บทที่ 11 ผมไล่คุณออก
นันรดานั่งตัวแข็งทื่อ ตักอาหารเข้าปากแบบเงียบๆ ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตาไปทางไหน ขณะนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับท่านประธานใหญ่ ที่เธอไม่แม้แต่จะได้รู้ชื่อจริงของเขา
'ช่วงนี้ท่านประธานสะเดาะเคราะห์อยู่ ห้ามใครเอ่ยชื่อท่าน จนกว่าเคราะห์จะพ้น' แว่วได้ยินเหตุผลมาจากเลขาของเขา ซึ่งเธอก็ไม่ได้อยากจะสนใจอะไร อยากจะใช้ชีวิตเงียบๆ ให้เรียบง่ายที่สุด ในฐานะที่จะได้เงินเจ็ดหมื่นนี้
"อาหารไม่อร่อยเหรอ" แต่แล้วความเงียบก็ไม่ได้ง่าย น้ำเสียงทุ้มขรึมเอ่ยขึ้นเชิงเรียบ หากแต่ชัดเจนว่า เขากำลังคุยอยู่กับใคร
นันรดาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ยกน้ำเปล่าขึ้นจิบแก้เก้อ ไม่กล้าสบตากับเขา มองเพียงเนกไทที่ผูกเอาไว้แบบเรียบร้อย
การแต่งตัวของผู้เป็นเจ้านายสูงสุด บ่งบอกความจริงจังและมีระเบียบของเขาให้เธอได้รับรู้เป็นอย่างดี
เสื้อสูทสุดหรูสีควันบุหรี่ เข้ากันกับเนกไทสีดำ เขาเป็นคนสูงสง่าน่าเกรงขาม ไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาอายุ 40 ปีเข้าแล้ว ความละม้ายคล้ายกับชายหนุ่มที่เธอกำลังพอใจ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่กล้ารู้สึกหรอก เพราะความน่ากลัวของเขาในวันแรกที่เจอกัน เธอยังจดจำมันได้ดี
"ท่านประธานพูดว่ายังไงนะ" เคียวโกะสะกิดเธอเข้า เมื่อเขาไม่ได้พูดภาษาญี่ปุ่นเหมือนตอนแรกที่มา
"ช่วยแปลให้เขาฟังหน่อย ถือว่าทดสอบทักษะการแปลไปในตัว" นันรดากลืนน้ำลายลงคอ สบตากับท่านประธานใหญ่เป็นครั้งแรก
การแปลภาษาสำหรับเธอมันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากอยู่แล้ว สำหรับการแปลไทยเป็นญี่ปุ่น แปลญี่ปุ่นเป็นไทย
แต่นี่มันคือมิติใหม่ เธอกำลังจะแปลไทยเป็นญี่ปุ่นให้คนไทยที่ฟังภาษาญี่ปุ่นฟัง แล้วเขาไม่ใช่คนไทยที่ฟังภาษาญี่ปุ่นออกธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นถึงหัวหน้าสูงสุดของเธออีกต่างหาก!
"ท่านประธานถามว่าอาหารไม่อร่อยเหรอ แล้วยังบอกอีกว่าจะทดสอบการแปลภาษาของดิฉัน ด้วยการที่ท่านจะไม่ยอมพูดภาษาญี่ปุ่นค่ะ" นันรดาแปลให้เคียวโกะฟัง พร้อมหันไปสบตาท่านประธานที่มองเธออยู่ก่อน
บางอย่างในสายตาของเขา ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเรียบเฉย ทำเอาเธอประหม่า รู้สึกแก้มร้อนไปหมด
เขาดูไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้หรือเล่นหูเล่นตาเท่าไหร่เลยนะ แต่เธอกลับรู้สึกจะไปทางขัดเขินสายตาของเขาให้ได้
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ดีเลย...แสดงความสามารถให้เต็มที่นะ" เคียวโกะว่าอย่างถูกอกถูกใจ เพราะอยากจะได้เธอทำงานเป็นล่ามติดตัวไปตลอด เพราะตั้งแต่ทำงานกับใครมา นันรดาเป็นคนที่ปรับตัวเก่งและมีความอดทนสูง เธอชอบทำงานกับคนแบบนี้ มืออาชีพสมกับที่อยากเจอมานาน!
"ลองชิมไส้กรอกหมูร้านนี้ดูสิ บีบมะนาวใส่อร่อยดี" แล้วประโยคที่ทำให้หญิงสาวหันไปมองหน้าคนพูดทันที กะพริบตาถี่ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอชอบไส้กรอกหมูรสเปรี้ยว
"ผมชอบทานมาก อร่อย...ลองชิมดูเผื่อชอบ" นันรดาแทบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาไม่ได้รู้ แต่เขาแค่แนะนำให้เธอลองรับประทานดูเท่านั้น
"อ๋อค่ะ" เธอกำลังจะเอื้อมมือไปตักมารับประทาน เพราะมันเป็นเมนูที่เธอชอบมากๆ
"แปลให้คุณเคียวโกะเขาฟังสิ ผมอยากให้เขาลองชิมดู"
เพล้ง!
ละเอียดยับ...
หญิงสาวผู้ที่กำลังจะตักไส้กรอกมาวางบนจานตัวเองและหยิบมะนาวสดบีบลงไปให้ชุ่ม หน้าของเธอได้ละเอียดยับ ท่านประธานหนุ่มหล่อผู้น่าเกรงขามไม่ได้เชิญให้เธอชิม แต่เชิญเจ้านายของเธอต่างหาก!
"คุณเคียวโกะมาอยู่ไทยไม่นาน ผมอยากแนะนำเมนูอร่อยของไทยให้เขาลองชิมเยอะๆ ร้านนี้เขาทำไส้กรอกตลาดบน ของพรีเมียมทั้งนั้น ถือโอกาสโฆษณาอาหารไทยข้างทางไปในตัวเลย" แล้วเขาก็พูดเยอะซะด้วย ถ้าสนิทกับเขากว่านี้สักหน่อย เธอจะค้อนให้ขวับสักที
"คุณเคียวโกะคะ ลองชิมเมนูนี้ดูไหมคะ เป็นไส้กรอกหมูล้วนพรีเมียม จะทานแบบเปรี้ยวหรือไม่เปรี้ยวก็ได้ กินกับผักเคียงอย่างเช่นขิงอร่อยมากค่ะ ท่านประธานแนะนำ" และเธอก็จัดการพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นอันแสนจะเชี่ยวชาญและถูกต้องให้เจ้านายฟังอย่างน่าฟัง จนคนช่างแกล้งลอบอมยิ้มเชิงพึงพอใจ
ผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรีและมุ่งมั่นในการเรียนภาษาญี่ปุ่นเมื่อ 10 ปีก่อน เติบโตมาอย่างดีและเก่งขนาดนี้เลยสินะ
เขาอดที่จะภาคภูมิใจในตัวเธอไม่ได้...
"ชอบทานเหรอ ถึงได้รู้ว่าทานกับขิงอร่อย" เขาว่าพร้อมหยิบของเข้าปากตามไป หลังจากชิมไส้กรอก
"จริงเหรอคะ! ว้าว...น่าอร่อยมาก" แล้วผู้หญิงหน้ากลมผมยาวตัดหน้าม้าหนาๆ อย่างเคียวโกะก็รีบตักไส้กรอกรับประทานและชมใหญ่ว่าอร่อยมาก
"ทานกับพริกก็อร่อยนะคะ" เธอเลือกที่จะไม่ตอบท่านประธาน แต่บอกเคียวโกะให้ลองทานคู่กับพริกสดสีเขียวเพียวๆ ดู
"ไม่เผ็ดเหรอคะ ดิฉันกินเผ็ดไม่ค่อยได้"
"ไม่ค่อยเผ็ดนะคะ ลองชิมดูค่ะนิดเดียวก็ได้" หญิงสาวว่าอย่างผ่อนคลาย เพราะได้รับประทานของอร่อย ไส้กรอกหมูพรีเมียมแบบนี้อร่อยกว่าที่เธอเคยรับประทานตามข้างทางทั่วไป มันมีความหนึบของหมู กรอบของไส้และกลมกล่อมตัดกับมะนาวสดที่บีบลงไป หอมสดชื่น ยิ่งตามด้วยขิง แตงกวาและกริกสดด้วยแล้ว
เธออยากจะสั่งห่อกลับบ้านสักที่หนึ่ง!
"อื้อหือ อร่อยจริงๆ ด้วย ขอบคุณนะคะท่านประธาน!" เคียวโกะหันไปขอบคุณท่านประธาน ตามด้วยคำแปลจากล่ามเลขาคนใหม่ที่แปลให้ได้อย่างทันใจ
"เป็นไง ทำงานที่นี่ โอเคไหม" คราวนี้เขาเป็นฝ่ายถามเธอตรงๆ บ้างแล้ว
นันรดาช้อนสายตาขึ้นสบกับเขาตรงๆ มองเห็นริมฝีปากหยักได้รูปชัด สันจมูกโด่งพุ่งของเขาละม้ายกับวรวิชญ์เป็นอย่างมาก หากแต่ปลายจมูกของเขามีความคมกว่า และสิ่งที่ไม่เหมือนเลยก็คือดวงตา เขาดูเจ้าเล่ห์และทรงพลังอำนาจกว่า ส่วนรายนั้นดูอบอุ่นใจดีและให้ความรู้สึกปลอดภัย
"โอเคค่ะ" เธอตอบแต่น้อย เพื่อไม่ให้เกินหน้าที่ หากแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจ
"คิดว่า 7 หมื่นคุ้มไหม กับงานที่ทำอยู่" เธอสะดุดเล็กน้อยก่อนรีบจะค้อมศีรษะรับอย่างสุภาพ
"คุ้มมากๆ ค่ะ"
"ไม่คุ้มเกินไปใช่ไหม" เขายิ้มให้เธอเห็นเป็นครั้งแรก จนหญิงสาวแก้มร้อนขึ้นมา ใครจะไปคิดล่ะว่าผู้ชายที่ดูดุอย่างเขา เวลาได้ยิ้มก็ไปสร้างพิมพ์ในใจให้คนอื่นเขาได้เหมือนกัน
"คุ้มแบบพอดีเป๊ะเลยค่ะ ไม่ขาดไม่เกิน" ความเข้าใจตอบของเธอ ทำให้เขาหัวเราะออกมา จนเคียวโกะหันมามองหน้าล่ามเลขา ให้ช่วยแปลให้หน่อย และพอเธอแปลให้ฟังเท่านั้นแหละ รายนั้นก็ยิ่งหัวเราะใหญ่ แถมยังพูดเสริมให้เธอไปอีกหลายข้อ
"ดูท่าเจ้านายคุณจะชอบคุณมากนะ" เขาหันมาบอกเธอด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ทั้งโต๊ะอาหารสว่างไปหมด
"ก็ดิฉันทำงานเก่งนี่คะ ปรับตัวง่าย ทนแรงกดดันได้ดี ทำงานไม่เคยพลาด เจ็ดหมื่นสมน้ำสมเนื้อมากๆ เลยค่ะ" เขาส่ายหน้าให้กับความช่างกล้าเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง
"เข้าใจพูดดีนะ"
"ขอบคุณค่ะ จะถือเอาว่าถูกชมก็แล้วกัน" เธอค้อมศีรษะให้กับเขาอย่างนอบน้อม
"อันที่จริง วันนี้ชวนมาทานข้าวเพราะอยากจะประเมินนี่แหละ ว่าเจ็ดหมื่นคุ้มหรือไม่คุ้ม" เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา เธอลุ้นจนปัสสาวะจะเล็ดเลยแหละ เขาคิดว่าคุ้มไหม?
"คุ้มใช่ไหมคะ" เธอถามออกไปอย่างหวั่นใจ จนเขายิ้มกว้างออกมา
"ผมไล่คุณออก" ฟ้าผ่าเปรี้ยงจริงๆ หญิงสาวรู้สึกชาไปทั่วทั้งหน้า ลามไปที่หน้าขา ก่อนลงไปยังปลายเท้า
"ว่าไงนะคะ" ตามมาด้วยหูอื้อ...ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ไม่รับรู้อะไรด้วย!
