บทที่ 8 คนเจ้าเล่ห์
ภาพดอกไม้ช่อใหญ่ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับ บาดลึกไปถึงจิตใจของเกศสุรางค์ บดินทร์เทพ
แววตาสีหม่นของเธอ ฉายชัดอยู่ในความกลมโตดำขลับ สวยงามราวกับเทพปั้น ความหม่นนี้ไม่คู่ควรกับแววตาคู่สวยของเธอเลยด้วยซ้ำ หากแต่มันได้ถือกำเนิดขึ้นมาเสมอ ตั้งแต่วันที่ได้กลายเป็นคู่หมั้นของผู้ชายที่ใครก็อยากจะครอบครองเขา
รวมถึงเธอด้วย...
"นี่มันคนเดียวกับสาวนักศึกษาเมื่อ 10 ปีที่แล้วนี่?" อนงนาถ ปิ่นเกศ เพื่อนผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เอ่ยเชิงตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่เพื่อนรักกำลังนั่งมองอยู่
แววตาหม่นของเกศสุรางค์เหลือบไปยังช่อดอกไม้สีแดงของตัวเอง ที่มีขนาดเล็กกว่าช่อดอกไม้ของผู้หญิงคนนั้นมาก ความเจ็บปวดฉายชัด จนหยาดน้ำใสได้รื้นออกมา
"พี่กิตเพิ่งเอามันเข้ามาทำงานในบริษัทเมือเช้า หลังจากที่ไม่ได้พยายามติดต่อมันอีกเลย ตลอดระยะเวลา 10 ปี" น้ำเสียงนุ่มของเกศสุรางค์เต็มไปด้วยความเจ็บปวด หากแต่เพื่อนผู้ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้นานมากแล้ว รีบตั้งคำถาม
"เดี๋ยวนะ..."
"แกติดตามความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้และพี่กิต มาตลอดเหรอ?" วรกิตอายุห่างจากเธอทั้งสองประมาณ 5-6 ปี ตั้งแต่หมั้นหมายกัน เธอเคยไปรับประทานอาหารกับเขาสองต่อสองเพียงครั้งเดียว ไม่นับรวมงานที่สองครอบครัวจัดขึ้นเพื่อให้ทั้งสองได้สานสัมพันธ์กัน
วรกิตไม่เคยถือว่าเธอเป็นคู่หมั้น ไม่เคยรักษาน้ำใจ ไม่เคยรักษาหน้าตา ไม่เคยทำอะไรที่แสดงว่าให้เกียรติ แต่เธอก็ทนที่จะอยู่ตรงนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว ยังไง...เขาก็ไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนได้ อย่างดีที่สุดเขาก็แค่เลี้ยงเอาไว้แบบลับๆ เท่านั้น
"ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ไง ฉันไม่เคยเห็นพี่กิตสนใจผู้หญิงคนไหนเท่ามัน ต่อให้อยากเลี้ยงดูใคร เขาก็ไม่เคยพยายามเทียวไล้เทียวขื่อเหมือนมัน" น้ำตาของผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยหมดจดไม่แพ้ใคร อาบทั่วความสวยหมดจดนั้น
"แล้วดูนี่สิ ขนาดผ่านมาตั้ง 10 ปี นอกจากพี่กิตจะหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับฉันแล้ว...เขายังตามหามันจนเจออีก" หญิงสาววัย 35 ปีที่รอคอยงานแต่งงานจากคู่หมั้นมาตลอด แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
"แกใจเย็นก่อน...มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดก็ได้" อนงนาถรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ จับมือเพื่อนเอาไว้และพยายามคิดหาวิธีปลอบ
"มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง เขาส่งช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้มัน ต้อนรับการทำงานวันแรก...ฉันว่าพี่กิตต้องมีแผน แผนที่จะยกมันขึ้นเป็นผู้หญิงที่ดีพอและคู่ควรกับเขา แทนฉันแน่ๆ" น้ำเสียงของผู้หญิงที่ตกเป็นรองชายโดยสมบูรณ์ สั่นสะท้าน จนเพื่อนรักต้องดึงตัวเข้ามากอด
เธอไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาปลอบเพื่อนแล้ว เพราะทุกอย่างมันชัดมากๆ เป็นไปได้ทุกทางว่าวรกิตทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร แต่ยังไงเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนรักตีโพยตีพายไปก่อน
"ฉันว่าแกใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คิดหาทางออก แต่จะต้องไม่ใจเย็นเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน ครั้งนี้ แกจะต้องใจเย็นและลงมือทำอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่แอบดูอยู่ห่างๆ แล้วไม่ทำอะไร" เกศสุรางค์สะดุดกึกใหญ่ ผละออกจากอ้อมกอดของเพื่อน
"หมายความว่ายังไง?"
"แกคิดดูให้ดีนะ เหตุผลอะไรที่พี่กิตต้องส่งช่อดอกไม้มาขอโทษแก และควงแกออกงานเป็นครั้งที่สามในรอบ 10 ปี และไม่ใช่งานธรรมดาด้วยนะ งานที่เขาไม่เคยแม้แต่จะไปเหยียบ...ฉันว่าเรื่องนี้ มันไม่ชอบมาพากล ถ้าพี่กิตจะมีแผนอะไรสักอย่าง การที่เขาควงแกออกงาน จะต้องเป็นหนึ่งในแผนด้วย" ข้อสันนิษฐานของอนงนาถถือว่ารับฟังได้ เกศสุรางค์รีบปาดน้ำตา
"จริงของแกนะ แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง?"
"ทำตามที่ฉันบอกก็พอ ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้แกต้องทนไปเรื่อยๆ อีกต่อไปแล้ว"
"ขอบใจมากนะเพื่อน ขอบใจจริงๆ" แล้วเธอก็โผเข้ากอดเพื่อนรักอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
เสียงปรบมือดัง ก้องไปทั่วห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ ในชั้นเกือบสูงสุดของตึก C ที่มีบริษัทลูกทั้งหลายในเครือมารวมกันอยู่ตามชั้นต่างๆ และบริษัทอื่นที่มาเช่าสำหรับการประชุมหรือทำงานชั่วคราว จนเต็มทุก 21 ชั้น
"เป็นเหี้ยไร" วรกิตส่ายหน้าให้กับเสียงปรบมือและเสียงขำของมนัส ที่ไม่มีทีว่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ
"มึงแหละเป็นเหี้ยไร คิดได้ไงวะ สร้างสถานการณ์กดดันพนักงานที่มาทำงานวันแรกจนเขาหน้าดำคร่ำเครียด สุดท้ายส่งดอกไม้ไปเอาความดีความชอบ ถ้าไม่เหี้ยจริง ทำไม่ได้นะเว้ยแบบนี้น่ะ" คนที่ไม่ยี่หระ เลื่อนเอกสารในหน้าจออ่านไปเรื่อยๆ ก่อนจะจรดลายเซ็นต์แบบดิจิตัลลงไป
"ยิ่งไปกว่านั้น สร้างสถานการณ์ตัดหน้าหนุ่มน้อยที่มาแย่งชิงสาว แล้วดันสำเร็จซะอีก คนเหี้ยอะไรโชคจะมาเข้าข้างไปหมดขนาดนี้" มนัสว่าอย่างยอมใจในความพยายามแถมยังสำเร็จแบบสมปรารถนาของวรกิตจนออกจากเรื่องนี้ไม่ได้
"อย่าเรียกโชค มันคือความฉลาดล้วนๆ"
"แล้วมึงไม่สงสารคู่หมั้นมึง ลูกพี่ลูกน้องมึง...บ้างเหรอวะ เอาเขามาเป็นเครื่องมือสำหรับมีกิ๊กไม่พอ แย่งสาวที่มันหมายปองอีก ที่สุดก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้น ที่ถูกกดดันจากที่ทำงานใหม่ ทั้งๆ ที่เขาเหมือนจะได้งานในฝันแล้วแท้ๆ..."
"มึงไปบวชไหม" หนุ่มใหญ่ว่าตัดบทขึ้นมา ก่อนจะส่ายหน้าให้กับความเห็นอกเห็นใจคนอื่นของมนัส ที่ดูจะมากกว่าปกติ
"กูบวชไปแล้ว มึงแหละยังไม่เคยบวช มึงต้องไปบวชบ้าง จิตใจอย่างมึงควรต้องได้รับการขัดเกลาสักที" มนัสหัวเราะลั่น จริงๆ เขาเองก็ไม่ใช่คนดี แต่รู้สึกสนุกดีที่ได้ขยี้เรื่องราวของเพื่อน
เอาจริงๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาก็เพิ่งจะเห็นวรกิต สนใจผู้หญิงเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำ มีเล็กมีน้อยไปวันๆ ก็อยู่ไม่นาน ไม่เกินสามเดือนก็ออกจากชีวิตไปแล้ว
"หรือว่า มึงชอบน้องเขาจริงๆ วะ?" มนัสตาวาวขึ้นมา ส่วนวรกิตสะดุดกึกใหญ่
ไม่ต้องถึงคำว่ารักหรอก สำหรับคนอย่างเขา แค่ 'ชอบ' มันก็ดูเกินความจริงไปมาก
"เหลวไหล"
"กูว่าใช่! กูว่ายังไงมึงก็ต้องชอบน้องผู้หญิงคนนี้จริงๆ แล้วแน่ๆ" วรกิตอายุ 40 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยังคงหนุ่มแน่น หล่อเหลาสมวัย
เขาไม่เคยชอบใคร ไม่เคยคิดจะชอบ..
"เรียกว่าเอาชนะดีกว่า" เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนั้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น กับชีวิตเขาอย่างแน่นอน
