บท
ตั้งค่า

ครอบครัวใหม่

ครั้งนี้เป็นหลี่อี้เฟยที่เดินหาเช่าเหมารถกระบะออกไปส่งที่หมู่บ้านกระบะจิงจนสำเร็จ ก่อนอื่นเธอให้คนขับรถพาเธอกับลูก ๆ และเหมยจูไปซื้อของที่ร้านค้าสหกรณ์ของรัฐก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว

"พี่ขอพาเด็ก ๆ ไปซื้อของข้างในก่อนนะเหมยจู เธอจะไปกับพวกเราไหม?"

อี้เฟยหันมาถามเหมยจูที่นั่งอยู่บนท้ายกระบะ

"ไปค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่นี่จะมีอะไรขายบ้าง"

เหมยจูตัดสินใจเดินมาสามคนแม่ลูกเข้าไปในร้านค้าของทางการ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ยังเช้าอยู่ จึงไม่ค่อยมีผู้คนมากวนใจ เหมยจูจึงสามารถมองได้อย่างเต็มตาว่าร้านค้ามีอะไรขายบ้าง

สิ่งของที่อยู่ตรงหน้าทำให้เหมยจูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินเข้ามาในร้านขายของยุค 1970 ที่มีจำลองให้เห็นในยุค 2024 ที่เธอจากมา

"โกเต๊ก แม่เจ้า..เนื้อสัมผัสมันจะเป็นยังไงนะ คงไม่เย็นสบายเหมือนในยุคของเราหรอกมั้ง"

ของใช้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เหมยจูรู้สึกขำในความสงสัยของตัวเอง ไม่นานหลี่กระบะเฟยกับลูก ๆ ก็ซื้อของเสร็จ ส่วนเหมยจูไม่รู้จะซื้ออะไรจึงกลับออกมาตัวเปล่า

เหมยจูและครอบครัวของหลี่อี้เฟยขึ้นรถกระบะที่จอดรออยู่ รถกระบะเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยภูเขาและพื้นที่ลาดชัน หมู่บ้านซูเจิงตั้งอยู่ในเขตที่มีการเกษตรขั้นบันได เหมยจูนั่งมองวิวทิวทัศน์ที่มีความงดงามแบบชนบท ด้วยภูเขาสูงและต้นไม้ที่ขลุกขลักตามทางท่ามกลางความเงียบสงบ

หลี่อี้เฟยและลูก ๆ ทั้งตื่นเต้นและดีใจที่กำลังจะได้เจอคนที่เฝ้ารอ หลังจากเดินทางรอนแรมมากว่า 1 วัน เหมยจูเองก็ไม่ต่างกัน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวใหม่ของเธอจะดีใจหรือไม่ที่เห็นเธอปรากฏตัว หรือทุกคนอาจจะไม่ต้องการเหมือนคุณนายเฉินจินเหลียนก็อาจจะเป็นได้

ถ้าที่นี่ไม่ต้องการเธอ แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป

ไม่นานรถกระบะก็ได้มาถึงหมู่บ้านซูเจิง บ้านเรือนของชาวบ้านตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน

"ให้จอดตรงไหนครับ"

คนขับรถชะลอความเร็วก่อนจะชะเง้อคอออกมาถามเหมยจูกับอี้เฟยที่นั่งอยู่ในกระบะหลัง

"จอดตรงที่มีคนเดินข้างหน้าก็ได้ค่ะ ฉันขอถามชาวบ้านก่อนนะพี่ชาย"

"ได้ครับ"

เหมยจูลงจากรถไปถามชาวบ้านที่กำลังเดินไปมาอยู่แถวนั้น จนได้ความว่าบ้านซ่งอยู่ตรงไหน พอได้ตำแหน่งที่แน่ชัดแล้ว เธอจึงเดินกลับมาที่รถเพื่อบอกให้คนที่รออยู่ได้รู้พร้อมกัน

"ฉันลงตรงนี้เลยนะคะโชเฟอร์ ฉันไปนะพี่อี้เฟย อาจิ้ง อาน่า พี่สาวถึงบ้านแล้ว หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกนะ"

"ครับพี่สาว/ค่ะพี่สาว"

"โชคดีนะเหมยจู"

หลังจากบอกลาทุกคนเสร็จเหมยจูก็เดินไปที่บ้านซ่งตามที่ชาวบ้านบอก ส่วนรถกระบะก็มุ่งหน้าไปที่คอมมูนเพื่อไปส่งหลี่อี้เฟยกับลูก ๆ

"น่าจะเป็นหลังนี้ มีใครอยู่ไหมคะ? ที่นี่ใช่บ้านซ่งไหมคะ มีใครอยู่รึเปล่า"

เหมยจูตะโกนเสียงดังเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านปูนชั้นเดียวหลังเล็ก เท่าที่มองดูบ้านหลังนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่จัดเก็บสิ่งของอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่ฟืนกองใหญ่ยังถูกตัดออกมาให้มีความยาวที่เท่ากัน และยังมีส่วนที่จัดเรียงไว้ในห้องเก็บฟืนอย่างหนาแน่น

"มาแล้วจ้า มาหาใครเหรอแม่หนู?"

ไม่นานเสียงของซ่งเยียนก็ดังขึ้น ทันทีที่ได้ยินร่างกายของเหมยจูก็แข็งทื่อ สายตาของเธอจ้องมองไปยังบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าทั้งน้ำตา

"ใครมาเหรออาเยียน?"

เป็นอีกครั้งที่เหมยจูต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นผู้มาใหม่ ซ่งอู๋ซางผู้เป็นพ่อและซ่งเยียนผู้เป็นแม่ ทั้งสองหน้าตาเหมือนพ่อแม่ของเธอที่ตายจากไปแล้วราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน เธอโผเข้าไปกอดสองคนเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกคิดถึงและโหยหา

"พ่อ...แม่..."

เหมยจูพูดเสียงสั่นพร่าพร้อมทั้งวิ่งเข้ากอดทั้งสองคนอย่างโหยหา น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อายใคร

"นะ..หนูคือเหมยจูเหรอลูก ฮึก"

"ใช่ค่ะ หนูเอง"

ซ่งอู๋ซางและซ่งเยียนกอดเธอแน่น แล้วร้องไห้ไปด้วยกัน เมื่อเห็นลูกสาววิ่งเข้ามากอด พวกเขาทั้งดีใจและรู้สึกแปลกใจที่เหมยจูไม่รังเกียจพวกเขาแม้จะมีชีวิตที่ยากจน

ต่างจากเยว่ชิงที่พวกเขาดูแลมาตลอด 18 ปี แต่กลับมีเพียงความห่างเหิน กระทั่งวันที่เยว่ชิงได้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกสาวสกุลเฉิน เศรษฐีเมืองปักกิ่ง เธอยิ่งวางตัวเฉยชาและเหินห่างจนถึงขั้นไม่ยอมพูดคุยกับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้โกรธเคือง ซ้ำยังยินดีที่เยว่ชิงจะได้กลายเป็นคุณหนูบ้านรวย

"ไม่ต้องร้องนะลูก แม่กับพ่อยินดีต้อนรับลูกกลับบ้านของเรานะ"

แม่ซ่งพาเหมยจูเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กที่ดูอบอุ่น ส่วนผู้เป็นพ่อก็รีบถือกระเป๋าให้ลูกสาว

"ใครมาครับพ่อ"

"จื่อหานมาพอดี นี่พี่เหมยจู พี่สาวของลูกไง"

ซ่งจื่อหานเด็กชายวัย 8 ขวบเดินออกมาจากตัวบ้านก็พบเข้ากับพี่สาวแสนสวย แต่คำพูดของบิดาทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้รู้ว่าคนสวยตรงหน้าคือพี่สาวแท้ ๆ ของเขาเอง

"สวัสดีครับพี่สาว"

"สวัสดีจื่อหาน พี่ดีใจที่มีน้องชายรูปหล่ออย่างนายนะ"

มือบางลูบลงที่ศีรษะของน้องชายเบา ๆ ถึงทุกคนจะดูมีเรี่ยวแรงขึงขัง แต่รูปร่างก็ยังผอมบางจนน่าเป็นห่วง เธอรักครอบครัวใหม่นี้เหลือเกิน สาบานเลยว่าเธอจะใช้เวลากับทุกคนให้คุ้มค่าที่สุด

"หู้ว พี่สาวไม่ต้องชมผมขนาดนั้นก็ได้ ผมพอจะรู้ตัวหรอก เอาเป็นว่า..ยินดีต้อนรับพี่สาวกลับบ้านนะครับ"

"จ้ะ พี่มีของฝากหลายอย่างมาให้นาย อีกสักพักของจะมาถึง"

"ขอบคุณครับพี่"

"พี่จ๊ะ วันนี้ลางานให้ฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนลูกสักวัน"

แม่ซ่งหันไปทางสามีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ความจริงแล้วน้องกลัวว่าลูกสาวจะทำใจไม่ได้จนคิดสั้นทำร้ายตัวเอง นางจึงตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวก่อนสักวันสองวัน

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ หนูอยู่ได้ หนูไม่อยากทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียงาน"

"เอาอย่างนั้นเหรอลูก เหมยจูไม่ต้องทำอะไรก็ได้นะ พักผ่อนให้เต็มที่ งานบ้านที่เหลือแม่จะจัดการเอง"

แม่ซ่งลูบมือลูกสาวอย่างทะนุถนอม ผิวพรรณของเหมยจูช่างบอบบาง แบบนี้คนเป็นแม่จะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร

"แม่วางใจได้ หนูไม่ได้บอบบางขนาดนั้น งานบ้านทุกอย่างหนูทำเป็นหมด อีกเดี๋ยวรับของเสร็จหนูจะไปกินข้าวเที่ยงที่คอมมูนกับทุกคนนะคะ"

"เอาอย่างนั้นก็ได้ลูก งั้นตามแม่มานี่ แม่จะพาลูกไปดูห้องเก็บเสบียง"

แม่ซ่งพาลูกสาวเดินสำรวจบ้านหลังเล็กทุกซอกมุม พร้อมทั้งมอบกุญแจบ้านและกุญแจห้องเก็บเสบียงให้เหมยจูถือ

เมื่อพูดคุยกับลูกสาวเสร็จแล้ว พวกเขาก็เตรียมตัวเดินออกไปทำงานที่คอมมูน ระหว่างนั้นเองบ้านเถียนที่อยู่ข้างกันก็ออกมาพอดี ทั้งสองบ้านเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมานาน แม่ซ่งจึงแนะนำให้ลูกสาวรู้จักคนบ้านเถียนเอาไว้

"นั่นใครเหรออาเยียน?"

ป้าเถียนลั่วเอียนเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่ามีเด็กสาวหน้าตาน่าเอ็นดูเดินออกมาส่งคนบ้านซ่งไปทำงาน ความจริงนางก็รู้เรื่องที่ลูกสาวของบ้านซ่งถูกสลับตัวไปเช่นกัน บ่อยครั้งที่ซ่งเยียนกับสามีมาหารือกับนางและสามี

"พี่ลั่วเอียน นี่เหมยจูลูกสาวของฉันเอง เหมยจูมาทำความรู้จักกับทุกคนเร็วลูก คนนี้คือป้าเถียนลั่วเอียน คนนี้ลุงเถียนหยาง นี่พี่เฟยเทียน พี่เฟยหลง คนสุดท้ายคือเฟยหนี่ว์ อายุเท่ากันกับลูก"

ซ่งเยียนแนะนำให้เหมยจูรู้จักกับลุงเถียนหยางและป้าเถียนลั่วเอียน รวมทั้งลูกๆ ของบ้านเถียน ที่มีเถียนเฟยเทียนเป็นลูกชายคนโต เถียนเฟยหลงเป็นลูกชายคนรอง และเถียนเฟยหนี่ว์ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กที่อายุใกล้เคียงกับเหมยจู

"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า พี่เฟยเทียน พี่เฟยหลง ยินดีที่ได้รู้จักนะเฟยหนี่ว์ จากนี้ไปเรามาเป็นเพื่อนกันนะ มีหลายอย่างที่ฉันต้องเรียนรู้ ถ้าฉันทำอะไรไม่ถูกเธอก็บอกฉันได้เลยนะ"

"ได้สิเหมยจู เธอเรียกฉันว่าอาหนี่ว์ก็ได้นะ"

ทุกคนทำความรู้จักกันอย่างเป็นมิตร แต่เหมยจูกลับรู้สึกได้ถึงสายตาที่แปลก ๆ ของใครบางคน เธอหันไปมองก็พบว่าเป็นเถียนเฟยเทียนที่กำลังมองเธออยู่ พอถูกจับได้เจ้าตัวก็ตีเนียนหันหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

"เสี่ยวจูน่าเอ็นดูจริง ๆ จากนี้ไปขอให้บ้านซ่งมีแต่ความสุขนะ เอาเป็นว่าพวกเราไปทำงานกันเถอะ มีอะไรค่อยมาคุยกันตอนเย็น"

"จ้ะพี่ลั่วเอียน แม่ไปนะเหมยจู"

"ค่ะแม่ ตอนเที่ยงหนูจะเอากับข้าวไปส่งนะคะ"

หลังจากทุกคนออกไปทำงานหมดแล้ว เหมยจูเห็นกับข้าวที่แม่แบ่งไว้ให้ ถึงจะมีเพียงผัดผักป่ากับข้าวต้มและไข่ต้ม 1 ฟอง แต่ก็เป็นมื้อเช้าที่ล้ำค่ามากสำหรับเธอ

"อื้อ รสมือแม่ยังอร่อยเหมือนเดิม"

หลังจากกินข้าวเสร็จเหมยจูจึงเดินสำรวจภายในบ้านแต่ละห้อง ภายในบ้านหลังนี้ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ทุกสิ่งในบ้านถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เหมยจูมองไปที่ผ้าห่มและเสื้อผ้าที่ดูเก่ามาก ก่อนจะมองไปที่เสื้อผ้าของทุกคนที่เก่าและมีรอยปะหลายที่ แถมเนื้อผ้ายังบางจนไม่สามารถให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้

"ทำไมพ่อแม่ไม่มีแม้แต่เสื้อกันหนาวดี ๆ ใส่เลยนะ เห็นแล้วปวดใจจริง ๆ ขนาดตอนนี้เป็นช่วงเดือนมิถุนาที่อากาศ 15-29 องศาก็ยังหนาวเย็นแบบนี้ แล้วตอนหน้าหนาวทุกคนจะทรมานขนาดไหน"

เหมยจูรู้สึกปวดใจไม่น้อยแม่นึกถึงช่วงหน้าหนาวที่ทุกคนต้องทนทรมาน เธอตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าทั้งหมดที่เธอนำมาจากปักกิ่งออกมา แบ่งให้ทุกคนคนละ 10 ชุด รวมไปถึงเสื้อกันหนาวและรองเท้า ถุงเท้า เสื้อผ้าเหล่านี้ยังคงใหม่และเหมาะสมกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นในพื้นที่นี้

เธอเริ่มขนที่นอนออกมาทำความสะอาด จากนั้นก็จัดที่นอนใหม่อีกครั้ง ที่นอนเก่าเธอเอารองไว้ด้านล่าง ก่อนจะนำท็อปเปอร์หนานุ่มออกมาปูให้พ่อแม่ แถมยังเตรียมหมอนและผ้าห่มอันใหม่ให้พวกท่านด้วย จัดห้องพ่อแม่เสร็จเธอก็ไปจัดห้องน้องชายต่อตามด้วยห้องของตัวเอง

ลานกลางบ้านในห้องโถง เหมยจูนำเสื่อน้ำมันออกมาปูจนเต็มพื้นที่ จากนั้นก็เอาเข้าไปปูในห้องของทุกคน หลังจากปูเสื่อน้ำมันเสร็จเธอก็นำข้าวสารอาหารแห้งเข้าไปเติมในห้องเก็บเสบียง

เดิมทีข้าวในบ้านเหลืออยู่เพียง 2 ถังหรือประมาณ 50 จิน(25กิโล) เหมยจูนำข้าวออกมาจากมิติออกมาเติมใส่ถังไว้อีก 4 ถัง และยังมีพวกกุนเชียง เนื้อแห้ง เนื้อรมควันที่เธอสั่งซื้อไว้ เอาออกมาแขวนเรียงไว้จำนวนมาก ตามด้วยเครื่องปรุงและแป้งต่าง ๆ

"จัดไว้ให้ครบซะแต่ตอนนี้ ยังพอหาเหตุผลได้ว่าขนมาจากปักกิ่ง แต่หลังจากนี้คงหาเหตุผลยากแล้ว"

เหมยจูบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือ ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อตอนนี้เป็นเวลา 11 โมง 30 นาทีแล้ว เธอแทบจะไม่เหลือเวลาให้เตรียมตัวอะไรเลย เหมยจูจึงตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนกับข้าวค่อยหาเอาจากในมิติก็ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel