เถียนเฟยเทียน
"เอาก๋วยเตี๋ยวหลอดกับซาลาเปาไปให้ทุกคนก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่ทันแล้ว"
ภายในเวลาเพียง 15 นาที เหมยจูก็จัดการกับตัวเองจนเรียบร้อย เธอจัดเรียงก๋วยเตี๋ยวหลอด 9 กล่องลงในตะกร้า ของครอบครัวเธอ 4 กล่อง ของบ้านเถียน 5 กล่อง ในตะกร้ายังมีซาลาเปา ลูกขาวอวบไส้หมูสับไข่เค็มอีก 10 กว่าลูก
หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้าน เหมยจูก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่คอมมูน ระหว่างทางเธอมองเห็นทุ่งนาสีเขียวขจี ทิวทัศน์ที่นี่งดงามราวกับภาพวาด
เมื่อมาถึงคอมมูนก็เป็นเวลาที่ทุกคนขึ้นมาพักกินข้าวพอดี เธอมองหาครอบครัวของตัวเองโดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีผู้คนมองมาที่เธอมากมายขนาดไหน
"พี่สาว พวกเราอยู่ทางนี้"
ซ่งจื่อหานรีบโบกมือเรียกพี่สาว พร้อมกับเดินเข้าไปช่วยถือตะกร้ากับข้าวไปยังจุดที่พ่อกับแม่นั่งอยู่
"ทำงานเหนื่อยไหมจื่อหาน?"
"สบายมากครับพี่ ผมทำจนชินแล้ว"
"เป็นเด็กดีจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะมาช่วยนายกับพ่อแม่นะ พี่ไม่เอาเปรียบน้องชายสุดที่รักแน่นอน"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า พ่อ แม่ ตอนนี้ผมกลายเป็นน้องชายสุดที่รักของพี่สาวแล้ว"
เหมยจูแปลกใจมากที่คำพูดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้น้องชายของเธอดีใจขนาดนี้ บางครั้งเธอก็แอบสงสัยว่าเยว่ชิงคนนั้นมีนิสัยใจคอเป็นยังไงกันแน่
"เจ้าลูกคนนี้ ดีใจขนาดนั้นเชียว นั่งลงก่อนลูก เดินตากแดดมาคงร้อนมากใช่ไหม ดูสิหน้าแดงหมดเลย"
แม่ซ่งพินิจมองลูกสาวด้วยความเอ็นดู พร้อมรับตะกร้าจากมือของลูก
"หนูไหวค่ะแม่ เมื่อเช้าหนูซื้อก๋วยเตี๋ยวหลอดมาจากร้านอาหารของทางการ แม่ช่วยเอาไปแบ่งให้บ้านเถียนด้วยนะคะ พวกเราคงกินกันไม่หมดหรอก"
เหมยจูเอาก๋วยเตี๋ยวหลอดออกมา 5 กล่อง พร้อมกับซาลาเปาอีก 5 ลูก เพื่อให้มารดานำไปมอบให้บ้านเถียนที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างกัน
"ได้สิลูก เดี๋ยวแม่จัดการให้"
"..."
"พี่ลั่วเอียน หลานซื้ออาหารกับซาลาเปามาฝาก พี่รับไว้เถอะนะ"
แต่ทว่า เมื่อได้รับของฝากจากเหมยจู ทุกคนในบ้านเถียนกลับมีสีหน้าลังเลไม่กล้ารับ เพราะดูเหมือนจะเป็นอาหารจำนวนมากเกินไป พวกเขาจึงรู้สึกเกรงใจไม่อยากรับไว้
"มันเยอะเกินไปอาเยียน พวกเธอเก็บไว้กินเถอะ"
ป้าเถียนเอ่ยขึ้น เหมยจูเห็นดังนั้นจึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า...
"ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูตั้งใจนำมาฝากจริง ๆ ค่ะ ถ้าไม่รับไว้ เดี๋ยวอาหารก็จะเสียเปล่า ๆ ช่วยรับไปทานเถอะนะคะ"
คำพูดที่จริงใจ แววตาที่เปี่ยมด้วยไมตรี ทำให้ทุกคนในบ้านเถียนคลายความกังวล และยอมรับก๋วยเตี๋ยวหลอดและซาลาเปาไว้ แม้ในใจจะยังรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ซาบซึ้งในน้ำใจของเหมยจู
"ขอบใจมากนะเหมยจู มีอะไรให้ช่วยก็บอกป้าได้"
"ค่ะคุณป้า ทานให้อร่อยนะคะ"
ทันทีที่ป้าเถียนเปิดฝากล่อง กลิ่นหอมกรุ่นของก๋วยเตี๋ยวหลอดก็โชยฟุ้งไปทั่วบริเวณ กระตุ้นต่อมน้ำลายของทุกคน แม้แต่ชาวบ้านที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามอง
"เตียอี๋ ถังถัง มาเอาอาหารเร็วเข้า แล้วขอบคุณพี่เหมยจูด้วยนะ"
ป้าเถียนเห็นแบบนั้นจึงแบ่งปันก๋วยเตี๋ยวหลอดให้กับบ้านอื่นที่ยังไม่มีอาหาร บ้านละ 1 กล่อง ไป 2 บ้าน จากนั้นนางกับสามีจึงมาล้อมวงกินกับลูก ๆ
"ขอบคุณครับคุณยายเถียน ขอบคุณครับพี่สาวเหมยจู/ขอบคุณครับ"
เหมยจูมองภาพความสุขตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่พิเศษที่สุดในรอบ 3 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะรสชาติที่อร่อย แต่เป็นเพราะเธอได้แบ่งปัน ได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของทุกคน
เหมยจูรู้สึกอิ่มเอมใจ รอยยิ้มของเธอเปี่ยมไปด้วยความหมาย แต่เธอไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั้น ได้สร้างความประทับใจให้กับใครบางคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ในสายตาของเขาเหมยจูงดงามราวกับนางฟ้า โลกทั้งใบดูสดใสขึ้น เพียงเพราะรอยยิ้มของเธอ
"หู้ว เจ้าเส้นใหญ่ ๆ นี่อร่อยมากเลยพี่สาว ผมชอบมาก ถ้าได้กินบ่อย ๆ ก็คงจะดี"
ซ่งจื่อหานอุทานออกมาหลังจากกินก๋วยเตี๋ยวหลอดไปเพียง 1 คำ มันเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ แถมยังมีเต้าหู้ มีเนื้อหมู มีเห็ดให้กินอย่างครบถ้วน
"ถ้าจื่อหานชอบพี่จะซื้อให้กินอีก ลองชิมซาลาเปาด้วยนะ พ่อกับแม่ก็กินเยอะ ๆ นะคะ"
"ครับ" "จ้ะลูก"
เหมยจูนั่งมองพ่อแม่กับน้องชายนั่งกินมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากที่ทุกคนทานมื้อกลางวันเสร็จ พวกเขาก็นั่งพักกันเพื่อรอสัญญาณเวลาลงทำงานตามปกติของชาวบ้านในคอมมูน เหมยจูจึงกลับบ้านไปในช่วงเวลานี้
บรรยากาศในช่วงพักเที่ยงนี้ยังคงมีความอบอุ่นและเป็นกันเองทุกคนมีเสียงหัวเราะและพูดคุยกันเรื่องต่าง ๆ พอมีเวลาว่างเฟยหลงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มแซวพี่ชายของเขาอย่างขบขัน
"พี่เฟยเทียน ถามจริงเหอะ พี่ชอบน้องสาวข้างบ้านหรือเปล่า?"
เฟยหลงยิ้มเยาะ ก่อนจะลุกขึ้นมาแหย่พี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เฟยเทียนที่กำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนแกล้ง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วขมวดคิ้วใส่เฟยหลง
"พูดไร้สาระอะไรของนาย เดี๋ยวผู้หญิงก็เสียหายหรอก"
เฟยหลงหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
"ผมก็แค่เห็นพี่มองเหมยจูบ่อย ๆ ขนาดเธอเดินไปเดินมาพี่ยังมองตามเลย แบบนี้เรียกว่าชอบแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วพี่จะทำยังไงล่ะ ถ้าชอบจริง ๆ?"
เฟยเทียนหันขวับไปมองเฟยหลงด้วยสายตาไม่พอใจ
"นายอย่าพูดไปเรื่อยนะ เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะเข้าใจผิด"
เฟยหลงทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาก็หันไปมองสายตาของพี่ชายที่กำลังจ้องไปที่เหมยจู ที่ตอนนี้เดินกลับเข้าหมู่บ้านไปพร้อมตะกร้าในมือ
"เห็นมั้ยพี่ ตอนนี้พี่มองตามเธอไม่วางเลยนะ ผมว่าพี่ต้องชอบเธอแล้วแหละ"
เฟยหลงพูดพร้อมกับยิ้มขำที่เห็นพี่ชายเงียบไป เฟยเทียนที่เห็นท่าทางของน้องชายก็รู้สึกตัวทันที ว่าเขาก็อาจจะหลุดไปในกับดักของน้องชายแล้วจริง ๆ เขาไม่พูดอะไรเพราะรู้ดีว่าหากพูดไปแล้วก็จะยิ่งถูกแซวหนักกว่าเดิม
สายตาของเขากลับมองตามหลังเหมยจูที่เดินไปอย่างเงียบ ๆ เธอทั้งสวยทั้งดูดี ใครเห็นก็ต้องมองตาม ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเธอมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดึงดูดสายตาผู้คนได้ดี
"ไม่ใช่แค่ฉันหรอก พวกในหมู่บ้านเองก็มีแต่จับตามองเธอเหมือนกัน"
"น่าสงสารจริง ๆ พี่ชายของผม เห็นนั้นไหม? ขนาดลูกชายหัวหน้าหวงที่ครองโสดมานานยังมองเหมยจูตาไม่กะพริบ ไหนจะคนอื่นอีก เห็นทีพี่คงมีคู่แข่งเยอะแน่ ๆ"
เฟยเทียนเงียบลง เขารู้ว่าเฟยหลงพูดถูก สายตาของชาวบ้านทุกคนที่จ้องมองเหมยจูนั้นไม่ใช่สายตาที่เหมือนกับคนทั่วไป มันแฝงไปด้วยความสนใจและความปรารถนาที่จะรู้จักเธอมากขึ้น ขณะที่ทุกคนคงไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้มองเธอได้
"..."
"แล้วพี่จะทำยังไงต่อ ถ้าชอบจริง ๆ ก็ต้องรีบบอกพ่อแม่ไปทาบทามสู่ขอสิ ไม่งั้นพี่จะให้คนอื่นแย่งเธอไปเหรอ?"
เฟยหลงพูดจบแล้วหันไปมองพี่ชายที่เริ่มนิ่งเงียบ
"นายน่ะ ช่างพูดจริง ๆ"
เฟยเทียนตัดบท แต่ในใจเขากลับรู้สึกหนักใจไม่น้อย ระหว่างที่เฟยหลงแซวพี่ชายอย่างสนุกสนาน ทุกคนในบ้านซ่งและบ้านเถียนก็สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเฟยเทียนที่ทำตัวเหมือนจะหลบสายตาของทุกคน พ่อแม่และน้องสาวของเขาต่างก็มองไปที่เขาเป็นตาเดียวกัน ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า 'รู้นะว่าคุณพี่มีความรู้สึกพิเศษต่อเหมยจู'
"เอ่อ..ผมไปทำงานก่อนนะครับ"
ในที่สุดเฟยเทียนก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันจากคนรอบข้าง พ่อแม่ที่มองเขาแบบนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีนัก เขาพยายามหลบสายตา แต่ก็รู้สึกว่าทุกคนดูเหมือนจะรู้ทันความคิดของเขา
"ดูเหมือนลูกเราจะถึงเวลาแต่งเมียแล้วสินะแม่" เถียนหยางหันไปพูดกับภรรยาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละพ่อ แต่คนปากหนักอย่างลูกเราช่างน่าเป็นห่วงจริง ๆ"
แม้เฟยเทียนจะคิดอะไรหลายอย่างในใจ เขาก็ยังคงไม่กล้าพูดออกไป เพราะเรื่องเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่าย ๆ มันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง และเขาต้องรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
"เดี๋ยวค่อยคิดเรื่องนี้อีกทีแล้วกัน"
ส่วนเฟยหลงนั้นเห็นท่าทางพี่ชายเงียบไปก็รู้ว่าเขาคงถูกพูดแซวจนเริ่มกลัวแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรต่ออีก แต่น้ำเสียงของเขาก็ยังแฝงไปด้วยความขำขัน
"ยังไงก็ตาม พี่ก็ต้องรีบทำอะไรสักอย่างนะ ไม่แน่เดี๋ยวคนอื่นอาจจะชิงตัดหน้าไปก็ได้"
เฟยเทียนยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้คำพูดของเฟยหลงทิ้งไว้ในอากาศ ก่อนจะเดินไปทำงานต่อ แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้
