บทย่อ
เหมยจู ตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวในชนบทปี 1976 ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน เธอจำได้ว่าตัวเองมาจากปี 2024 และถูกเลือกให้ย้อนเวลากลับมาพร้อมกับ "มิติ" พื้นที่พิเศษที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการเอาตัวรอดในยุคสมัยนี้ไว้มากมาย รวมถึงสมบัติล้ำค่าอย่างโสมพันปี โชคชะตาเล่นตลก เหมยจูพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของคุณหนูตกอับ เมื่อครอบครัวเฉินที่เลี้ยงดูเธอมาอย่างดี กลับรู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ เหมยจูจึงต้องออกเดินทางไกลจากปักกิ่ง มุ่งหน้าสู่เมืองเฉิงตู เพื่อตามหาครอบครัวที่แท้จริง ณ หมู่บ้านเล็กๆ เชิงเขา เหมยจูได้พบกับพ่อแม่ที่หน้าตาเหมือนพ่อแม่ในกาลเวลาที่จากมาไม่มีผิดเพี้ยน และน้องชายตัวน้อย จื่อหาน การได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่แท้จริง เติมเต็มความรู้สึกโหยหาในใจของเหมยจู เธอปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ทำงานในทุ่งนา เรียนรู้วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนี้ ด้วยความเฉลียวฉลาด บวกกับความรู้จากโลกอนาคต เหมยจู จึงได้เลื่อนขั้นจากกรรมกรในไร่ กลายเป็นเจ้าหน้าที่ คอมมูน ผู้รับผิดชอบการคำนวณแต้มงาน ที่นี่ เธอได้พบกับครอบครัวเถียน เพื่อนบ้านใจดี โดยเฉพาะ เถียนเฟยเทียน ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น เขาคอยช่วยเหลือเหมยจูจากอันตรายต่าง ๆ จนก่อเกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ทว่าโชคชะตากลับไม่เข้าข้าง เหมยจูถูกลักพาตัวไปโดย เถิงจื่อจิง เจียวซิ่น และเสี่ยวหมี่ สามวายร้ายที่หวังจะทำให้เธอย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีเพื่อความสะใจ เฟยเทียนเสี่ยงชีวิต บุกตะลุยเข้าไปช่วยเหมยจูออกมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เหตุการณ์นี้ กลับทำให้ชื่อเสียงของเหมยจู ถูกผู้คนนินทา ใส่ร้าย เพื่อปกป้องเหมยจู เฟยเทียนจึงตัดสินใจขอเธอแต่งงาน ไม่ใช่เพราะสงสาร แต่เพราะความรัก ความปรารถนาที่จะดูแล และอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
เหมยจู
กลางดึกสงัดท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมทั่วห้อง เหมยจูนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนุ่ม แต่แล้วภาพฝันอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นในฝันนั้น เธอเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับเธอ ราวกับแกะสลักจากพิมพ์เดียวกัน หญิงสาวคนนั้นมีชื่อว่าเหมยจูเช่นเดียวกับเธอ
เหมยจูในฝันกำลังยืนอยู่ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัว เธอเพิ่งได้รับรู้ความจริงอันโหดร้ายว่า แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของสกุลเฉินอันมั่งคั่ง
"ไม่จริง... นี่มันไม่จริง..."
คนในฝันพึมพำกับตัวเอง น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ทันใดนั้นบรรยากาศรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ แม่ที่เคยเลี้ยงดูเธอมาด้วยความรักใคร่ดุจไข่ในหิน บัดนี้กลับมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึก
"ออกไปจากบ้านของฉันซะ! ฮึก นี่ฉันเลี้ยงลูกเสือลูกตะเข้อย่างนั้นเหรอ ลูกแม่.. ฮื้ออ ป่านนี้ลูกแม่จะลำบากขนาดไหน"
เสียงตวาดอันเย็นเยียบของผู้เป็นแม่ดังก้องอยู่ในโสตประสาท เหมยจูคนในฝันทรุดลงกับพื้น ความเสียใจและความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดความผูกพัน 18 ปีที่ผ่านมาจึงไม่มีความหมายใด ๆ เลย
"คุณแม่ขา... ฮึก... หนูรักคุณแม่นะคะ..."
เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาก่อนที่ร่างของเธอจะล้มลงแน่นิ่ง ภาพในฝันพร่าเลือนหายไป เหมยจูสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เธอหอบหายใจแรง รู้สึกถึงเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า
"ฝันแบบนี้อีกแล้ว..." ลี่จูพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน
นี่เป็นสัปดาห์ที่สามแล้วที่เธอฝันเห็นเหตุการณ์เดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความฝันอันแสนเศร้าและน่าหดหู่ใจนี้ทำให้เธอนอนไม่หลับ รู้สึกหม่นหมอง และร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
"ทำไมเราต้องฝันแบบนี้ด้วยนะ..."
เหมยจูยกมือขึ้นปาดน้ำตา ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบางอย่างกำลังบอกกับเธอว่า เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
"พรุ่งนี้เช้าเราจะไปทำบุญที่วัด"
เหมยจูตัดสินใจ เธอหวังว่าการทำบุญจะช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจของเธอ และทำให้เธอหลุดพ้นจากฝันร้ายที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนี้เสียที
รุ่งเช้าวันต่อมา
แสงอาทิตย์ยามเช้าทาบทาขอบฟ้า สาดแสงสีทองอร่ามทั่วท้องนภาเหนือกรุงปักกิ่ง เหมยจูตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเธอมาตลอดสามสัปดาห์ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ
ภาพหญิงสาวใบหน้าสะสวยราวกับแกะสลัก ร้องไห้ปานจะขาดใจเมื่อรู้ความจริงว่าครอบครัวที่เลี้ยงดูมานั้นไม่ใช่ครอบครัวแท้ ๆ แม่ที่เคยรักและเอ็นดูกลับผลักไสไล่ส่งเธอไปอย่างไร้เยื่อใย ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ และหวาดกลัวในฝันยังคงหลงเหลืออยู่ในใจเหมยจู
"นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ วันนี้ฉันจะไปทำบุญให้เธอ ขอให้เธอไปสู่สุคตินะ"
เหมยจูลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปยังเมืองที่กำลังตื่นขึ้น รถราเริ่มหนาแน่น ผู้คนต่างเร่งรีบไปทำงาน แต่ในใจของเหมยจูกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่น ฝันร้ายนั้นเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง
วันนี้เหมยจูตั้งใจจะไปทำบุญที่วัดหลงเฉวียน วัดจีนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่ง เธอหวังว่าการไปวัดจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้น และอาจจะช่วยให้เธอเข้าใจความหมายของฝันร้ายนั้นได้
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เหมยจูก็ขับรถออกจากบ้าน มุ่งหน้าสู่วัดหลงเฉวียน ระหว่างทางความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวของเธอ เธอพยายามหาคำอธิบายให้กับฝันร้ายนั้น แต่ก็ไม่พบคำตอบ
ณ วัดหลงเฉวียน ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง
เมื่อมาถึงวัด เหมยจูรู้สึกสงบขึ้นทันที บรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น และเต็มไปด้วยกลิ่นธูปหอม ช่วยให้จิตใจของเธอผ่อนคลายลง เหมยจูเดินเข้าไปในศาลาใหญ่ กราบไหว้เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ พร้อมกับอธิษฐานขอพรให้ฝันร้ายนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน ไม่ใช่ลางบอกเหตุร้ายใด ๆ
"ขอให้เหมยจูคนในฝันของลูกไปสู่สุคติ แต่หากเป็นลางบอกเหตุก็ขอให้ลูกได้ล่วงรู้ในเร็ววันด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ"
หลังจากกราบไหว้เสร็จ เหมยจูก็กำลังจะเดินออกจากศาลา แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำ ทรงพลัง ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"โยม!"
เหมยจูหันกลับไป พบกับนักบวชชรา ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา แต่กลับดูอิ่มเอิบ ผ่องใส เหมือนผู้มีบุญมากด้วยบารมี เหมยจูรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากแววตาอันล้ำลึกของท่าน
"อาตมามีเรื่องสำคัญจะแจ้งแก่โยม" นักบวชเอ่ยเสียงเรียบ
"หนูเหรอคะ?"
เหมยจูชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความสงสัย เนื่องจากในบริเวณนี้มีผู้คนมากมายที่กำลังหลั่งไหลเข้ามากราบไว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
"เวลาของโยมในโลกนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว เหลือเพียงสามวันเท่านั้น"
คำพูดของนักบวชทำให้เหมยจูตกตะลึง หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองรบ
"ทะ..ท่านหมายความว่ายังไงเจ้าคะ?"
เหมยจูถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่นักบวชชรามองลึกเข้าไปในดวงตาของเหมยจู
"โยมคงฝันร้ายติดต่อกันมาหลายสัปดาห์แล้วใช่หรือไม่? นั่นคือลางบอกเหตุ"
เหมยจูขนลุกซู่ ฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนเธอมาตลอด ภาพหญิงสาวผู้มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับแกะ ร้องไห้คร่ำครวญเมื่อรู้ว่าครอบครัวที่เลี้ยงดูมานั้นไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริง แม่ที่เคยรักและเอ็นดูกลับผลักไส ไล่ส่งเธอไปอย่างไร้เยื่อใย ทั้งหมดนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
"สิ่งนี้จะช่วยโยมได้ จงเก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาโยมจะรู้เองว่าต้องใช้มันอย่างไร"
นักบวชกล่าวพร้อมกับวางแหวนหยกสีเขียวเข้มลงบนโต๊ะไม้เก่าแก่ ขณะที่เหมยจูยังคงมึนงง พยายามประมวลผลคำพูดของนักบวช แต่สมองของเธอกลับว่างเปล่า เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเวลาของเธอถึงเหลือเพียงสามวัน? แหวนหยกวงนั้นจะช่วยเธอได้อย่างไร?
"ท่านเจ้าคะ ฉันไม่เข้าใจ ท่านหมายความว่าอย่างไร? ทำไมเวลาของดิฉันถึงเหลือแค่สามวัน? แล้วแหวนวงนี้..."
แต่เหมยจูก็ไม่ทันได้พูดจบ เมื่อเธอก้มลงมองแหวนหยกที่วางอยู่บนโต๊ะ นักบวชชราผู้นั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา ราวกับว่าท่านไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่นี่มาก่อน
เหมยจูมองไปรอบ ๆ ศาลาใหญ่ที่มีคนเดินเข้ามากราบไว้เทพเจ้าอย่างประปราย แต่กลับไม่มีวี่แววของนักบวชชราผู้นั้นเลย
"นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แหวนวงนี้จะช่วยฉันได้ยังไง?"
ความรู้สึกแปลกประหลาดบอกให้เธอหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา สัมผัสเย็นเฉียบจากหยกแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เหมยจูจ้องมองแหวนหยกในมือ ลวดลายบนแหวนดูลึกลับ ซับซ้อน ราวกับซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้
เหมยจูตัดสินใจเก็บแหวนใส่กระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเดินออกจากศาลาด้วยความรู้สึกสับสน ระหว่างทางกลับเข้าเมือง ภาพฝันร้าย คำพูดของนักบวช และแหวนหยก ต่างวนเวียนอยู่ในหัวของเหมยจู เธอไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเธอว่า ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
ร้านเหมยฮัว เป็นร้านขายอุปกรณ์เดินป่าขนาดเล็ก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ร้านนี้เป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดกันมาจากรุ่นพ่อแม่ของเหมยจู ร้านนี้มีสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มีดพก เต็นท์ หน้าไม้ อุปกรณ์ล่าสัตว์ชนิดต่าง ๆ
รวมไปถึงปืนไรเฟิล ปืนล่าสัตว์ ปืนลูกซอง ปืนลูกกวาด ลูกกระสุน หน้าไม้ ลูกดอกต่าง ๆ ร้านเหมยฮัวได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตั้งแต่เมื่อครั้งพ่อแม่ของเหมยจูยังอยู่ ตอนนี้จึงกลายเป็นเธอที่ต้องดูแลแทน เมื่อพวกท่านจากไปเมื่อ 3 ปีก่อนเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์
"กลับมาแล้วเหรอครับพี่เหมยจู ไปทำบุญเป็นยังไงบ้างครับ?"
พนักงานในร้านเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยกลับมาถึงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่
"ก็ดีแหละอาหลิง แต่พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว วันนี้พวกนายปิดร้านเร็วหน่อยก็ได้นะ แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ"
"พี่เหมยจูไปหาหมอหน่อยดีกว่าไหมคะ พวกเราเห็นพี่สีหน้าไม่ดีแบบนี้มาสักพักแล้ว วันนี้ยิ่งดูเป็นกังวลหนักกว่าเดิมอีก"
"ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวฮัว นอนพักสักหน่อยก็คงหาย สงสัยเป็นเพราะพี่ขับรถขึ้นเขาทั้งเช่าบ่าย เลยดูเพลียไปหน่อย พี่ไปพักแล้วนะ ถึงเวลาก็ปิดล็อกร้านให้เรียบร้อยด้วยล่ะ"
"ครับพี่/ค่ะพี่เหมยจู"
หลังจากกลับมาจากวัด เหมยจูก็ทักทายกับลูกน้องเพียงไม่กี่คำ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นห้องของเธอไป ความว้าวุ่นจากคำทักท้วงของนักบวชยังคงติดอยู่ในใจของเธอ เธอไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของนักบวชหรือไม่ แต่เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เหมยจูนั่งลงบนเตียง มองแหวนหยกที่เธอได้รับจากนักบวช เหมยจูรู้สึกว่ามันมีความหมายบางอย่าง เธอพยายามคิดถึงคำพูดของนักบวช "เวลาของโยมเหลือเพียงสามวัน" คำพูดนี้หมายความว่าอะไร? เหมยจูจะตายในอีกสามวัน? หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้?
"หมายความว่ายังไง ฉันจะตายแล้วอย่างนั้นเหรอ แต่ผลตรวจสุขภาพก็ปกติดีนี่นา"
เหมยจูพยายามสงบสติอารมณ์ เธอรู้ว่าการหวาดกลัวจะไม่ช่วยอะไร เธอต้องหาทางแก้ไขปัญหา เธอต้องหาทางพิสูจน์ว่าคำพูดของนักบวชนั้นเป็นความจริงหรือไม่
"ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริง ๆ ก็ขอให้ลูกได้รู้ทุกอย่างให้ทันเวลาด้วยนะคะ พ่อ แม่ ช่วยหนูด้วยนะ"
ในยามที่มีเรื่องทุกข์ใจ ภาพถ่ายของพ่อแม่ที่ตั้งอยู่โต๊ะข้างหัวเตียง เป็นสิ่งเดียวที่เป็นที่พึ่งทางใจของเธอ หากพวกท่านยังอยู่เธอคงไม่ต้องอ้างว้างขนาดนี้

