ยิ้มบาง ๆ
หลังจากที่ทุกคนได้ยินเสียงสัญญาณเลิกงานในตอนเย็น ทุกคนก็เริ่มหยุดทำงานในแปลงนาอย่างทันที ทุกคนทยอยส่งคืนเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน เช่น จอบ เสียม รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ แล้วลงชื่อเพื่อกลับบ้านกันตามปกติ
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของหมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการทำงานที่หนักหน่วงตลอดทั้งวัน คนงานต่างพากันกลับบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะข้าวทุกเม็ดที่กินต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน
พ่อซ่ง แม่ซ่งและซ่งจื่อหาน เดินกลับมาถึงบ้านทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น บ้านที่เคยดูเรียบง่ายและขาดแคลน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสิ่งของดี ๆ มากมาย
โต๊ะกินข้าวมีข้าวสวยเรียงเม็ดเต็มถ้วยพูนตั้งอยู่ตามจำนวนคน และยังมีปลานึ่งซีอิ๊วที่หอมกรุ่นกลิ่นหอมปะทะจมูก น้ำแกงกระดูกหมูใส่หัวไชเท้ากับเห็ดหอมที่ดูน่ากิน พร้อมด้วยผัดวุ้นเส้นที่ใส่ไข่และผักต่าง ๆ กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบ้าน
"มะ..แม่ครับ พี่สาวดีกับพวกเรามากเลย อึก"
จื่อหานที่เห็นอาหารมากมายก็อดใจไม่ได้ร้องโฮออกมาด้วยความดีใจ เขาพูดพร้อมกับน้ำตาคลอ ๆ เมื่อเห็นอาหารที่ไม่เคยได้กินมาก่อน เหมยจูที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ยิ้มให้กับความดีใจของจื่อหาน ก่อนจะตอบด้วยเสียงอ่อนโยน
"กินให้เยอะนะจื่อหาน ต่อไปนี้พี่จะทำให้พวกเรากินดีอยู่ดีทุกวันเลย"
พ่อซ่งและแม่ซ่งต่างก็ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่เคยคิดว่าในบ้านเล็ก ๆ หลังนี้จะมีอาหารอร่อย ๆ และของใช้ใหม่ ๆ มาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
"เหมยจู… ของเหล่านี้มาจากไหนกันลูก?"
"นั่นสิลูก ของดี ๆ มากมายขนาดนี้ลูกคงต้องใช้เงินเยอะมากใช่ไหม?"
พ่อซ่งหันมามองเหมยจูด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาถามด้วยเสียงนุ่มนวลเพราะไม่อยากให้ลูกสาวเสียความรู้สึก แม่ซ่งที่ยืนข้าง ๆ ก็มองไปยังเสื้อผ้าใหม่ ผ้านวมใหม่ และรองเท้าที่วางเรียงอยู่ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
"ของพวกนี้เป็นของใช้ที่ขนมาจากปักกิ่งค่ะพ่อ แม่ บางอย่างหนูก็ซื้อเพิ่ม แต่รถขนส่งของเพิ่งมาถึงตอนที่ทุกคนออกไปทำงานแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเงินพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ถ้าที่บ้านขาดเหลืออะไร ก็บอกหนูได้"
เมื่อได้ยินคำตอบจากเหมยจู ทุกคนในบ้านก็รู้สึกโล่งใจ แม้จะยังมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้พวกเขาต้องกังวลอีกต่อไป พวกเขาเข้าใจว่าเหมยจูได้ซื้อทุกอย่างมาให้ เพราะเธอตั้งใจที่จะดูแลครอบครัวและทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
"เงินพวกนั้นหนูเก็บไว้เถอะลูก แค่นี้ลูกก็ดูแลพวกเรามากพอแล้ว"
หลังจากพูดคุยกันเสร็จทุกคนจึงรีบไปอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด ซ่งจื่อหานที่ได้ชุดใหม่ก็กระโดดโลดเต้นยกใหญ่ หนุ่มน้อยนอนกลิ้งไปมาบนเตียงเตาที่มีที่นอนนุ่มอันใหม่ปูอยู่ ไหนจะผ้าห่มผืนใหม่และเสื้อกันหนาวตัวใหม่อีก ทำเอาหนุ่มน้อยดีใจจนไม่อยากออกจากห้องเลยทีเดียว
แม้จะเหนื่อยจากการทำงานในแปลงนา แต่เมื่อได้มานั่งทานข้าวอร่อย ๆ ในบรรยากาศที่อบอุ่นเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที
"เหมยจู น้ำแกงกระดูกหมูที่ทำมาเยอะมากนะ แม่ขอแบ่งไปให้บ้านเถียนหน่อยได้ไหมลูก"
"ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูตักให้ค่ะ"
เหมยจูได้ยินดังนั้นก็ยิ้มและตอบรับทันที แล้วเธอก็ลงมือตักน้ำแกงใส่ถ้วยใบใหญ่เพื่อส่งไปให้บ้านเถียน
"ขอบใจมากนะลูก"
แม่ซ่งยิ้มพร้อมกับรับถ้วยน้ำแกงจากเหมยจู ก่อนจะเดินไปยังบ้านเถียน ไม่นานนางก็เดินกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"กับข้าวที่พี่สาวทำอร่อยทุกอย่างเลยครับ จริงไหมครับพ่อ"
เสียงของจื่อหานดังขึ้นในระหว่างที่กำลังกินข้าวกันอยู่
"ใช่ พ่อชอบปลานึ่งมากเลย ช่วงนี้พ่อปวดฟัน ปลานึ่งกินได้ง่ายดี"
"เดี๋ยวกินข้าวเสร็จหนูจะเอายาแก้ปวดออกมาให้นะคะ ยาที่หนูเตรียมมามีอยู่หลายอย่าง ถ้าใครไม่สบายตรงไหนก็บอกหนูได้นะ"
"ขอบใจมากลูก ว่าแต่...ลูกพอจะอยู่ที่นี่ได้ไหม ลำบากใจตรงไหนรึเปล่า?"
พ่อซ่งเอ่ยถามลูกสาว เพราะกลัวว่าเหมยจูจะไม่คุ้นชินกับสถานที่ เหมยจูถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีในบ้านคนรวยที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่อยู่ ๆ ชีวิตก็ต้องพลิกผันให้มาทนลำบากอยู่ในชนบทเช่นนี้
"พ่อสบายใจได้ค่ะ ที่ไหนมีพ่อกับแม่ ที่นั่นก็คือบ้านที่อบอุ่นที่สุดสำหรับหนู พรุ่งนี้หนูจะไปทำงานที่คอมมูนด้วยนะคะ จะได้ช่วยทุกคน"
แม่ซ่งเอ่ยถามด้วยความกังวล นางไม่อยากให้ลูกต้องไปทำงานหนักขนาดนั้น ตอนที่เลี้ยงดูเยว่ชิง นางกับสามีก็ไม่เคยให้ลูกสาวต้องไปทำงานในคอมมูนให้ลำบาก
"ลูกจะเหนื่อยไหม งานในคอมมูนมันหนักนะ พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากขนาดนั้น ลูกสาวของแม่ทั้งบอบบาง ผิวขาวอมชมพูอย่างนี้ ไม่ต้องไปทำงานหนักแบบนั้นหรอกลูก"
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูจะทำให้ได้ หนูไม่กลัวเหนื่อย ขอแค่ได้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคนก็พอ"
คำตอบของเหมยจูทำให้คนฟังรู้สึกใจชื้น เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของลูกสาวคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องยอมทุกอย่าง
คืนวันนี้เป็นคืนแรกที่เหมยจูได้นอนในบ้านหลังนี้ในยุค 70 แม้บ้านจะยังคงดูเรียบง่าย แต่กลับไม่ทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างหรือเหงาเหมือนเมื่อก่อน เพราะบรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่เกิดจากการที่ทุกคนได้มีกันและกัน
เช้ามืดของวันใหม่ เหมยจูตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนลุกขึ้นจากเตียง แล้วมุ่งหน้าไปที่ครัวเพื่อทำอาหารให้กับทุกคน
"อุ่นน้ำแกงกระดูกหมูไปกินตอนกลางวัน ผัดผักป่า หุงข้าว ผัดวุ้นเส้นก็ยังเหลือ เดี๋ยวทอดกุนเชียงไปอีกสัก 2 ชิ้นก็แล้วกัน ส่วนข้าวต้มที่เป็นมื้อเช้าก็เอาออกมาแกะใส่ถ้วยก็จบ"
เหมยจูก่อไฟไปด้วย ปากก็บ่นพึมพำเรียงลำดับการเตรียมอาหารไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่ได้เก่งเรื่องทำอาหารมากนัก แต่เธอก็พยายามสุดความสามารถ
"จะมีสักกี่คนกันที่ได้รับโอกาสแบบฉัน ให้ได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง"
เหมยจูกระซิบกับตัวเอง เสียงของเธอเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน ไม่นานกลิ่นข้าวหอมมะลิที่หุงขึ้นใหม่ ๆ และกลิ่นน้ำแกงก็หอมฟุ้งไปทั่วบ้าน เหมยจูเอากล่องอาหารที่สามารถเก็บความร้อนได้ออกมาใช้
"เหมยจูตื่นแต่เช้าจังเลยลูก มีอะไรให้แม่ช่วยไหม?"
"ไม่มีค่ะแม่ เรื่องในครัวยกให้เป็นหน้าที่ของหนู"
"ได้จ้ะ งั้นแม่ไปซักผ้าก่อนนะ"
แม่ซ่งตื่นขึ้นมาไล่เลี่ยกับลูกสาว นางเห็นเหมยจูกำลังตั้งอกตั้งใจทำอาหารก็อดยิ้มไม่ได้ ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหยิบผ้าที่แช่ไว้เมื่อคืนออกไปซัก
เสบียงอาหารถูกตักใส่กล่องเก็บความร้อนแล้วจัดเรียงใส่ตะกร้า จากนั้นเหมยจูก็รีบหาโอกาสเอาข้าวต้มออกมาแกะใส่ถ้วยไว้ให้ทุกคน หลังจากงานครัวเสร็จเธอก็รีบไปอาบน้ำซักเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วรีบมาแต่งตัวให้เสร็จทันเวลา
มื้อเช้าผ่านไปอย่างเรียบง่าย หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็เตรียมตัวไปทำงาน พ่อซ่งรีบไปที่คอมมูนเพื่อแจ้งหัวหน้าหลี่เกี่ยวกับการมาทำงานของเหมยจู
"หัวหน้าหลี่ครับ ลูกสาวผมซ่งเหมยจู เธออยากลองมาทำงานด้วย แต่เธอไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน และเพิ่งเดินทางมาจากปักกิ่ง พอจะให้เหมยจูลงชื่อทำงานในคอมมูนกับพวกเราได้ไหมครับ"
พ่อซ่งพูดตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคาดหวังจนมากดดันลูกสาวของเขา หัวหน้าหลี่พยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้ม
"ไม่เป็นไร ทุกคนต้องเริ่มต้นจากที่ไหนสักแห่ง ให้เธอเรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคนก็แล้วกัน"
"ขอบคุณครับหัวหน้าหลี่"
เมื่อถึงเวลาทำงาน ทุกคนในคอมมูนรวมตัวกันเพื่อรับอุปกรณ์และคำสั่งงาน บ้านซ่งกับบ้านเถียนได้รับหน้าที่ถางหญ้าจากคลองมันสำปะหลัง เหมยจูมองดูจอบในมือด้วยความรู้สึกประหม่านิด ๆ แต่เธอก็พยายามเก็บความกังวลไว้ในใจ เธอเริ่มต้นถางหญ้าอย่างตั้งอกตั้งใจ แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน
แสงแดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผิวขาวเนียนของเหมยจูที่ไม่เคยต้องแดดมาก่อน เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ แก้มทั้งสองข้างของเธออมชมพูจนดูน่าเอ็นดู แต่มือที่ไม่เคยจับจอบมาก่อนกลับแดงเถือกและมีรอยถลอก ความเจ็บแสบที่มือเริ่มทำให้เธอชะงักเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามฝืนทำต่อไป พ่อและแม่ที่อยู่ใกล้ ๆ เห็นลูกสาวเริ่มมีอาการจึงเอ่ยปากเตือน
"เหมยจูพอเถอะลูก เดี๋ยวจะเจ็บมือไปมากกว่านี้"
แม่ซ่งพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูทำไหวค่ะ"
เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ ให้พ่อแม่ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เฟยเทียนที่ถางหญ้าอยู่ข้าง ๆ เหลือบตามองเธออยู่พักหนึ่ง เขาเห็นเธอพยายามอย่างเต็มที่แม้ว่าจะดูทุลักทุเล เขาจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ
"เดี๋ยวพี่ช่วยถางตรงนี้ให้ เธอไปทำตรงที่ง่ายกว่านี้ดีกว่านี้เถอะ"
เฟยเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะที่เขาเริ่มถางหญ้าในส่วนของเหมยจูโดยไม่รอคำตอบ เหมยจูเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกขอบคุณจากใจ
"ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันเกรงใจ..." เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รีบไปทำส่วนอื่นเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่น" เขาตอบโดยไม่หันมามอง
เหมยจูยืนมองเขาสักพักก่อนจะพยักหน้า เธอเดินไปทำงานในส่วนที่ง่ายขึ้นตามที่เฟยเทียนบอก แม้ว่าเขาจะทำหน้านิ่ง แต่ในใจลึก ๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นในน้ำใจของเขา
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงพักเที่ยง ทุกคนรวมตัวกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบแดดและพักผ่อน เหมยจูนั่งลงข้างแม่ของเธอ มือที่ถลอกเริ่มบวมแดงจนแม่ต้องนำยาสมุนไพรมาทาให้
"เจ็บมากไหมลูก" แม่ซ่งถามด้วยความเป็นห่วง
"นิดหน่อยค่ะ หนูทนได้" เหมยจูตอบพร้อมรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย
เฟยเทียนเดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำ เขาวางมันลงข้างเหมยจูโดยไม่พูดอะไร เหมยจูเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
"ดื่มน้ำสักหน่อย เดี๋ยวจะเป็นลงไป" เขาพูดสั้น ๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
เหมยจูหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มพลางยิ้มบาง ๆ เธอรู้สึกถึงความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เฟยเทียนมอบให้ แม้ว่าเขาจะไม่พูดมาก แต่การกระทำของเขาก็สื่อถึงความห่วงใยที่ซ่อนอยู่
งานถางหญ้าดำเนินต่อไปจนกระทั่งแสงแดดเริ่มคล้อยต่ำ ทุกคนต่างเหนื่อยล้า แต่เมื่อถึงเวลาที่ได้เห็นผลงานที่ร่วมกันทำ พวกเขาก็อดภูมิใจไม่ได้
"เหนื่อยสุด ๆ แต่ก็สนุกดี"
เหมยจูกลับมาบ้านพร้อมกับความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แต่เธอก็รู้สึกดีที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคนในคอมมูน เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ในใจของเธอ เฟยเทียนกลายเป็นคนที่เธอเริ่มมองเห็นในมุมใหม่ แม้ว่าเขาจะดูเงียบขรึม แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนในแบบของเขาเอง วันรุ่งขึ้นจะเป็นอีกวันที่เหมยจูตั้งใจจะพยายามให้ดีที่สุด เพื่อให้เธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนี้อย่างแท้จริง
