เพื่อนร่วมทาง
ระหว่างที่กำลังเดินทางออกจากบ้านสกุลเฉิน เหมยจูเริ่มรู้สึกว่าร่างกายนี้ช่างเปราะบางและไม่สามารถทนแดดร้อน ๆ ได้เท่าที่ควร เธอจึงหยุดตรงข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ เพื่อนำน้ำออกมาดื่ม ตามด้วยเอารังนกและซาลาเปาไส้หมูออกมากินเพื่อเติมพลัง ตบท้ายด้วยลดไข้อีก 2 เม็ด
เธอค่อย ๆ กินไปทีละคำ ขณะเดียวกันก็เอากระเป๋าผ้าแบบสะพายออกมาใช้ และเริ่มหยิบเอกสารสำคัญออกมาเก็บใส่ในกระเป๋าผ้าใบนี้แทน ส่วนกระเป๋าคุณหนูของร่างนี้ก็ถูกเก็บเข้าไปในมิติทันที
"ยังดีที่นายท่านเฉินกับลูกชายทั้งสองยังเมตตาเธอ ถือว่าเธอไม่ได้ลำบากอะไรเลย ถึงจะตกอับจากตำแหน่งคุณหนูของสกุลเฉินก็เถอะ"
เหมยจูพูดพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็หยิบซองเงินที่นายท่านเฉินแอบนำมาให้เธอ ในนั้นมีเงินมากถึง 5 พันหยวน และที่อยู่ของพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ ยังมีซองเงินที่พี่ชายทั้งสองมอบให้เธออีก 3 พันหยวน ไหนจะเงินเก็บส่วนตัวอีก 6 พันหยวน
เธอหยิบเงินออกมาไว้เพียง 1 ร้อยกว่าหยวนเท่านั้น เงินที่เหลือถูกเก็บเข้าไว้ในมิติจนหมดเพื่อความปลอดภัย ไม่นานก็มีรถเจ๊กผ่านมาพอดี เหมยจูจึงรีบโบกมือเรียนชายสูงวัยที่กำลังลากรถให้หยุดก่อน
"ลุงคะ พอจะไปส่งฉันที่สถานีรถไฟได้ไหม? ลุงคิดค่าโดยสารเท่าไหร่?"
เหมยจูถามอย่างสุภาพ คนลากรถเจ๊กได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มให้แล้วตอบกลับว่า
"ได้ครับคุณหนู จากตรงนี้ไปสถานีรถไฟค่าโดยสารแค่ 2 เหมาครับ"
"2 เหมา? ทำไมถึงถูกแบบนี้ละคะลุง งั้นฉันขึ้นเลยนะ"
เหมยจูแปลกใจมากเมื่อได้ยินว่าค่าโดยสารเพียงแค่ 2 เหมาเท่านั้น เธอเริ่มรู้สึกสงสารคนลากรถที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีรายได้ ทั้งที่ทำงานหนัก
"เชิญเลยครับคุณหนู"
เมื่อรถเจ๊กแล่นไปตามถนนเข้าสู่เขตเมือง เหมยจูก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความเก่าแก่ มันน่าอัศจรรย์มากที่เธอได้กลับมาในอดีตอีกครั้ง เธอมองไปรอบสองข้างทาง ผู้คนรถรากำลังวิ่งสวนกันไปมา ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลาใดผู้คนก็ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
แม้ว่าเธอจะเคยศึกษามาเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในยุคนี้แล้ว แต่การเดินทางคนเดียวในช่วงเวลานี้ยังคงเป็นสิ่งที่อันตราย การเดินทางข้ามเมืองด้วยรถไฟต้องมีหนังสือยืนยันตัวตนหรือคนที่เป็นสมาชิกในครอบครัวไปด้วย ครั้งนี้เธอจึงต้องพึ่งพาโชคชะตาทั้งสิ้น
"ถึงแล้วครับคุณหนู เดี๋ยวผมช่วยยกกระเป๋าลงให้ครับ"
ในที่สุดรถเจ๊กก็จอดที่สถานีรถไฟ เหมยจูลงจากรถแล้วหยิบเงินออกมา 1 หยวนแล้วจ่ายให้กับคนขับรถ ตามด้วยซาลาเปา 1 ลูกและน้ำดื่ม 1 ขวด
"นี่เป็นค่าโดยสารกับซาลาเปา ลุงเก็บไว้กินนะคะ"
"แต่นี่มันเยอะกว่าค่าโดยสารนะครับคุณหนู"
"เก็บไว้เถอะค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะคุณลุง"
"ขอบคุณมากครับคุณหนู ขอบคุณมากจริง ๆ"
คนลากรถเจ๊กพูดพร้อมยิ้มขอบคุณเหมยจู จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในสถานีรถไฟอย่างรวดเร็วพร้อมกับมองไปรอบ ๆ เพื่อหาซื้อตั๋วรถไฟที่จะพาเธอไปยังเมืองเฉิงตู
"พี่สาวคะ ฉันจะไปเมืองเฉิงตู วันนี้พอจะมีเที่ยวรถไปที่นั่นไหมคะ?"
เหมยจูรีบเอ่ยถามทันทีที่ไปถึงช่องขายตั๋ว
"มีค่ะ สำหรับที่นั่งธรรมดาค่าโดยสาร 5 หยวน แต่ถ้าต้องการห้องพิเศษที่นั่งได้ 4 คน ราคาห้องละ 35 หยวนค่ะ"
เจ้าหน้าที่ตอบด้วยเสียงเป็นมิตร เนื่องจากความปลอดภัยของตัวเอง เหมยจูเลือกจองห้องนั่งแทนที่นั่งธรรมดา แม้ว่าจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย แต่เธอก็รู้สึกว่าการนั่งในห้องปิดจะดีกว่า
"เอาแบบห้องพิเศษค่ะ"
"ได้ค่ะ ทั้งหมด 35 หยวน นั่งรออีกสักพักรถไฟขบวนที่จะมุ่งหน้าไปเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนจะมาเทียบท่าที่ชานชาลานะคะ"
"ขอบคุณค่ะ นี่เงินค่าโดยสาร 35 หยวนค่ะ"
เมื่อได้ตั๋วรถไฟมาแล้วเหมยจูจึงรีบไปเข้าห้องน้ำ เธอหาชุดผ้าฝ้ายที่ใส่สบายตัวพร้อมกับเสื้อคลุมกันลมกันหนาวออกมาเปลี่ยน ชุดกระโปรงของคุณหนูและรองเท้ามีส้นก็ถูกเก็บเข้ามิติไปโดยปริยาย
"เฮ้อ แบบนี้ค่อยสบายตัวหน่อย"
ข้าวของที่อัดแน่นอยู่ในกระเป๋าถูกเหมยจูเก็บเข้ามิติเช่นกัน เธอเหลือเอาไว้เพียง 2 ชุดเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่เหลือในกระเป๋าเธอก็เอาของกินออกมาเตรียมพร้อมเอาไว้
ออกจากห้องน้ำมาเหมยจูก็รีบมาหาที่นั่งรอที่ชานชาลา สถานีรถไฟดูคึกคักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ผู้โดยสารจำนวนมากยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องขายตั๋ว บ้างก็รีบวิ่งไปมาหรือพูดคุยกันเสียงดังท่ามกลางความวุ่นวาย
เหมยจูอดสังเกตไม่ได้ว่า ยุคนี้มันแตกต่างจากยุคของเธอมาก ทุกอย่างดูเหมือนจะล้าหลังและช้าไปหมด เทคโนโลยีที่เธอเคยใช้ทุกวันดูห่างไกลจากสถานที่นี้ราวกับเป็นความฝัน
เธอนั่งลงและพยายามสงบใจให้ได้ พยายามมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา เหมยจูคิดในใจว่า ถ้าในยุคนี้มีโทรศัพท์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ น่าจะสะดวกมากขึ้น แต่ตอนนี้เป็นเธอที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ให้ได้
"ดีนะที่ฉันชอบไปปีนเขากับพ่อแม่ ถ้าทำตัวเป็นคุณหนูเหมือนเจ้าของร่างนี้ต้องแย่แน่ ๆ"
เหมยจูพูดกับตัวเองเบา ๆ ขณะล้วงกระเป๋าผ้าเข้าไปหยิบซาลาเปาไส้หมูออกมากินไปทีละคำ เธอรู้สึกว่าร่างกายนี้ต้องการพลังงานมากขึ้น ทำอะไรเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อยหอบ จนทำให้สายลุยแบบเธอเริ่มเบื่อหน่าย
ขณะที่กำลังเคี้ยวซาลาเปาอยู่นั้น เสียงคุยของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ เหมยจูเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่แหล่งที่มาของเสียง ก็ได้เห็นแม่ลูก 3 คนกำลังยืนพูดคุยกันด้วยท่าทางเป็นกังวล
"ไม่ทันแล้วลูก หาตั๋วไม่ได้เลย วันนี้เราคงจะไม่ได้ไปแล้วล่ะ"
ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงอ่อนเพราะความผิดหวัง ขณะที่เด็ก ๆ ที่ยืนข้าง ๆ เริ่มน้ำตาซึมออกมาอย่างน่าสงสาร
เหมยจูมองไปที่เด็ก ๆ สองคน เด็กชายที่ดูเหมือนอายุประมาณ 6 ขวบ และเด็กหญิงที่อายุราว ๆ 5 ขวบ ทั้งสองกำลังจับมือแม่ของพวกเขาแน่น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกจากขอบตา โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่สะอื้นเล็กน้อยและถามแม่ว่า..
"แม่จ๋า จะทำยังไงดีหนูคิดถึงพ่อ พ่อไปทำงานที่เมืองเฉิงตูไม่ได้กลับบ้านนานแล้วนะ"
หลี่อี้เฟยผู้เป็นแม่ยิ้มเศร้าและพยายามปลอบลูกทั้งสองว่า
"เป็นความผิดของแม่เองที่มาช้าเลยไม่ได้ตั๋วรถไฟ ไม่ต้องร้องไห้นะลูก พรุ่งนี้แม่จะมาให้เร็วกว่านี้ เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว"
เหมยจูรู้สึกเห็นใจสามแม่ลูกมาก พอดีกับที่เสียงรถไฟเข้ามาจอดเทียบที่ชานชาลา เสียงดังของล้อรถไฟหยุดลงทำให้ผู้คนในสถานีต่างเดินไปขึ้นรถกันอย่างเร่งรีบ สามคนแม่ลูกได้แต่ยืนมองตาละห้อย เหมยจูยืนขึ้นและเดินไปหาทั้งสามคน ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า..
"ถ้ายังไม่มีที่นั่ง พี่สาวกับลูก ๆ ไปนั่งในห้องพิเศษกับฉันได้นะคะ"
หลี่อี้เฟยหันมามองเหมยจูด้วยความประหลาดใจ
"น้องสาวพูดกับพวกเราเหรอจ๊ะ?"
"ใช่ค่ะ ฉันไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องผิดหวัง ทั้งสองคนคงจะคิดถึงพ่อมาก ฉันเองก็จะไปลงที่เมืองเฉิงตูเหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยก็เลยซื้อตั๋วแบบห้องพิเศษเอาไว้ ไปด้วยกันนะคะ ฉันจะได้มีเพื่อนคุยด้วย"
หลี่อี้เฟยและลูก ๆ ตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินคำพูดของเหมยจู ทั้งสามคนรีบตอบตกลงและขอบคุณทันที
"ตกลงค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ/ขอบคุณครับพี่สาว/ขอบคุณค่ะพี่สาว"
สองพี่น้องหลี่จิ้งกับหลี่น่ายิ้มกว้าง ทั้งสองเดินไปจับมือแม่ด้วยความดีใจ
"ตามมาเลยค่ะ คนอื่นขึ้นรถไฟไปเกือบหมดแล้ว"
เหมยจูพาแม่ลูกทั้งสามคนเดินไปที่ทางขึ้นห้องโดยสาร ตู้รถไฟห้องพิเศษค่อนข้างเป็นส่วนตัว ต่างจากตู้รวมที่มี ผู้โดยสารมากมายจนแออัด หากเดินทางคนเดียวต้องไปนั่งรวมแบบนั้นถือว่าอันตรายไม่น้อย
"ห้องเบอร์ 5 ตามมาทางนี้ครับ ผู้โดยสารมีแต่ผู้หญิงกับเด็ก ควรปิดล็อกห้องให้ดีนะครับ ปลายทางเฉิงตูต้องใช้เวลาเดินทาง 20-21 ชั่วโมง"
เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วพาเหมยจูกับสามคนแม่ลูกมาที่ห้องพิเศษที่เธอจองไว้ พร้อมกับกำชับเรื่องความปลอดภัยอีกครั้ง ถึงบนรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ แต่ก็ใช่ว่าในเวลาที่เกิดเรื่องเจ้าหน้าที่จะมาได้ทันเวลา
"ขอบคุณค่ะ"
หลังจากเข้ามาในห้องพิเศษได้แล้ว เหมยจูจึงหันไปทักทายเพื่อนร่วมทาง
"ฉันเหมยจูค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก พี่สาวกับลูก ๆ ไปเมืองเฉิงตูทำไมหรือคะ?" เหมยจูถามด้วยท่าทีเป็นมิตร
"ฉันหลี่อี้เฟย ฉันจะพาลูก ๆ ไปหาพ่อของเขาค่ะ เขาทำงานในชนบทเมืองเฉิงตูมาได้เกือบ 2 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน ส่วนคนนี้ หลี่จิ้ง คนนี้ หลี่น่า ลูกชายลูกสาวของฉันเองค่ะ เด็ก ๆ ทักทายพี่สาวเร็วเข้าลูก"
หลี่อี้เฟยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะเดียวกันก็แนะนำลูก ๆ ให้รู้จักกับผู้มีพระคุณของพวกเขา
"สวัสดีครับพี่สาว ขอบคุณมากนะครับที่ยอมให้พวกเราไปด้วย"
"สวัสดีค่ะพี่สาวคนสวย"
"ปากหวานจังเลยหนูน้อย กินซาลาเปานี่นะ พี่สาวแบ่งให้ ยังมีนมกล่องให้ด้วยนะ"
เหมยจูเอาซาลาเปาออกมาให้เด็ก ๆ 3 ลูกกับนมอีก 3 กล่อง หลี่อี้เฟยที่เห็นแบบนั้นจึงรีบท้วงเอาไว้ก่อน
"น้องสาวให้แค่เด็ก ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องให้พี่หรอก อันนี้เป็นเงินค่าโดยสาร พี่ออกช่วยนะ"
เงินจำนวน 15 หยวนถูกยื่นมาตรงหน้าเหมยจู แต่เธอก็ปฎิเสธอย่างรวดเร็ว
"พี่สาวเก็บไปเถอะค่ะ ฉันไม่เอา ยังไงฉันก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว"
การเดินทางเริ่มขึ้นเมื่อรถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีไปเรื่อย ๆ ในระหว่างการเดินทางที่ยาวนานนั้น พวกเขาได้พูดคุยกันถึงการเดินทางและชีวิตของแต่ละคน เหมยจูได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่หลี่อี้เฟยเล่าให้ฟัง ประหนึ่งค่อย ๆ เรียนรู้และทำความเข้าใจความคิดของคนยุคนี้ให้มากยิ่งขึ้น
หลายชั่วโมงผ่านไปจนบ่ายคล้อย ขณะที่กำลังพูดคุยกันนั้น รถไฟก็จอดให้เจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจสอบผู้โดยสาร ทุกคนในห้องโดยสารต้องผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ขอตรวจหนังสือผ่านทางด้วยครับ"
เจ้าหน้าที่กล่าวขึ้นหลังจากมีคนเปิดประตูห้องให้
"นี่ค่ะ ฉันกำลังจะไปหาสามีที่เมืองเฉิงตู คนนั้นเป็นน้องสาวของสามีฉัน ส่วนเด็ก ๆ เป็นลูกของฉันค่ะ"
หลี่อี้เฟยยิ้มและหยิบหนังสือผ่านทางออกมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและอนุญาตให้ผ่านได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามีของหลี่อี้เฟยเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ เจ้าหน้าที่พยักหน้าและเดินไปตรวจห้องข้างหน้าต่อ
"ขอบคุณมากนะคะพี่อี้เฟย"
เหมยจูรีบขอบคุณหลี่อี้เฟยหลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
"แค่เล็กน้อย ที่เหมยจูช่วยพวกเราไว้ต้องตอบแทนมากกว่านี้"
หลี่อี้เฟยตอบกลับอย่างจริงใจ การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป และเวลาผ่านไปจนถึงปลายทางในเช้าวันถัดมา
ปู๊น ปู๊น ปู๊น
เสียงหวูดของรถไฟดังขึ้นพร้อมกับความเร็วที่ชะลอลง สถานีรถไฟเมืองเฉิงตูตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า เหมยจูกับแม่ลูกทั้งสามคนเตรียมตัวลงจากรถไฟร่วมกัน เมื่อรถไฟเทียบท่าที่ชานชาลา ในขณะที่ผู้คนกำลังทยอยลงจากรถไฟไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินออกมาถึงหน้าสถานีรถไฟในช่วงเวลา 6 โมงเช้า เหมยจูหยิบกระดาษที่อยู่ออกมาดูอีกครั้ง และพบว่าเธอต้องไปที่หมู่บ้านซูเจิง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 10 กิโลเมตร
"หมู่บ้านซูเจิงอย่างนั้นเหรอ?"
"อ้าว เหมยจูก็จะไปที่นั่นเหมือนกันเหรอ พี่ก็จะไปที่หมู่บ้านซูเจิงเหมือนกัน"
หลี่อี้เฟยหันมาทักด้วยความแปลกใจ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้
"ฉันก็มาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะพี่อี้เฟย งั้นเราไปหารถไปที่นั่นกันดีกว่านะคะ"
"ตกลงจ้ะ ไปกันเด็ก ๆ เราใกล้จะได้เจอพ่อแล้วนะ"
