บทที่ 4 เด็กเสี่ย หรือเมียคนหล่อ?
"จริงปะเนี่ย! ทำไมชีวิตต้องเลือกด้วยวะ?" โสพรรณรีบโวยวาย หลังจากที่เพื่อนรักบอกข่าวใหญ่ ว่าความฝันของเธอดันเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน หนุ่มหล่อคนนั้นสบตากับเธอ แถมส่งคนมาขอเบอร์ด้วย
และเสี่ยที่เธอติดต่อไป ก็ดันตอบรับกลับมา
"แล้วแกไปสืบมาว่าไง ผู้ชายคนนั้นเขามีแฟนหรือแต่งงานไปหรือยัง?"
"น่าจะยังนะ เห็นเพื่อนแม่แกเชียร์ใหญ่เลย บอกว่าทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งโสด" ไม่รู้สิ นันรดาไม่อยากจะเชื่อนัก ว่าผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้ จะยังโสดอยู่
"อื้อ"
"แล้วแกจะเอาไง อยากเป็นเด็กเสี่ยหรือว่าเมียคนหล่อ?" หญิงสาวนิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
"บอกไม่ถูกว่ะ คือการเป็นเด็กเสี่ยมันก็ต้องดูแย่กว่าอยู่แล้ว แต่ทำไม...ฉันถึงได้รู้สึกกลัวการเป็นเมียคนหล่อ มากกว่าเป็นเด็กเสี่ย ก็ไม่รู้ว่ะ"
"จริงเหรอ! บ้าไปแล้วแก การเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่เพียบพร้อม มันจะไปน่ากลัวกว่าการเป็นเด็กเสี่ยได้ยังไง"
"อาจจะเป็นเพราะ ฉันยังไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นดีพอรึเปล่า" โสพรรณสะดุดกึกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ทำความเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรักอย่างตั้งใจ
"แล้วแกรู้จักเสี่ยดีพอแล้วเหรอ?" คราวนี้ นันรดาเป็นฝ่ายสะดุดบ้าง แและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"เท่าที่อ่านการ์ด ของขวัญที่เสี่ยให้มา ไม่รู้สิ...รู้สึกเหมือนได้รู้จักเขาดีแล้วเฉย"
อาจจะเป็นเพราะ เธอได้เตรียมตัวและใจมาพร้อมสมควร ก่อนจะทักหาเสี่ยไป และการที่เขาตอบกลับมา นั่นก็หมายความว่า ความหวังของเธอได้เป็นจริงแล้ว เธอขี้เกียจจะไปมีความหวังกับการได้เป็นภรรยาของสามีหล่อ รวย ที่อยู่ๆ ก็เหมือนฟ้าส่งมาให้
อันที่จริง นันรดาก็เคยได้มีโอกาสคบหากับผู้ชายหล่อ บ้านรวย ทำงานเก่ง ฉลาด พูดจาดี มาหลายคน แต่หลายๆ อย่างที่เข้ากันไม่ได้ ทำให้ไม่ได้ไปต่อ คือเธอรู้ไง ว่าการคบหากับใครสักคน เรียนรู้ใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย...
"อย่าบอกนะ ว่าแกจะเลือกไปเป็นเด็กเสี่ย แล้วก็ไม่ยอมรับสาย หากลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลโทรมาน่ะ?"
โสพรรณทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ รู้สึกเสียดายแทนเพื่อนรักเป็นอย่างมาก เพราะเธอเห็นสายตาของหนุ่มหล่อคนนั้นที่สว่างวาบทันทีที่ได้เห็นใบหน้าสวยๆ ของเพื่อนรัก เธอก็รู้เลยว่า เขาได้ตกหลุมรักเพื่อนของเธอแล้ว
"ก็..." ใช่ จริงๆ แล้วนันรดาตัดสินใจว่าจะทำแบบนั้น ไม่รู้สิ เธอไม่อยากจะต้องไปลำบากในความสัมพันธ์อีกแล้ว อย่างน้อยๆ การเป็นเด็กเสี่ย ก็น่าจะสบายกว่าการไปเข้าสังคมและทำตัวให้ผู้คนยอมรับเป็นไหนๆ
ใช่ เธอวางแผนมาแล้ว ว่าเธอจะแต่งตัวสวยไปวันๆ ใช้เงินซื้อทุกอย่างที่อยากได้ โดยไม่ต้องไปเป็นภรรยาของใครให้มันเหนื่อย
"แกลองคิดดูดีๆ สิวะ ถ้าเสี่ยคนนั้น แก่ อ้วน เตี้ย ดำ แล้วก็ซาดิสต์แกจะทำยังไง ชีวิตเด็กเสี่ยก็ไม่ได้สวยหรูนะเว้ย คิดดูให้ดี คิดดูให้ดี!" โสพรรณรู้สึกร้อนใจไปหมด กลัวว่าเพื่อนจะเลือกไปเป็นเด็กเสี่ย มากกว่าเป็นเมียคนหล่อ!
วรกิต มองไปยังข้อความที่ตัวเองได้ส่งไปหาผู้หญิงที่เขาเคยอยากได้เมื่อสิบปีก่อน ด้วยแววตาที่ติดไปทางหงุดหงิดเล็กน้อย
'ถ้าสนใจจะเป็นเด็กของเสี่ย ก็โทรกลับมา เสี่ยยินดีต้อนรับหนูเสมอ' เขาส่งข้อความที่สองไปหาเธอได้สามวันแล้ว แต่แม่สาวสวยก็ไม่ยอมติดต่อกลับมา
"หรือว่าจะเปลี่ยนใจแล้ว" เขาพึมพำขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปส่องความเคลื่อนไหวของเธอในทุกช่องทางที่ได้ติดตามเอาไว้ แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด
"ไง งานเปิดโรงพยาบาลใหม่ของอาปรียา ได้ไปร่วมปะ" แล้วเพื่อนรักที่ถือหุ้นร่วมกันอย่างมนัสก็พรวดพราดเข้ามา
ปรียา บริสุทธิกุล เป็นน้องสาวของบิดาเขา ที่ได้แต่งงานกับนายแพทย์หนุ่มผู้มีความฝันว่าอยากจะเปิดโรงพยาบาลของตัวเอง จนได้ขยายสาขาไปเกือบทั่วประเทศ โดยแน่นอนว่าผู้สนับสนุนหลักก็คือบิดาของเขานั่นเอง
"ไม่ว่ะ" ตอบแบบไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ เหมือนที่ไม่ได้ใส่ใจมาตลอด
"ทำไมวะ งานนี้น้องชายมึงไปเปิดตัวด้วยตัวเองเลยนะ สงสัยจะมารับช่วงต่อจากพ่อแม่อย่างจริงจังสักที" มนัสว่าเชิงแหย่ เพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับครอบครัวนั้น ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่
เพราะมนัสรู้ดีว่าเพื่อนของเขา ไม่เคยเห็นด้วย เรื่องที่บิดาไปร่วมลงทุนช่วยผู้เป็นน้องสาว แต่ไม่ค่อยจะได้ผลกำไรที่น่าพอใจ การบริหารของอาเขย ห่วยแตกแค่ไหนใครเขาก็รู้ดี
"คิดจะเปิดสาขาใหม่ สาขาที่มีก็ทำให้มันดีก่อน" คนแหย่หัวเราะเชิงชอบใจ เพราะผู้ชายปากร้ายอย่างวรกิต ด่าได้สะใจเสมอ
"นั่นดิ ฉันนี่งงมาก ไปนั่งประชุมแทนพ่อแกทีไร หัวจะปวด" มนัสทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยบิดาของเขา และไปมาหาสู่เขาบ้างเพื่อปรึกษาเรื่องงาน เพราะตั้งแต่วรกิตออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง เขาก็ไม่ค่อยจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิจการของครอบครัวนัก แต่ก็นั่นแหละ ด้วยความห่วงใยก็เลยส่งเพื่อนที่ไว้ใจที่สุด เข้าไปช่วยดูแลให้
ธุรกิจของสุทธาธินันท์ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์และผลิตอะไหล่รถยนต์ส่งออก และนอกจากนี้บิดาของเขาก็มักจะลงทุนในหุ้นของโรงพยาบาลน้องสาวมาเสมอ ส่วนมารดาของเขานั้นไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจ มักเอาเวลาไปทำประโยชน์กับมูลนิธิต่างๆ มากกว่า
ส่วนเขาผู้ชื่นชอบในเครื่องดื่ม ผับ บาร์ โรงแรม รีสอร์ท และบริษัทเกี่ยวกับกอล์ฟที่เขาชอบ ก็มาดูแลและบริหารในเรื่องที่ตัวเองชอบ เป็นอิสระจากครอบครัว ตั้งแต่อายุ 22 ปีหลังเรียนจบ ซึ่งก็ถือว่าธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จเสียจน...บิดาและมารดาไม่กล้าบ่นกับชีวิตที่เขาเลือกก็แล้วกัน
"แกดูสิ รูปเปิดตัวอย่างหรูหรา จัดที่อำเภอนั้น...แล้วยังตามมาจัดที่กรุงเทพด้วยนะ อำเภอเล็กๆ แค่นั้น มันจะมีคนเข้าไปใช้บริการเท่าไหร่กันเชียววะ" คนที่พยายามหาเพื่อนบ่นอย่างมนัส ว่าพลางเอารูปให้เพื่อนรักดู แต่รายนั้นหาได้สนใจไม่
"อำเภอเมืองไม่ยอมไป ไปอำเภอเล็กๆ อย่าง..." แต่ชื่่ออำเภอเล็กๆ ที่เพื่อนสนิทเอ่ยออกมา เรียกความสนใจของวรกิตได้
"อำเภออะไรนะ" เขาหันไปสนใจรูปภาพที่ถูกเปิดโชว์ให้ดู ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกถ่ายติดมาด้วย และภาพสายตาของลูกพี่ลูกน้องที่มองไปที่เธอพอดี ทำให้ใจชายแกร่งเต้นแรงขึ้นมา
"หึ อย่างนี้นี่เองสินะ"
เขาพอจะเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมโทรติดต่อเขากลับมา ไม่แม้แต่จะส่งข้อความ..
"อย่างนี้ อย่างไหนวะ?" ส่วนคนที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนรักพูดมา ก็ตกใจไม่น้อย และพยายามมองไปยังรูปภาพพวกนั้น แต่เขาก็ไม่ได้เห็นอะไร ทำได้แค่เกาหัวแกรกเท่านั้น
