บทที่ 9 ข้อเสนอของเสี่ย
นันรดานั่งมองดอกกุหลาบที่ตัวเองนำมาใส่ในแจกันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ...หลังจากกลับมานั่งมองมันเข้าวันที่ 3 แล้ว
ใช่ หลังจากวันแรกที่เธอไปทำงาน แล้วเจอแรงกดดันจนเครียดมาก ก็ได้ดอกไม้เหล่านี้แหละที่ปลอบประโลมใจ
พอๆ กับเหนี่ยวรั้งความอดทนของเธอให้เปราะบางมากขึ้น
ใช่ เธอถามตัวเองหลายครั้งว่าควรทนรับเงินเดือน 7 หมื่นบาทที่ต้องแลกมาด้วยความอดทนสูงลิบลิ่วหรือ...ไปรับเงินเดือนที่อาจจะเท่านี้หรือน้อยกว่านี้เล็กน้อย หรืออาจจะมากกว่า แล้วอยู่สุขสบาย ไม่ต้องทนรับแรงกดดันใดๆ ทั้งนั้นดี
เสี่ย: ชอบไหม ดอกไม้ที่ส่งให้
โดยเฉพาะข้อความที่เขาส่งมา หลังจากที่เธอได้รับดอกไม้แล้ว
นันรดาไม่กล้าแม้แต่จะตอบกลับ เพราะเธอกำลังทบทวนว่า เธอควรจะเอายังไงต่อไปดี
ยิ่งกลับไปทนทำงาน ก็ยิ่งแย่ขึ้นทุกวัน แรงกดดันจากเจ้านายญี่ปุ่นเพศหญิง มันจุกจิกมากกว่าเจ้านายที่เป็นผู้ชายหลายล้านเท่า
แนน: การเป็นเด็กเสี่ยต้องทำยังไง และจะได้อะไร...
หญิงสาวชะงักเรียวนิ้วที่กำลังพิมพ์ตอบกลับในช่องข้อความของผู้ชายที่เธอไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า ก่อนจะลบข้อความเหล่านั้นออกหมดทันที เมื่อนึกอะไรได้
"ไม่ได้ เราต้องทำตัวมีไมตรีมากกว่านั้น" คนที่กำลังจะฝึกตนให้เป็นเด็กเสี่ยสุดลมหายใจเข้า ชีวิตจริงมันยากมันลำบาก เธอรู้แน่ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะต้องใช้มารยาให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด
แนน: ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้นะคะ สวยมากๆ เสี่ยยังคงเป็นคนที่ใส่ใจแนนได้ดีกว่าใครเสมอ
เธอพิมพ์ข้อความไปเบ้ปากไป รู้สึกหมั่นไส้ในจริตของตัวเองในตอนนี้เหลือเกิน!
แต่สุดท้ายเธอก็กดส่งไปอยู่ดี...
เสี่ย: เป็นยังไงบ้าง ที่ทำงานใหม่
และยิ่งเขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ราวกับนั่งรอข้อความของเธอตลอดเวลา ใจหญิงสาวก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น
อันที่จริง เธอก็แอบสงสัยเหมือนกันนะ ว่าเขารู้เรื่องราวของเธอได้ยังไง แต่หายสงสัยเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่เขาพยายามทำให้ แค่ตามสืบเรื่องของเธอแค่นี้ น่าจะไม่ยากสำหรับคนอย่างเขา
แนน: ชีวิตมันยากจริงๆ ค่ะเสี่ย...หนูคงไม่เหมาะกับการทำงานประจำจริงๆ
ด้วยความลืมตัว ทำให้เธอพิมพ์ไปแบบไม่ได้ไตร่ตรองและกดส่งไป เพราะความเคยชินที่ได้คุยกับวรวิชญ์อยู่ทุกวัน แม้ว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งกับงาน จนไม่ค่อยมีเวลาโทรหาเธอบ่อยๆ มีแต่ส่งข้อความหาเท่านั้น
เสี่ย: ลาออกสิ อย่าไปทำให้เหนื่อยเลย
แนน: เสี่ยมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ให้หนูเหรอคะ?
เสี่ย: มีแน่นอน ขอแค่หนูพร้อม ก็ลาออกมาได้ตลอดเลยนะ
แนน: เสี่ยลองเสนอมาให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าการเป็นเด็กเสี่ย ต้องทำอะไรยังไงบ้าง
นันรดาสูดลมหายใจเข้าลึก เม้มริมฝีปากจ้องข้อความรออีกฝ่ายตอบกลับ ด้วยความรู้สึกลุ้นเหลือแสน
เธอพอจะรู้ว่าการเป็นเด็กเสี่ยต้องทำอะไร ต้องเจออะไร แต่ก็อยากรู้ให้มันจริงจังไปเลย ว่ากับเสี่ยคนนี้ต้องการอะไรจากเธอบ้าง เพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนที่จะได้
เสี่ย: เงินเดือนละ 2 แสน รถ 1 คัน คอนโด 1 ห้อง บัตรเครดิตวงเงิน 10 ล้าน ช็อปได้ไม่อั้น ที่ดินบ้านเกิด 1 แปลง ไม่จำกัดจำนวนไร่
หญิงสาวที่มีใบหน้าสวยหมดจด ตาลุกวาวขึ้น
"นี่มันได้มากยิ่งกว่าสินสอดเวลาแต่งงานอีกนะ"
แนน: แลกกับอะไรบ้างคะ?
แต่โชคดีที่สติสัมปะชัญญะของเธอยังครบสมบูรณ์พอ ที่จะถามกลับไปว่า เขาให้มาขนาดนี้เธอจะต้องแลกด้วยอะไรบ้าง
เสี่ย: ถูกติดตามด้วย GPS จะไปไหนก็ได้ แต่เสี่ยจะรู้ตลอด และเสี่ยอยากเจอเมื่อไหร่ ก็ต้องพร้อมเจอทุกเมื่่อ
ข้อแลกเปลี่ยนเหมือนมีแค่นี้ แต่เธออ่านวนไปอีกหลายรอบ
"ถูกติดตามด้วย GPS เลยเหรอ?" มันน่าคิดหนักเหมือนกันนะ
แนน: แล้วหนูขอเจอเสี่ยตัวจริง ก่อนตัดสินใจได้ไหมคะ
เธอไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย จะให้ยอมตกลงง่ายๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอตัวจริง มันก็จะยังไงอยู่
เสี่ย: เสี่ยชอบเล่นซ่อนหา เสี่ยอยากให้เจอเมื่อไหร่ ก็จะได้เจอเอง ถ้าตกลงตอนนี้เสี่ยจะโอนเงินก้อนแรกฟรีๆ เป็นของรับขวัญ 10 ล้าน
"สิบล้าน!!!" เธอหาเงินมา 10 ปี หนึ่งล้านบาทเธอยังทำไม่ได้เลย นี่ตั้งสิบล้านเธอจะปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ ได้ยังไง!
แนน: ตกลงค่ะ
เธอพิมพ์ข้อความแล้ว แต่ยังไม่ได้กดส่ง อยู่ๆ ข้อความจากวรวิชญ์ก็ส่งเข้ามา...
วิชญ์: ทำไรอยู่ครับแนน
ข้อความของเขาเหมือนมีเสียง เสียงโทนทุ้มอบอุ่นนุ่มนวลที่ย้อมจิตใจหม่นหมองของเธอให้สว่างสดใสขึ้นได้ทุกครั้ง ที่เธอรู้สึกเครียดและเศร้า
หญิงสาวรีบกดลบข้อความที่ยังไม่ถูกส่งไป ก่อนจะเลือกเข้าไปอ่านข้อความของวรวิชญ์และตอบกลับทันที
ผู้ชายที่เธอเรียกว่าเสี่ย อาจจะให้เงินเธอได้ 10 ล้าน แต่เขาจะไม่มีวันให้เธอได้แน่ๆ ก็คือ ความรู้สึกสบายใจ ได้เป็นตัวของตัวเอง มีตัวตน จับต้องได้และจริงใจโคตรๆ วรวิชญ์ทำให้เธอมองเห็นภาพครอบครัวที่อบอุ่น อากาศดีๆ อาหารอร่อยๆ ที่เธอและเขาต่างก็มีไลฟ์สไตล์คล้ายคลึงกัน
ถ้าเธอตัดสินใจไปเป็นเด็กเสี่ย...
เธอก็ต้องเสียเขาไป เธอจะยอมรับได้ไหม?
หญิงสาวไม่อาจให้คำตอบตัวเองได้เลย
วรกิตนอนเอกขเนกอยู่บนโซฟา หลังจากนั่งเคลียร์งานมาทั้งวันและตอบข้อความของผู้หญิงที่เขารอการส่งข้อความหามาตลอด
และตอนนี้เธอเงียบไปเกินกว่า 10 นาทีแล้ว
"ไปไหนของเขา" คนเอาแต่ใจว่าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดเข้าไปดูข้อความที่ไม่ได้รับการตอบกลับมา กำลังจะพิมพ์ถามย้ำไปอีกครั้งแต่หักห้ามนิ้วเอาไว้ได้ทัน
"อย่าทำตัวเป็นตาแก่น่าเบื่อ เย็นให้พอรอให้ไหว" เขาบอกตัวเองพร้อมพ่นลมออกจากปาก แล้วอยู่ๆ คำพูดของเพื่อนผู้ชอบเสือกเรื่องของเขาอยู่เป็นนิจก็แว่วมา
'อย่าบอกนะว่ามึงชอบน้องเขา?'
ชอบงั้นเหรอ อาการที่เขาเป็นอยู่คืออาการที่เรียกว่าชอบใครสักคนหรือ
เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาด
เสี่ย: ถ้าไม่ปฏิเสธภายใน 5 นาที เสี่ยจะโอนเงินเข้าบัญชีให้เลยนะ
นี่ไง เขาไม่ได้ทำไปเพราะชอบใคร เขาทำเพราะเอาแต่ใจต่างหาก!
