บทที่ 12 เสี่ยขา...หนูพร้อมแล้วค่ะ
นันรดาตื่นขึ้นมาหลังจากเป็นลมสลบไปสักพัก เธอถูกนำส่งโรงพยาบาลก่อนจะถูกนำกลับมาที่บริษัทเพื่อเก็บของออกจากบริษัทและได้รับค่าชดเชยอย่างถูกต้อง เพราะถูกไล่ออกด้วยเหตุผลที่ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น
'ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เสียดายเธอจริงๆ แต่อย่างว่าแหละ ท่านประธานไม่เอาก็คือไม่เอา' เคียวโกะบอกกับเธอแบบนั้น ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ หัวหน้าฝ่ายบุคคลและเลขาของท่านประธานที่ปกปิดชื่อตัวเองเพื่อแก้เคล็ด เข้ามาเยี่ยมเธอพร้อมพากันปลอบใจ เธอก็เลยค่อยๆ ยอมรับได้มากขึ้น
เสี่ย: เสี่ยไม่รีบ ให้เวลาหนูคิดให้ดี ตัดสินใจยังไงได้ก็ค่อยบอกเสี่ยละกัน
ใบหน้าเซียวของคนที่มีเครื่องหน้าสวยพร้อม จ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่มีข้อความของใครหลายคนแสดงอยู่ แต่เธอเลือกที่จะกดเข้าไปยังข้อความของเสี่ย ผู้ที่จะไม่ให้ชีวิตของเธอต้องตกระกำลำบากอยู่เหมือนในตอนนี้
ส่วนวรวิชญ์เขาเองก็น่าจะยุ่งพอสมควร เพราะไม่ได้อ่านข้อความของเธอตั้งแต่เมื่อวาน ขนาดวันนี้เธอส่งไปบอกเขาว่าเธอถูกไล่ออก เขาก็ยังไม่ได้วี่แววว่าจะอ่าน
"เฮ้อ...ชีวิตมันยาก จริงๆ นั่นแหละค่ะเสี่ย" เธอพูดพร้อมกับพิมพ์ข้อความในหน้าช่องทางสื่อสารกับเสี่ยไปด้วย
แนน: ชีวิตมันยาก จริงๆ นั่นแหละค่ะเสี่ย
เธอพิมพ์แบบนั้นส่งไป พร้อมกับถอนหายใจและจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย เพื่อขนของออกจากบริษัทบ้าบอนี่ ถ้าอยากจะทดลองงานก่อนทำไมไม่บอกดีดี เธอจะได้หางานอื่นเผื่อเอาไว้ ไม่ใช่พอไม่พอใจก็ดันมาไล่ออกง่ายๆ แบบนี้
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า คนที่เธอกำลังไม่พอใจก็คือคนเดียวกับที่เธอส่งข้อความหานั่นแหละ!
วรกิตยืนแอบมองพนักงานที่เขาไล่ออกไปหมาดๆ ในห้องพยาบาลของบริษัท ก่อนจะเหลือบมองข้อความที่เธอส่งหา แผนของเขาสำเร็จได้สักทีสินะ กดดันให้ออกยังไงก็ไม่ยอมออก จนเขาต้องทำในสิ่งที่คนน่าจะงงทั้งบริษัท ว่าเขาไล่ผู้หญิงที่ทำงานเก่งขนาดนี้ออกได้ยังไง
นันรดากลับมาพักที่คอนโด นั่งอ่านสัญญาที่เสี่ยส่งมาให้ ด้วยหัวใจที่รู้สึกว่าทุกอย่างดูแห้งแล้งไปหมด
ห้องเช่าดูเงียบงัน ไม่มีเสียงแจ้งเตือนใดๆ ส่งมา เธอไม่กล้าแม้แต่จะโทรบอกบิดามารดาว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร เธอเพิ่งจะออกจากบ้านมาได้ไม่ถึงสัปดาห์เลยนะ จะให้เธอร้องไห้หาพ่อแม่และขอกลับไปซบอกท่านอีกนะหรือ เธอทำไม่ได้หรอก
สู้นอนกอดเงิน 10 ล้านแล้วไปเป็นเด็กเสี่ยแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ยังจะดีกว่า...
แนน: คืนนี้ หนูขอไปดื่มอำลาเงียบๆ คนเดียว ก่อนได้ไหมคะ
ตามสัญญาแล้ว ถ้าเธอเซ็นสัญญาตอนนี้เลย เขาจะให้คนมารับเธอไปที่คอนโดทันทีและเขาจะมาหาเธอคืนนี้เลย ซึ่งเธอยังไม่พร้อมหรอก แต่อยากจะเซ็นสัญญาไปก่อนและอ้างว่าตัวเองเมา ให้เขามาวันอื่นแทน
แค่เริ่มต้นเธอก็ควักมารยาออกใช้ซะแล้ว...
เสี่ย: ได้สิ ไม่มีปัญหา
เสี่ย: อยากจะไปดื่มที่ไหนล่ะ
และการตอบกลับมาทันทีเชิงใส่ใจของเขา ก็ทำเอาเธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจประหลาด ทั้งๆ ที่ก็แอบหวั่นใจอยู่ว่า เขาน่าจะแก่มากๆ แล้ว เนื้อหนังก็น่าจะเหี่ยว พุงก็อาจจะพลุ้ย...
"ช่างเถอะน่า ภายนอกมันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก" เธอนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลา คมเข้ม สะอาดสะอ้าน กลิ่นกายหอมฟุ้งของท่านประธานผู้ที่ร่วมโต๊ะอาหารกับเธอไปเมื่อตอนกลางวัน แล้วก็แสยะริมฝีปาก
คนที่ภายนอกดูดีเหลือเกินอย่างเขา ยังใจร้าย ไล่เธอออกกลางโต๊ะอาหารจนเป็นลม
เพราะฉะนั้นแล้ว คนเรามันจะดูกันแค่ภายนอกไม่ได้...เธอจะสนแค่การกระทำและเงินเท่านั้น
อย่างน้อยๆ เสี่ยที่ไม่รู้อายุเท่าไหร่ หน้าตายังไงคนนี้ ก็โอนเงิน 10 ล้านมาให้เธอแล้ว แถมยังเตรียมทุกๆ อย่างเอาไว้ให้เธอเป็นอย่างดีด้วย
"เอาน่า เอาตามนี้ล่ะ ไม่ต้องลังเลแล้ว" แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาหมุนร่างกายอยู่หน้ากระจก ดูหุ่นเพรียวงามสมส่วนของตัวเองในชุดลำลองเดรสตัวสั้นสีขาว ด้วยความรู้สึกที่ลังเลอยู่ลึกๆ
เธอเฝ้าถนอมออมนวลมาอย่างดีขนาดนี้ จะไม่มีโอกาสได้เจอผู้ชายดีดี ที่รัก จริงใจและจะดูแลเธอได้ ได้แต่งงาน มีครอบครอบที่สมบูรณ์แบบ อย่างคนอื่นเขาจริงๆ สินะ...?
"เฮ้ย ไม่เอาน่า อย่าดราม่า อย่าเพ้อฝัน ตื่น!"
เธอบอกตัวเองแบบนั้น พร้อมรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋าเอาเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้เยอะเท่าไหร่ รอรถของเสี่ยมารับ
เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว...ชีวิตมันยาก เธอจะนอนกอดเงิน 10 ล้านและลืมเรื่องอื่นๆ ไป
"ลืมไปให้หมด!" นันรดาตะโกนออกมาอย่างอัดอั้น ก่อนจะรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผิวพรรณผุดผ่องของเธอยังคงเนียนใสเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะบำรุงตัวเองมาอย่างดี ใบหน้าขาวนวลมีเลือดฝาดผุดขึ้นชวนมอง
ลึกๆ เธอก็แอบอธิษฐาน ให้ตัวเองได้รับความเมตตา มีดวงถูกชุบอุปถัมภ์ ขอให้เสี่ยคนนั้นใจดี...ไม่หล่อไม่เป็นไร ขออย่าได้วิตถารเลย สาธุ!
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเพลิงตัวสั้น นั่งแกว่งไวน์อยู่ในผับที่เธอไม่ได้มาเหยียบร่วมปีกว่า เสียงเพลง กลิ่นบุหรี่เคล้ามาเป็นระยะ หากแต่เธอก็ไม่ได้สนใจ
เรื่องราวมากมายที่วนในหัว หลักๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ถูกไล่ออก...
ภาพผู้ชายคนนั้นยังคงติดตา ท่านประธานหนุ่มหล่อที่ไม่ยอมให้ใครเอ่ยชื่อเพราะกำลังแก้เคล็ด เธอละอยากขำเขาจริงๆ เธอจำจมูกโด่งคมของเขาได้ มันน่ามอง น่าลูบไล้ แต่ตอนนี้เธออยากจะหาอะไรฟาดสักหน่อย
"เอาขวดเหล้าหรือแก้วไวน์ดีม้าย ทำไมชั่วขนาดเน้..." เสียงของเธอเริ่มอ้อแอ้ เลือกที่จะเมาอย่างเต็มที่เพราะเสี่ยส่งข้อความมาบอกว่า ได้ส่งคนมาดูแลเธอแล้ว เอาให้สบายใจเขารอได้และเธอจะไม่เป็นอันตรายแม้แต่ปลายก้อย
"ชีวิตเด็กเสี่ยนี่...มันดีนะ ปลอดภัย ม่าย ต้อง ทำ ราย สัก อย่าง..." เธอหัวเราะเชิงแค่น ก่อนจะรินไวน์ให้ตัวเองกระดกไปพรวดใหญ่ๆ และกวักมือเรียกเด็กเอามาเพิ่มให้อีกสองขวด เธอเลือกไวน์ที่แพงที่สุดเพราะมีคนคอยมาตามจ่ายให้
โดยที่ไม่ได้สังเกตเลย ว่าอีกมุมหนึ่งของผับมีหนุ่มใหญ่คนหนึ่งนั่งมองเธออยู่
"ให้เธอพอก่อนไหมครับนาย" ผู้ช่วยหนุ่มที่คอยยืนข้างๆ เขาว่าเชิงเป็นห่วง เพราะถ้าผู้หญิงเมาขนาดนี้ เจ้านายเขาน่าจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
"ไม่เป็นไร ปล่อยเขาให้เต็มที่" วรกิตว่าเสียงเข้ม จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างสบายใจ
วันนี้เขารู้สึกมีความสุขมากกว่าทุกวัน เพราะความฝันของเขาได้เป็นจริงแล้ว ผู้หญิงที่เขาต้องการครอบครองมาตลอด ได้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว
"ถ้าเธอรู้ว่าเจ้านายเป็นใคร จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ" บดินทร์ เทพฤทธิ์ พูดเพราะเป็นห่วงเจ้านาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ยุ่ง
"เป็นอะไรล่ะ" เขาหันไปมองหน้าคนที่อยู่เคียงข้างมาเสมอเชิงไม่พอใจ
"เธออาจจะโกรธเจ้านายมากจน..."
"โกรธก็โกรธไปสิ เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะเอาไม่อยู่" เขาเจอผู้หญิงมามาก แค่ใช่เงินฟาดหัวทุกอย่างก็จบแล้ว สำหรับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา
"แต่เธอคนนี้ ไม่เหมือนคนอื่นนะครับ" บดินทร์ใช้ความห่วงใยทั้งหมดที่มีเข้าสู้ แม้จะรู้ว่าเจ้านายแทบจะอยากตัดลิ้นตัวเอง
"ทำไมวันนี้พูดมากจังวะ ดื่มเยอะเกินไปเหรอ" วรกิตรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
"เพราะผมรู้ไงครับ ว่าสำหรับคนกิต ผู้หญิงคนนี้พิเศษแค่ไหน" วรกิตถอนหายใจให้กับความพูดมากผิดปกติของผู้ช่วยหนุ่ม
"ไปนั่งตรงโน้นไป รำคาญ" และผู้ชายที่ไม่เคยผิดอย่างเขาก็เลือกที่จะตัดบทแบบนั้น จ้องไปยังเรือนร่างขาวเนียนตัดกับสีแดงสดด้วยอารมณ์ที่ค่อยๆ ลดลง
ผู้หญิงคนนี้พิเศษกับเขา อย่างนั้นเหรอ?
