บทที่ 5 ตัดสินใจดีแล้ว
นันรดายิ้มตอบรับกิริยาสุภาพของชายหนุ่มตรงหน้า ที่ขยับก้าวอี้ให้เธอนั่งสมกับที่เป็นสุภาพบุรุษ
วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ รวบผมตึงเกล้าเป็นมวยไว้อย่างเรียบร้อย เข้ากับบรรยากาศร้านอาหารเล็กๆ แต่บรรยากาศดี และฮิตที่สุดในอำเภอ
แม้อำเภอที่เธออยู่จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ถือว่าเป็นทางผ่านของจังหวัดหลายจังหวัด เป็นรอยต่อที่ถือว่าเจริญรุ่งเรืองและทำให้เศรษฐกิจในแถบนี้ค่อนข้างคึกคักมากกว่าในเมือง ที่ดินแถบนี้ราคาแพงเสียยิ่งกว่าทองคำ แต่บ้านของเธอไม่ได้อยู่ในละแวกเมืองนะ ไกลออกจากตัวอำเภอไปถึง 30 กิโลเมตร
"ขอบคุณนะคะ" และแน่นอนว่าผู้หญิงที่สวย เพียบพร้อมอย่างนันรดา แม้จะเกิดในชนบทแต่กิริยามารยาทของเธอแสนจะงดงาม ราวกับเป็นลูกผู้รากมากดี บางคนยังเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นบุตรสาวของท่านนายอำเภอ เพราะคุณนายของนายอำเภอ ประกบเธออยู่ไม่ห่าง ในงานเปิดตัวโรงพยาบาลที่ผ่านมา
"ขอบคุณเช่นกันนะครับ ที่ให้เกียรติมาในวันนี้" วรวิชญ์ บริสุทธิกุล เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานซึ้ง จริงใจและให้เกียรติจริงๆ จนทำเอานันรดาเกือบจะม้วนไปทั้งตัว
ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกายมา ยังไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญขนาดนี้มาก่อน
"ดิฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่คุณวรวิชญ์ให้เกียรติดิฉัน..." เธอรู้สึกเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก เพราะเขาอยู่ในสถานะที่ไม่จำเป็นต้องมาสนใจผู้หญิงบ้านๆ ที่ตกงานอย่างเธอด้วยซ้ำ
"เรียกผมว่าวิชญ์เถอะนะครับคุณแนน" เขาออกตัวว่าอย่างสนิทสนมกับเธอมากขึ้น
เรื่องนั้นเธอก็พอจะทราบ ตั้งแต่ที่เขาพยายามโทรหาเธอทุกวัน และจากการที่เธอให้โสพรรณสืบดู ผู้ชายคนนี้มีผู้หญิงพยายามเข้าหาก็จริง แต่เขาก็ยังไม่มีใครที่จริงจังด้วย
'ฉันว่า...แกใช้ชีวิตปกติเถอะ เด็กเสี่ยก็ใช่ว่าจะสบายนะเว้ย รถขบวนสุดท้ายมาเยือนหน้าบ้านขนาดนี้ แกจะไม่ขึ้นไปจริงๆ เหรอ'
นี่คือเหตุผลที่เธอตัดสินใจมาออกเดตและเรียนรู้ใครสักคนอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ขี้เกียจเต็มที...
และการออกเดตในวันนี้ก็ทำให้เธอได้รู้ว่า มันก็ไม่ได้แย่เลย
แววตาของเธอเปล่งประกาย ทอดมองความหล่อเหลา กลมกล่อมไปกับความเป็นสุภาพบุรุษ ตักอาหารนั่นนี่ให้เธอ ชวนคุยเรื่องที่ต่างฝ่ายก็ต่างสนใจเหมือนๆ กัน
นั่นสินะ มันก็ไม่ได้แย่ เธอจะปิดโอกาสตัวเองทำไม!
"คุณแนนตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านยาวเลยไหมครับ ผมนี่ชอบที่นี่มากๆ เลยนะ อากาศดี อาหารอร่อย ผู้คนน่ารัก..."
"ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจหรอกค่ะ พอดีว่าตอนนี้แนนตกงานอยู่ แต่จริงๆ ชอบที่นี่เหมือนกันนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับมาทำอะไร ก็เลยยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ" เธอบอกเขาตามตรงด้วยความสัจจริง ถ้าเขาจะรับไม่ได้ ก็จะได้ไม่เสียเวลา
"คุณแนนเรียนจบด้านไหนมาเหรอครับ ถ้าผมพอจะช่วยอะไรด้วย ผมก็อยากจะช่วยครับ"
"พอดีว่าแนนเรียนจบด้านเลขามาน่ะค่ะ เป็นล่ามภาษาญี่ปุ่น เคยทำงานอยู่กับบริษัทต่างประเทศ แต่โชคร้ายที่บริษัทปิดตัวลงก็เลยถูกเชิญออกค่ะ" ทีท่าของผู้ชายใจดีคนนี้ ไม่ได้มีริ้วของความดูถูกดูแคลนเธอเลย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเห็นใจ หญิงสาวอดจะปลื้มไม่ได้ แววตาเปล่งประกายชัด
"โห เก่งมากนะครับเนี่ย เป็นล่ามญี่ปุ่นด้วย" เขาว่าจากใจ "ยังไง เดี๋ยวผมจะลองสอบถามฝ่ายบุคคลให้นะครับ ว่ามีตำแหน่งอะไรที่คุณแนนพอจะทำได้บ้าง"
"ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ" อันที่จริง ที่เธอตัดสินใจออกมาทานข้าวกับเขาในวันนี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องเรียนรู้ใครสักคนหรอก เรื่องงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอเล็งเอาไว้ ไม่ได้เป็นแฟนก็เป็นลูกน้องก็ยังดี
อย่างน้อยการทำงานใกล้บ้าน ก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจได้มากกว่า...
"เห็นว่าเย็นนี้มีถนนคนเดินด้วย ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเดินถนนคนเดินเลย คุณแนนไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ"
"จริงเหรอคะ!" เธอว่าอย่างตกใจ พร้อมกับรู้สึกเสียดายแทนเขาเป็นอย่างมาก
"คุณแนนอย่าล้อผมนะครับ ผมเกิดและโตในกรุงเทพและไปเรียนที่ต่างประเทศเลย เพิ่งกลับมาได้ปีสองปี ยังเที่ยวไทยไม่ทั่วเลย เพราะฉะนั้นห้ามปฏิเสธเด็ดขาด" เมื่อความคุ้นเคยเริ่มเกิดขึ้น สองหนุ่มสาวก็แสดงตัวตนของตัวเองออกมา
ไม่ได้เป็นตัวตนที่ไม่ดีเลย เป็นตัวตนที่น่ารักมากกว่า นันรดารับปากเขาว่าจะพาไปเที่ยวรอบอำเภอถ้าพอมีเวลา และถ้าเธอได้ทำงานที่นี่เธอจะพาเขาไปเที่ยวทุกวัน
"พูดแล้วนะครับ ผมถือว่าเป็นคำสัญญา"
"แน่นอนค่ะ สัญญาเป็นสัญญา..." นันรดายิ้มได้กว้างที่สุดในรอบหนึ่งเดือนที่กลับมาอยู่บ้าน เธอร้องกู่เอาขวัญตัวเองในใจ ขวัญเอ๊ยขวัญมา เกือบไปแล้ว เธอเกือบตัดสินใจไปเป็นเด็กเสี่ยแล้ว ถ้าไม่มีเขาเข้ามา ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ชีวิตเธอจะเป็นยังไง
วรกิตวางโทรศัพท์ในมือลง แรงกว่าปกติจนเกิดเสียงดัง...หลังจากได้กดเข้าไปดูรูปภาพที่นักสืบส่งมาให้
นักสืบที่เขาจ้างวานให้ไปตามติดชีวิตคนสองคนที่อำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ตอนนี้ความเจริญเข้าถึงสูงสุด เพราะมีโรงพยาบาลเอกชนแห่งใหม่ได้เปิดตัวขึ้น
"หึ เดินถนนคนเดินกันอย่างดี๊ด๊า" เขารู้สึกหมั่นไส้อย่างมีเหตุผล และพร้อมที่จะทำตัวอันธพาลใส่ลูกพี่ลูกน้องที่มักจะทำตัวอ่อนโยน สุภาพกับคนทั่วไป แม้แต่กับเขาเอง...พี่ชายที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา เพราะเบื่อความอืดอาดยืดยาด ทำตัวเป็นตุ๊ด เอะอะร้องไห้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้สักอย่าง
"เรียกดิฉันเข้าพบด่วนมีอะไรรึเปล่าคะคุณกิต?" เลขาสาวใหญ่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเขา ด้วยแววตาตื่น เพราะไม่เคยถูกเรียกพบด่วนแบบนี้ มานานมากแล้ว
"เรียกสมภาษณ์ล่ามเลขาให้คุณเคียวโกะด่วน พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี ให้เงินเดือนสัก 7 หมื่น"
"หา! เจ็ดหมื่น ? นั่นมันเยอะกว่าเงินเดือนพี่อีกนะคะ!" สุรัสวดี นวลเลิศ เลขาที่ทำงานให้เขามา 10 กว่าปี อุทานด้วยความตกใจ
"เอาคนที่เคยมาสมัครไว้นะ เดี๋ยวผมส่งชื่อไปให้ว่าเป็นคนไหน แล้วก็ฝากตอบรับอาปรีให้ด้วย เรื่องไปงานเลี้ยงเปิดตัวโรงพยาบาลพรุ่งนี้" เลขาสาวใหญ่ยืนอึ้งกับคำสั่งรัวๆ ของผู้เป็นเจ้านายที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พร้อมกะพริบตาปริบๆ
วรกิตนะหรือที่จะยอมไปร่วมงานที่เกี่ยวกับปรียา ผู้เป็นน้องสาวบิดาเขา
"ฝากส่งช่อดอกไม้ไปขอโทษเกดด้วย และพาเขาไปเลือกชุด ผมจะออกงานกับเขาวันพรุ่งนี้"
ร้ายไปกว่านั้น เขายังออกคำสั่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ตลอดระยะเวลาที่มีคู่หมั้นมากว่า 10 ปี
"ฝะ..ฝากขอโทษคุณเกด?"
อย่าว่าแต่ออกงานหรือฝากขอโทษด้วยกันเลย แค่ส่งข้อความไปสักข้อความเขาก็ไม่เคยทำ ถ้าเขาไม่ใช่วรกิต สุทธาธินันท์แล้วล่ะก็ คงไม่มีผู้หญิงคนไหน ทนคนอย่างเขามาได้ตั้ง 10 ปีหรอก!
"ใช่ ผมฝากด้วย ออกไปได้แล้ว" เจ้านายหนุ่มใหญ่ไม่มองหน้าเธอแม้แต่น้อย แถมยังขับไล่ให้เธอรีบออกไปจัดการธุระให้เขา สีหน้าของวรกิตดูรีบร้อนเหลือเกิน แต่เลขาที่ทำงานมาให้เขาร่วม 10 ปีอย่างเธอ ไม่อาจคาดเดาได้เลย ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่!
