บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 กลับสู่โลกของงานประจำ

นันรดาสูดลมหายใจเข้า...สูดรับเอากลิ่นบรรยากาศของการทำงานประจำเข้าไปให้ฉ่ำปอด บรรยากาศของงานที่เธอเคยรักและมั่นใจว่าจะทำมันไปตลอดชีวิต

แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วก็ตาม!

บรรยากาศในห้องทำงานนี้ล้อมไปด้วยกระจกใส แต่มองทะลุเข้ามาไม่ได้ มุมหนึ่งเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ที่มีทั้งตู้ เก็บเอกสาร ตู้หนังสือล้อมอยู่ ซึ่งอยู่คนละด้านกับโต๊ะทำงานของเธอ ที่มีเพียงโต๊ะเล็กๆ และกองเอกสารที่วางอยู่

เอาจริงๆ เธอได้เตรียมตัวก่อนมาที่นี่แค่ 3 วันเท่านั้น แถมยังได้รับการบอกขอบเขตงานเพียงคร่าวๆ ทุกอย่างดูรีบร้อนไปหมด แต่ด้วยจำนวนเงินเดือนที่มากกว่าปกติ ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะรีบเซ็นสัญญา แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะ ว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือไม่

'เจ้านายคนญี่ปุ่น พูดไทยไม่ได้เลย หน้าที่ของเธอคือต้องคอยช่วยเหลือ คอยแปลเอกสาร แปลภาษาเวลาร่วมประชุมหรือคุยกับลูกค้า ซึ่งต้องเตรียมตัวให้ดีนะ เพราะว่าคุณเคียวโกะ เขาหัวร้อนบ่อย วัยทองน่ะ' ฝ่ายบุคคลบอกกับเธอมาแบบนั้น ซึ่งยอมรับว่าฟังครั้งแรกยังรู้สึกผวา แต่เพราะคำว่าเงินเดือนเจ็ดหมื่นหรอกนะ ที่ทำให้จะพยายามอดทนให้ได้

"ชื่ออะไร" แล้วนันรดาก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆ ผู้มาใหม่ก็พูดเสียงแหลมปรี๊ดเป็นภาษาญี่ปุ่น เดินมุ่งหน้าเข้ามายังเธอด้วยใบหน้าที่ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ดูเรื่องเยอะและใจร้อนแค่ไหน

"นันรดาค่ะ ชื่อเล่นคือ แนนค่ะ" เธอตอบกลับด้วยสำเนียงที่คล่องเหมือนเจ้าของภาษา จนฝ่ายที่อยากจะทดสอบไหวพริบและความพร้อม ถึงกับลอบพยักหน้าเชิงพึงพอใจ

"รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ฉันมีประชุมด่วน" น้ำเสียงห้วนของเจ้านายคนใหม่ ทำให้เธอตกใจได้ง่าย แต่ก็พยายามที่จะตามจะตั้งสติให้ดี

"ทราบค่ะ" เธอตอบกลับอย่างมืออาชีพ ลุกขึ้นยืนมองนาฬิกา รวบเอกสารที่เตรียมเอาไว้ บ่งบอกว่าพร้อมที่จะทำทันที

ชุดที่หญิงสาวสวยผุดผาดคนนี้สวมใส่คือชุดสูทสุภาพ โทนหรูแต่เรียบ สีเข้ากับเจ้านายราวกับทำการบ้านมาดี

"ใช้ได้นี่ ลองสรุปให้ฉันฟังสิ ว่าการประชุมวันนี้มีหัวข้ออะไร แล้วมีเรื่องอะไรที่ฉันควรจะเตรียมไปเป็นพิเศษ" ผู้หญิงเสียงแหลมเล็ก พูดภาษาญี่ปุ่นคล่องปรื๋อ เธอไม่เคยทำงานกับผู้หญิงชาวญี่ปุ่นก็จริง แต่ก็เคยผ่านพบคนประเภทนี้มาบ้าง ผู้ชายว่าเรื่องเยอะแล้ว ผู้หญิงเรื่องเยอะได้กว่า...

"ถือว่าโอเค" เป็นคำชมที่เต็มไปด้วยการไม่ยอมรับง่ายๆ กรายๆ หากแต่นันรดาทำใจเอาไว้แล้ว

เจ็ดหมื่น เจ็ดหมื่นนนน!

คำที่สามารถเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ได้ ก็คงมีแค่คำคำนี้เท่านั้น!

นันรดาเดินตามผู้เป็นเจ้านายเข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ ที่บรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด ใครจะไปคิดล่ะว่าการทำงานวันแรกมันจะเครียดได้มากขนาดนี้ เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองใครด้วยซ้ำ

ไม่รู้ด้วยว่า มีสายตาคมกริบคู่หนึ่งทอดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา เส้นผมเรียงสวยที่ถูกม้วนเป็นลอนระย้า ลงมาตามสองไหล่ และมีบางส่วนที่ถูกเกล้าไว้ครึ่งศีรษะ ประดับด้วยกิ๊บมุกสีขาว เครื่องหน้าหวานเกลี้ยงเกลาถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางโทนสีสุภาพ

เธอไม่ได้ดูเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ในสายตาของคนที่เฝ้ามองเธอเมื่อ 10 ปีก่อน...

นี่คงจะเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่เขามีโอกาสได้มองหน้าเธอตรงๆ ไม่ใช่ลอบมองเสี้ยวหน้า ด้านหลังหรือรูปถ่าย ในระยะสิบปี ที่นานๆ ทีจะนึกถึง

"ขออนุญาตเสนอค่ะ" และเมื่อการประชุมได้ดำเนินไปสักพัก เจ้านายคนญี่ปุ่นก็ยกมือขึ้น ท่ามกลางความตกใจของล่ามสาวที่แม้จะเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ก็ไม่คิดว่าเจ้านายตัวเอง จะสนใจในเรื่องของส่วนงานอื่น จนอยากจะเสนออะไรขึ้นมา

"ขออนุญาตเสนอค่ะ" นันรดาลุกขึ้นยืนเคียงข้างผู้เป็นเจ้านายและแปลความในสิ่งที่เธอพูดออกมา และทุกสายตามองมายังเธอเพียงผู้เดียว

แววตาชื่นชมในรูปร่างหน้าตา ที่เธอเห็นจนชินตาไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกประหม่า ยกเว้น...สายตาของหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สูงกว่าใคร ตำแหน่งที่เขานั่งเดาได้ไม่ยากว่าคือตำแหน่งของผู้มีอำนาจสูงสุด

เรียวหน้าของเขาค่อยข้างคุ้นตา ละม้ายกับคนที่เพิ่งจะโทรมาอวยพรสำหรับการทำงานวันแรกของเธอ หากแต่...

เขาดูขรึมกว่า คมกว่า ดวงตาชวนให้อึดมากกว่าสบายใจ...

"เป็นข้อเสนอที่ดี แต่เวลานี้น่าจะยังไม่ใช่" น้ำเสียงทุ้มเรียบของเขา เอ่ยขึ้น มีความน่าฟังและน่าเกรงขามหากแต่สะกดใจล่ามสาวจนลืมที่จะแปลออกไป

"ท่านประธานพูดว่าอะไร" เคียวโกะสะกิดด้วยใบหน้าบึ้งตึง หญิงสาวได้แต่อ้ำอึ้ง

"แปลไม่ออกเหรอ" หนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ตำแหน่งของประธาน เอ่ยสิ่งที่ทำให้ทุกคนในห้องประชุมขนลุก

คนอย่างวรกิต ไม่เคยหยุมหยิมหรือยุ่งเกี่ยวกับพนักงานตัวเล็กๆ ด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าผู้หญิงหน้าสวยคนนี้น่าจะชะตาขาดซะแล้ว

"เอ่อ..." นันรดาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงพูดอะไรไม่ออก รู้สึกมือไม้สั่น หาดหวั่นกับสายตาน่าเกรงขามที่มองมา

"ยังไงนะ" ยิ่งเขาเร่งกดดันเธอมากขึ้น หญิงสาวก็รู้สึกจะเป็นลมให้ได้ เธอเคยเผชิญความเครียดมามากมาย ตลอดการทำงานกับบริษัทเดิม แต่ไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณได้มากขนาดนี้

ผู้ชายคนนี้ เขาไม่ได้แค่น่ากลัว แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้

"ไม่ต้องประชุมกันแล้วมั้งวันนี้" วรกิตว่าอย่างหัวเสีย ก่อนจะลุกออกจากที่ประชุมไป สร้างความตกใจ ประหลาดใจและหวาดหวั่นไปพร้อมๆ กันอย่างทั่วหน้า

"โอ๊ย! เธอมาทำงานวันแรกก็ทำเสียเรื่องขนาดนี้เลยเหรอ ฉันไม่น่ารับเธอมาเป็นล่ามเลย!" เคียวโกะหัวเสียและโวยวายใส่เธอเป็นภาษาญี่ปุ่นทันที และทุกสายตาที่มองมายังเธอด้วยแววตาตำหนิ ทำให้นันรดาแทบจะยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว

"ขอโทษค่ะ หนูขอโทษ" เธอรีบขอโทษผู้เป็นเจ้านายโดยตรง ก่อนหันไปขอโทษทุกคนในที่ประชุม ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครรับคำขอโทษเธอแม้แต่คนเดียว

แค่ก้าวแรก มันก็ยากขนาดนี้เลยเหรอ?

หรือว่าเธอจะไม่เหมาะกับการทำงานประจำจริงๆ สินะ?

นันรดาเดินคอตกกลับห้องพักที่เธอหาเช่าได้แถวๆ ที่ทำงาน ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก มองไปยังเมืองคอนกรีตที่เคยอยู่ได้มาตลอด 10 ปี ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

เหมือนที่นี่ ไม่ใช่ที่ของเธอเลย...

"สวัสดีครับ ใช่คุณแนนรึเปล่าครับ?" และอยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเรียกเธอดังมาจากอีกทาง ในมือของเขามีดอกไม้ช่อใหญ่

"ค่ะ ฉันชื่อแนน" เธอไม่แน่ใจหรอกนะ ว่าใช่แนนเดียวกันรึเปล่า

"พอดีว่ามีคนฝากดอกไม้มาให้คุณครับ" เธอรับเอาดอกไม้ช่อนั้นมาไว้ในมืองงๆ ก่อนจะเปิดดูที่การ์ดเล็กๆ ที่แนบมาด้วย

ดอกไม้ช่อนี้เป็นดอกกุหลาบสีขาวแซมแดง เหมือนคนให้รู้เป็นอย่างดีว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร

'สำหรับการทำงานวันแรก ยินดีด้วยนะ-เสี่ย'

ข้อความในการ์ดทำเอาเธอใจเต้นแรงขึ้น ตั้งแต่วันนั้นที่เธอไม่ยอมตอบกลับข้อความของเขา ด้วยการตัดสินใจเลือกทางใหม่ ทำให้เธอลืมเลือนไปจนหมดสิ้น ว่ามีผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต

นันรดาน้ำตาร่วงผล็อยแบบไม่ทราบสาเหตุ ความห่วงใย ใส่ใจที่มีมาเสมอของผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้า สร้างความอบอุ่นล้ำลึกในหัวใจผู้หญิงที่เพิ่งจะโดนเรื่องเลวร้ายมา...

ให้ตายเถอะ เธอไม่อยากทำงานที่นี่ต่อไปแล้ว!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel