” เกาเจินเจินเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมคำถามที่นางอยากรู้คำตอบมากที่สุดในตอนนี้
“พวกเรากำลังตามหา นางหนีไปเดือนกว่าแล้ว เพราะนางรู้ดีว่าน้องรองไม่มีรักให้นาง นางทำผิดถึงเพียงนั้น คงไม่เหยียบมาที่นี่อีก”
“ข้าจะชดใช้อย่างไรให้พวกท่านได้หรือไม่ น้องข้าทำผิดมหันต์เหลือเกินนัก”
“นางไม่คิดจะรับกรรมของนาง ยังส่งเจ้ามาเพื่อรับผิดแทนนาง เจ้ายังจะช่วยนางอีกอย่างนั้นหรือ” หลงเฮ่าเทียนขึ้นเสียง เขาไม่ชอบที่เกาเจินเจินจะรับผิดแทนผู้อื่น เขาไม่ต้องการเช่นนั้น
“ท่านพ่อกับท่านแม่คงไม่อยากให้เรื่องราวอื้อฉาว อาจเป็นที่ครหานินทาไม่จบสิ้น จะเสื่อมเสียไปถึงพี่รองที่รับราชการอยู่ที่เมืองหลวงด้วย”
หลงเฮ่าเทียนกับมู่อิงหวาสบตากันอีกครั้ง ไม่เหมือน... เกาเจินเจินแฝดผู้พี่ไม่มีอะไรเหมือนเกาจินจินแฝดผู้น้องสักนิดเดียว เกาเจินเจินไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่หลงมัวเมาสิ่งของสูงค่า ทั้งยังออกรับผิดแทนน้องสาวโดยมิได้นึกห่วงตัวเองเลย
“แม่นางเจินเจิน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอันใดให้สกุลหลงทั้งนั้น แค่น้องรองเข้าใจผิดจับเจ้าส่งให้ทางการ เขาคงรู้สึกผิดมากแล้ว เจ้าอย่าได้ถือโทษและให้เรื่องคราวนี้จบไปเถิด” มู่อิงหวายื่นมือมากุมมือเกาเจินเจินไว้ นางรับรู้ได้ถึงความนุ่มนวล อบอุ่นและเอาใจใส่
เกาเจินเจินมองมือของมู่อิงหวาก่อนจะช้อนตาขึ้นมองใบหน้างามล้ำ มองรอยยิ้มงามบาดตานั้นอย่างหลงใหล รอยยิ้มนั้นเหมือของท่านแม่ เหมือนของท่านอาสะใภ้ เหตุใดนะ เหตุใดจินจินถึงทำกับคนสกุลหลงได้ถึงเพียงนี้ เพื่อความอยากได้เป็นใหญ่แค่นั้นหรือ?
“หมดเรื่องแล้วเจ้าคงกลับฉางซู” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วฮูหยิน ข้าจะตามจินจินกลับมาขอโทษพวกท่านให้จงได้”
“อย่ากังวลเรื่องนั้นไปก่อนเลย แต่ถ้าเจ้ายังไม่เดินทางไปฉางซู ก็มาพักเสียที่นี่ สตรีคนเดียวพักโรงเตี๊ยมลำบากนัก” คราวนี้เป็นหลงเฮ่าเทียนเอ่ย
“ข้าไม่อยากรบกวนพวกท่าน...” คำพูดของเกาเจินเจินยังไม่ทันจบก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัว
ปัง!
ประตูห้องโถงใหญ่ถูกผลักเข้ามาก่อนจะเห็นผู้ผลักหน้าตาบูดบึ้ง นัยน์ตาแดงก่ำเพราะพิษสุรา ชุดบางๆ สีดำไร้เสื้อคลุมกันหนาวนั้นยับยุ่ง หิมะเกาะพราวตามผมและไหล่ เขากำลังตรงปรี่มาที่เกาเจินเจิน นางนั่งตัวแข็งทื่อไปในบัดนั้น เขากำลังขาดสติ จะทำอันใดกับนางอีกหรือไม่นั้นไม่มีใครบอกได้
