กักตุนของ
10 โมงเช้า
เหมยจูขับรถมาถึงห้างค้าส่งรายใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าอุปโภคบริโภค ทุกสิ่งอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ช่วงเวลานี้มีผู้คนเดินเลือกซื้อสินค้ามากมาย ทุกคนแตกต่างจากเธอตรงที่เวลาที่โชว์หราอยู่บนแขนนั่นเอง
"ที่นี่แหละ สวรรค์ของฉัน"
เหมยจูพึมพำกับตัวเอง พลางเดินเข้าไปในห้าง เธอตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วยื่นกระดาษรายการสินค้าที่เธอเขียนไว้หลายหน้ากระดาษให้พนักงาน
"ฉันต้องการของทั้งหมดตามที่จดไว้ในนี้ค่ะ วันนี้คุณสามารถจัดส่งไปตามที่อยู่นี้ได้ทันเวลาไหมคะ?"
"ทันครับคุณลูกค้า ไว้จัดเสร็จแล้วผมจะติดต่อไปตามเบอร์ที่ให้ไว้นะครับ"
พนักงานรับกระดาษไปดูรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะตอบกลับ
"ได้ค่ะ"
ในรายการที่เหมยจูส่งให้พนักงาน มีทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า เครื่องปรุง แป้งต่างๆ เส้นบะหมี่ แผ่นเกี๊ยว อาหารกระป๋อง ผักสด ผลไม้สด ผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่มชูกำลัง นม และน้ำดื่ม ทุกอย่างเหมยจูสั่งอย่างละหลายแบบ แบบละนิดละหน่อย
ยังมีกล่องโฟมขนาดใหญ่ที่เธอสั่งให้บรรจุน้ำแข็งไว้ในนั้นอีกหลายใบ หม้อใหญ่ กะละมังใหญ่ กระทะใหญ่และถาดใส่อาหาร รวมไปถึงเครื่องครัวเซทงานเลี้ยงเธอสั่งไปทั้งหมด
ระหว่างที่รอพนักงานจัดของ เหมยจูก็รีบขับรถไปที่ตลาดค้าส่งเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่นั่นมีทั้งเสื้อผ้ามือหนึ่งและมือสองให้เลือกมากมาย
"ก่อนอื่น ต้องซื้อชุดกันหนาวก่อนเลย"
เหมยจูพึมพำกับตัวเอง พลางเดินตรงไปยังร้านขายเสื้อฮีทเทค
"เชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะคะ สงสัยอะไรสอบได้ได้นะน้องสาว"
พนักงานขายรีบเดินออกมาต้อนรับเหมยจูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยื่นตะกร้าให้เธอ
"ขอบคุณค่ะ เอาไปหลายขนาดหน่อยแล้วกัน ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอใครบ้าง เผื่อจะได้แบ่งให้คนอื่นด้วย"
เหมยจูเลือกซื้อชุดฮีทเทคมือหนึ่งไปหลายขนาด เกือบ 20 ชุด หลังจากจบร้านแรก เธอก็ไปร้านใหม่ต่อ
จากนั้น เธอก็ไปเลือกซื้อถุงเท้า รองเท้า หลายแบบ หลายขนาด โชคดีที่ห้างค้าส่งแห่งนี้ราคาเสื้อผ้าต่อชิ้นค่อนข้างถูกมีทั้งเสื้อผ้ามือ 1 และมือ 2 ราคาตัวละเพียงแค่ 3 หยวน ถึง 100 หยวนเท่านั้น เว้นแต่ชุดฮีทเทคที่ราคาแพงกว่า
"ไปเลือกเสื้อกันหนาวกันหน่อย"
เหมยจูเข็นรถเข็นไปเลือกเสื้อกันหนาวและกางเกงขายาวอีกหลายแบบ มีทั้งแบบใส่ทำงานในหน้าร้อน และแบบผ้านุ่มมีขนด้านในสำหรับใส่หน้าหนาว ทุกอย่างเธอเลือกให้มีหลายขนาด
เหมยจูเลือกซื้อเสื้อผ้าจนได้มาหลายกระสอบ จากนั้นเธอก็ไปเลือกซื้อผ้านวมมือสอง และได้มาอีกหนึ่งกระสอบใหญ่
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เธอก็ให้ทางร้านนำของไปส่งที่ร้านของเธอ ซึ่งมีลูกน้องของเธอรอรับของอยู่ จากนั้นเธอก็ขับรถกลับไปที่ห้างค้าส่งอาหารเพื่อจ่ายค่าอาหาร
กว่าเหมยจูจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสี่โมงเย็น ไม่นานรถบรรทุกก็ขนสินค้าที่เธอสั่งซื้อทั้งหมดมาส่ง เหมยจูจึงให้ขนของทั้งหมดลงไปเก็บไว้ในโกดังหลังร้าน
จากนั้นเธอจึงเรียกเสี่ยวหลิงและเสี่ยวฮัว ลูกน้องสองคนมาพบที่ห้องทำงาน ทั้งคู่เดินเข้ามาด้วยสีหน้างุนงง เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายเรียกมาทำไม ปกติแล้วเหมยจูมักจะพูดคุยกับลูกน้องอย่างเป็นกันเอง ไม่ค่อยมีความเคร่งขรึมแบบนี้
"เอ่อ... พี่เหมยจูมีอะไรหรือเปล่าคะ?"
เสี่ยวหลิงเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เหมยจูสูดหายใจลึก เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"นั่งลงก่อนสิ พี่จะปิดร้านสองวัน พวกเธอไม่ต้องมาทำงานนะ"
"ปิดร้านสองวัน? พี่เหมยจูจะไปไหนเหรอครับ หรือจะเกี่ยวกับของที่พี่สั่งซื้อมาพวกนั้น"
เหมยจูอึกอัก เธอไม่รู้จะอธิบายยังไง จะบอกว่าเธอกำลังจะข้ามเวลาไปยุค 70 ก็คงไม่มีใครเชื่อ แถมยังทำให้ลูกน้องเป็นห่วงเปล่า ๆ
"คือ... พี่จะไปต่างเมืองน่ะ นี่เป็นเงินเดือนของพวกเธอทั้งสองคนนะ"
เหมยจูตอบเลี่ยง ๆ แล้วยื่นซองเงินเดือนให้ลูกน้องทั้งสองคน เสี่ยวหลิงและเสี่ยวฮัวรับซองเงินเดือนมาโดยไม่ได้สงสัยอะไร เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนพอดี
"ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะพี่เหมยจู"
"แล้วนี่...โบนัสพิเศษ คนละสองเดือน"
เหมยจูหยิบซองสีขาวอีกสองซองออกมา
"โบนัส?...ทำไมพี่เหมยจูให้พวกเราเยอะจัง?"
ลูกน้องทั้งสองคนตาโต ถึงจะดีใจแต่ก็แอบสงสัยอยู่บ้าง เดือนนี้ไม่ได้เป็นช่วงสิ้นปีหรือตรุษจีน แต่เจ้านายกลับให้โบนัสมาตั้ง 2 เท่าของเงินเดือน
"ถือซะว่าเป็นของขวัญ ที่พวกเธอทำงานหนักมาตลอด"
ความจริงแล้ว เหมยจูรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถบอกความจริงกับลูกน้องได้ เธอรู้ว่าการหายตัวไปแบบนี้ อาจทำให้ลูกน้องเดือดร้อน เธอจึงอยากมอบเงินก้อนนี้ให้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าเสี่ยวหลิงกับเสี่ยวฮัวจะมีเงินกินเงินใช้ในระหว่างที่หางานทำ หรือทั้งสองจะเป็นยังไงเธอก็ไม่อาจรู้ได้
"พี่เหมยจู ขอบคุณนะครับ"
"ขอบคุณค่ะพี่เหมยจู"
เสี่ยวหลิงกับเสี่ยวฮัวรีบขอบคุณเหมยจูยกใหญ่ ที่มอบโบนัสให้พวกเขาทั้งสอง
"ไม่เป็นไร พวกเธอทำงานดี สมควรได้รับ"
"แล้ว...พี่เหมยจูจะกลับมาเมื่อไหร่?ครับ" เสี่ยวหลิงถามอย่างลังเล
เหมยจูมองลูกน้องทั้งสอง เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับมาได้หรือไม่
"พี่ยังไม่แน่ใจ เอาเป็นว่ากลับมาถึงเมื่อไหร่ พี่จะรีบโทรหาพวกเธอทั้ง 2 คนทันที"
"ค่ะพี่/ครับพี่"
เสี่ยวหลิงและเสี่ยวฮัวรับคำ เหมยจูมองลูกน้องทั้งสองด้วยแววตาอาลัย เธอรู้ว่า นี่อาจเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย
"ดูแลตัวเองดี ๆ นะ"
เมื่อลูกน้องกลับไปหมดแล้ว เหมยจูก็เริ่มลงมือขนของทั้งหมดเข้าไปในมิติ เธอต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าจะขนย้ายข้าวของทั้งหมดเสร็จ
"ต่อไปก็อุปกรณ์"
เหมยจูพึมพำกับตัวเอง พลางเดินสำรวจไปทั่วร้าน เธอเก็บของทุกอย่างเข้ามิติจนหมด ไม่ให้หลงเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว จากนั้นก็เดินไปที่ห้องส่วนตัวของพ่อเธอ ในนั้นมีปืนพกหลานกระบอกที่เป็นของสะสมของบิดา
"เก็บไปอย่าให้เหลือ อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองได้"
เหมยจูบอกกับตัวเอง หลังจากเก็บอาวุธของพ่อเสร็จ เธอก็เดินไปที่ห้องทำงานเพื่อเก็บตำราต่าง ๆ ที่ช่วยให้เอาตัวรอดได้ อย่างเช่น หนังสือคู่มือต่าง ๆ เกี่ยวกับการเกษตร การปฐมพยาบาล การเอาชีวิตรอดในป่า
"ความรู้ ก็เป็นอาวุธอย่างหนึ่ง"
เหมยจูบอกกับตัวเอง แล้วก้มมองดูเวลาบนข้อมือ ซึ่งเหลืออีกประมาณ 33 ชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มครึ่งแล้ว เธอจึงรีบไปอาบน้ำพักผ่อน จากนั้นก็มานั่งจดรายละเอียดว่ายังเหลืออะไรบ้างที่เธอยังไม่ได้ซื้อ
"พรุ่งนี้ยังพอมีเวลา ไปหาซื้อของเพิ่มอีกหน่อย"
เช้าวันต่อมาเหมยจูออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปตระเวนหาซื้อผ้าหลายพับ หลายสีและหลายเนื้อ แต่เน้น ๆ ก็คือผ้าสีแดงที่เป็นสีที่นิยมใช้มากที่สุด ตามด้วยอุปกรณ์ตัดเย็บที่จำเป็นต้องใช้ รวมไปถึงจักรเย็บผ้า
และถ้วยจานเครื่องครัวใหม่ ปิดท้ายด้วยเมล็ดพันธุ์ผักและปุ๋ยต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ รวมไปถึงอุปกรณ์ทำสวน เครื่องพ่นปุ๋ยเธอก็ยังซื้อติดตัวไปด้วย กว่าเธอจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำแล้ว จากนั้นเธอก็เริ่มเก็บของในบ้านเข้ามิติจนหมด เหลือเพียงที่นอนเท่านั้น
เหลือเวลาอีกเพียง 3 ชั่วโมงสุดท้ายที่เหมยจูจะได้อยู่ในกาลเวลานี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอพยายามนอนให้หลับแต่ก็ไม่ได้ผล แต่ถึงแม้จะนอนไม่หลับ เธอก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อน
เหมยจูจึงลุกขึ้นมาดูส่องหน้าต่างจากชั้นสองของบ้านเพื่อมองดูเมืองปักกิ่งในยามค่ำคืนอีกครั้งก่อนจะจากไป เธอจ้องมองแสงไฟที่ส่องประกายอย่างเงียบงัน ราวกับกำลังบอกลาเมืองนี้ในใจ เธอรู้ว่าทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง และนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้องจากไป เหมยจูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เก็บเอาความทรงจำสุดท้ายของปักกิ่งไว้ในใจ
"พรุ่งนี้ชีวิตของฉันจะเปลี่ยนไปตลอดกาล"
