บท
ตั้งค่า

Bad Day

หลังกลับมาจากดินเนอร์นัดดูตัว ‘ฟ้าใส’ ก็กลับมาถึงบ้านเกือบสองทุ่ม ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นบันได เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น หญิงสาวล้วงมือเข้าไปและหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถือออกมา หน้าจอจะแสดงเบอร์โทรพร้อมชื่อของปลายสาย ‘เจนนี่’ เพื่อนรักของเธอนั่นเอง

“ว่าไง?” ฟ้าใสกรอกเสียงเนือยๆใส่โทรศัพท์มือถือ

“อยู่ไหนยะ?”

“กลับมาถึงบ้านแล้ว กำลังจะขึ้นห้องไปนอน แกมีอะไรหรือเปล่า?”

“ฉันก็อยากรู้น่ะสิ ว่าดินเนอร์ดูตัวว่าที่เจ้าบ่าวของแกเป็นยังไงบ้าง ไหนเล่าสิ ฉันอยากรู้” ปลายสายทำเสียงตื่นเต้น

“ฮึ ก็แค่ผู้ชายขี้เก๊ก คิดว่าตัวเองหล่อมากคนหนึ่งก็เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”

“แต่ในรูปเขาดูหล่อมากนะ ไม่สะดุดตาแกเลยเหรอ”

“ไม่เลย เจนนี่ ถ้าแกชอบก็มาแต่งงานกับเขาแทนฉันไหม?” เสียงของฟ้าใสชักตึงและเข้มขึ้น หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าและไม่ถูกชะตากับผู้ชายที่พ่อแม่อยากให้แต่งงานด้วย และเธอก็พอจะดูออกว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเช่นกัน

“บ้า แม่เขาไม่ได้อยากได้ฉันเป็นลูกสะใภ้ซะหน่อย แกก็พูดไปเรื่อย เออ ๆ นี่ฉันกับพวกพี่ดาด้ากำลังแต่งตัวกันอยู่ สี่ทุ่มเจอกันที่เดิม โอเคป้ะ?”

“แกจะบ้าเหรอ! วันนี้คุณพ่อคุณแม่อยู่บ้านทั้งคู่ แกจะให้ฉันออกไปยังไง” ฟ้าใสพูดเสียงเบาลงจนเหมือนเสียงกระซิบ พลางรีบเดินจ้ำขึ้นบันไดเข้าห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว

“ก็แอบออกมาเหมือนทุกทีไง ฉันรู้ว่าแกทำได้น่าเพื่อนรัก”

“โอเค งั้นฉันอาจจะไปถึงช้าหน่อยนะ” แม้จะรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ลังเลในตอนแรกแต่ฟ้าใสก็ตอบตกลง เพราะเธอไม่ได้ออกไปเที่ยวนานหลายเดือนแล้ว และรู้สึกว่าช่วงนี้มีเรื่องเครียดเต็มไปหมดจึงอยากออกไปปลดปล่อย ไม่เช่นนั้นความรู้สึกกดดันที่อยู่ภายในใจคงได้ระเบิดออกมาแน่

ทุกครั้งที่ฟ้าใสแอบออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ๆ เธอต้องรอให้ทุกคนในบ้านเข้านอนก่อน จึงค่อยแอบย่องออกมาทางประตูรั้วหลังบ้าน ทำให้ที่ผ่านมาเธอไม่เคยถูกจับได้ และพ่อแม่ก็ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าลูกสาวที่ภายนอกดูเป็นเด็กเรียบร้อยจะแอบหนีเที่ยวกลางคืนตั้งแต่อายุสิบแปด จนตอนนี้อายุปาเข้าไปจะสามสิบแล้วก็ยังทำเช่นเดิมอยู่

ตั้งแต่เล็กจนโตฟ้าใสต้องรักษาภาพพจน์เด็กเรียน เธอถูกฝึกอบรมเรื่องกิริยามารยาทให้เป็นกุลสตรี และต้องดำเนินชีวิตตามกรอบที่พ่อแม่ได้กำหนดให้เท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นต่างได้ แม้แต่เรื่องส่วนตัวเพราะทุกสิ่งที่ผู้ใหญ่เลือกให้ล้วนดีแทบทั้งสิ้น

หากใครจะรู้บ้างว่าภายในใจลึกๆแล้วเธอรู้สึกกดดันมากแค่ไหน ชีวิตของตัวเองที่ไม่เคยได้เลือกและต้องพยายามทำสิ่งที่พ่อแม่เลือกให้สำเร็จ เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ต้องแบกความหวังของพ่อแม่ ดังนั้นจึงทำอะไรผิดพลาดไม่ได้แม้สักเรื่องเดียว

หมอฟ้าใสเรียนจบแพทย์และไปทำงานใช้ทุนอยู่สองปี ก่อนจะเข้ามาทำงานบริหารของโรงพยาบาลในเครือพัฒน์พิมายเฮลท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของตระกูล หญิงสาวต้องทำงานในส่วนของผู้บริหารและเรียนแพทย์เฉพาะทางควบคู่ไปด้วย

จนตอนนี้สามารถเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งของตัวเองได้ เป็นที่ภูมิอกภูมิใจของพ่อแม่อย่างมาก และยังได้รับคำชื่นชมจากบรรดาญาติ ๆ เป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล เธอคิดว่าชีวิตอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย หากเมื่อสัปดาห์ก่อนคุณหมอฟ้าใสเพิ่งมารับทราบข่าวร้ายจากมารดา

“แม่คิดว่าถึงเวลาที่ลูกต้องแต่งงานแล้วนะ ฟ้าใส”

“แต่หนูยังไม่มีแฟนเลยเลยนะคะ คุณแม่”

“ลูกไม่มีแฟนนี่แหละดีแล้ว เพราะแม่ดูคนที่เหมาะสมกับลูกไว้ให้แล้ว อาทิตย์หน้าแม่จะนัดให้ลูกไปเจอกับเขานะ”

“คุณแม่ เรื่องนี้เรื่องจริงเหรอคะ?” ฟ้าใสขมวดคิ้วทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที ตอนแรกเธอคิดว่ามารดาแค่พูดเปรยเล่นๆ ทว่าเธอต้องอ้าปากค้างพูดไม่ออกเมื่อมารดาพยักหน้าบอกว่าเป็นเรื่องจริง

“คุณพ่อคะ หนูยังไม่อยากแต่งงานค่ะ” หญิงสาวรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากบิดาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น

“คุณพ่อไม่ได้เห็นด้วยใช่ไหมคะ?” ฟ้าใสเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อเห็นบิดาถอนหายใจก่อนพูด

“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นพ่อก็อาจจะไม่เห็นด้วย แต่นี่เป็นลูกชายคนเดียวของคุณหญิงกานดากับท่านนายพลพิสิทธิ์ พ่อก็คิดเหมือนแม่ ไม่มีใครเหมาะสมกับลูกสาวพ่ออีกแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคนั้น ทำให้โลกทั้งใบของฟ้าใสแทบจะพังทล่มทลายลงมา เธอไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ‘คลุมถุงชน’ เธอต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักหรือชอบ ไม่แม้แต่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แต่ต้องแต่งเพราะความเหมาะสมทางฐานะหน้าตาทางสังคม

ฟ้าใสก้มหน้านิ่งกัดริมฝีปากตัวเองแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธออยากจะโต้แย้งท่านทั้งสองว่าไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แต่ก็ปากหนักพูดไม่ออกเพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเถียงสักคำ จึงทำได้แค่เก็บคำพูดทั้งหมดกลืนลงคอไปเช่นทุกครั้ง

การเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเป็นเรื่องดีของพ่อแม่ แต่กลับทำให้ลูกรู้สึกกดดันและทรมานมาก ฟ้าใสกลายเป็นคนพูดน้อยเก็บเนื้อเก็บตัว และยังรู้สึกเก็บกดจนเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่โชคดีที่มีเพื่อนสนิทคอยรับฟังปัญหาเวลาที่เธอรู้สึกแย่ คอยให้กำลังใจคอยซับพอร์ต ทำให้หญิงสาวสามารถผ่านวันเวลาอันเลวร้ายมาได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel