บทที่ 2 ตัวแทน (3)
“ศีรษะของเจ้า จงก้มลงให้ต่ำแก่คนสกุลหลง แก่อี้ซิ่ว และลูกของข้า” เสียงหลงเฟิงอี้ดังกังวาน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เกาเจินเจินยังงงแต่ก็ขัดขืนหลงเฟิงอี้ไม่ได้ เขาบังคับนางโขกศีรษะซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งบุรุษนามฉิงคุนคนสนิทอีกคนของเขาเข้ามาห้ามเพราะกลัวเขาจะฆ่านางเสียก่อน
“คุณชายรอง เอกสารมาแล้วขอรับ” ฉิงซูกลับมาพอดี พร้อมเอกสารและจานหมึก
หลงเฟิงอี้กระชากเกาเจินเจินลุกขึ้น มือของนางถูกเขาจับกดลงไปยังจานหมึกและประทับนิ้วลงยังเอกสารทางการอะไรสักอย่างที่นางก็ยังไม่ได้กวาดสายตาลงไปมองให้แน่ชัด
“เจ้าไม่ลงลายมือชื่อแซ่ แต่เจ้าประทับปลายนิ้วมือของเจ้าแล้ว” หลงเฟิงอี้มองกระดาษแผ่นนั้นอย่างพอใจ เขาสะบัดมือนางหลุด
“ท่านทำอะไร!” เกาเจินเจินตกใจ ท่าทางจะเกิดเรื่องเสียแล้ว
หลงเฟิงอี้หงายหน้าขึ้นหัวเราะ “เจ้าไม่เกี่ยวข้องกับสกุลหลงอีกต่อไป”
“เอานางไปส่งทางการ” เขาผลักนางให้คนสนิททั้งสองที่ยืนรออยู่ในเรือนบรรพบุรุษนั้นด้วยแรงที่ไม่เบาเลย
เกาเจินเจินหน้าตื่น มองซ้ายที ขวาที สลับกันระหว่างใบหน้าของสองพี่น้องฉิงซูและฉิงคุน “ส่งทางการ! ส่งข้าไปด้วยเหตุใด?”
“เจ้าฆ่าเมียข้า มีพยานรู้เห็น เจ้าจงรับกรรมของเจ้าไปเถอะและอย่ามาเหยียบสกุลหลงอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะถลกหนังหัวเจ้ากับมือข้าเอง” พร้อมกับพูด แส้เหล็กไหลฟาดลงกับพื้นหิน แผ่นหินแตกร้าวเป็นวงกว้าง เศษหินเล็กๆ ปลิวว่อน
“ไม่นะ! ข้าไม่ใช่จินจิน ฟังข้าก่อน” เกาเจินเจินถูกลากไปยังทางเดินที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวนวลตา นางพยายามขืนตัว ร้องบอกทั้งนายและคนสนิททั้งสอง แต่ไม่มีใครเชื่อนาง ไม่มีใครฟังที่นางกำลังพูด เช่นนี้นางต้องแย่แน่แล้ว
เกาเจินเจินถูกส่งให้ทางการสอบสวนเรื่องการตายของอี้ซิ่ว เข้าวันที่ห้านางถูกปล่อยตัวเพราะนางยืนยันกับทางการว่านางไม่ใช่เกาจินจิน คนของทางการสืบความจนรู้แน่ว่าจับตัวคนผิด รู้แน่ว่านางไม่ใช่สะใภ้สกุลหลง ไม่ใช่ภรรยาของหลงเฟิงอี้
หลังถูกปล่อยตัว เกาเจินเจินกลับมาสกุลหลงอีกครั้ง นางรู้ว่าจินจินถูกกล่าวหาว่าฆ่าฮูหยินของคุณชายรองหลงเฟิงอี้ นางไม่เชื่อ เพราะในจดหมายที่จินจินส่งให้ นางมันบอกว่าหลงเฟิงอี้เข้าใจผิด ใส่ร้ายนาง และทะเลาะมีปากเสียงกันจนเขาบังคับให้นางหย่า นางไม่ยอมหย่า เขาเลยจับนางขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก
“แม่นางเกา” เสียงหนึ่งเรียกนางจากทางด้านหลัง
หลี่ฮุ่ย คนสนิทของหลงเฮ่าเทียนเรียกเกาเจินเจินไว้ เขาพยายามสำรวจนาง ใบหน้านั้นเหมือนกับเกาจินจินก็จริง แต่เรือนร่างของสตรีตรงหน้าผอมบางกว่ามากผิวสีเข้มกว่าเกาจินจินเล็กน้อย เครื่องแต่งกายเรียบง่าย ไม่ใช่ของมีราคาอย่างที่เกาจินจินใช้บ่อยครั้ง
“เชิญที่ห้องโถงขอรับ นายน้อยกับฮูหยินรอท่านอยู่” หลี่ฮุ่ยผายมือและผลักประตูคฤหาสน์เข้าไปก่อน
“นายน้อย?”
หลี่ฮุ่ยหันกลับมา “คุณชายใหญ่หลงเฮ่าเทียน”
“คุณชายหลงเฮ่าเทียนอยากพบข้าด้วยเรื่องใด”
“แล้วท่านจะทราบเอง” หลี่ฮุ่ยเดินนำไปยังโถงใหญ่ ขณะนั้นหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาบางตา อากาศหนาวสะท้านไปถึงทรวง จนเกาเจินเจินต้องห่อกายกอดอกไว้ หลายวันที่วิตกกังวล กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับอยู่ในคุกของจวนว่าการนั้นนางผอมและอ่อนแอลงมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลเพราะห่วงจินจิน
ก้าวแรกที่ย่างเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ของสกุลหลง แขนของเกาเจินเจินถูกจับยึดไว้และพาเดินลึกเข้าไปนั่งยังโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่หลงเฮ่าเทียนนั่งอยู่ก่อนแล้ว เกาเจินเจินมองสตรีที่จับแขนนาง ใบหน้าด้านข้างช่างงดงาม กิริยามารยาทดุจดั่งสตรีที่ถูกอบรมเสี้ยมสอนให้เป็นสตรีในห้องหอ กลิ่นกายหอมอ่อนจาง ชุดแพรเนื้อดีงามตา ปักลายดอกไม้ด้วยด้ายเงิน เสื้อคลุมยาวตัวนอกเป็นขนจิ้งจอกขาวทั้งตัว คงสร้างความอบอุ่นให้เจ้าตัวได้ไม่น้อย
“นั่งตรงนี้ก่อน” มู่อิงหวากดไหล่เกาเจินเจินให้นั่งลง
“พวกท่าน?”
“ข้าหลงเฮ่าเทียน นี่ฮูหยินข้า อิงหวา” มู่อิงหวายิ้มให้นางและรินชาร้อนๆ เองกับมือและยื่นมาให้ตรงหน้า
หลงเฮ่าเทียนขยับตัว สายตาเขาสำรวจเกาเจินเจินอยู่ไม่นานนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าคือเกาเจินเจินอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว” เกาเจินเจินมองสองสามีภรรยาสลับกัน สองมือประคองถ้วยชาไว้แต่ยังไม่ยกขึ้นจิบ
“เป็นแฝดกับจินจิน?”
“เป็นอย่างนั้นคุณชายหลง” นางรับคำหลงเฮ่าเทียนพร้อมกับก้มศีรษะลง
