เสพติดรักว่าที่คุณภรรยา

118.0K · จบแล้ว
เดวาดาวี
81
บท
15.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

การแต่งงานที่ไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก ทำให้ชาคริตกับฟ้าใสรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าและไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ มาร่วมลุ้นว่าความรักจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคอันยุ่งเหยิงไปได้ไหมนะ

นิยายรักโรแมนติกแต่งงานสายฟ้าแลบหมอรักหวานๆรักแรกพบโรแมนติกนัดบอดแต่งงานก่อนรักฟินๆ18+

ด้านมืดที่ไม่มีใครรู้

หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วเจ้าของรถซูเปอร์คาร์คันหรูราคาเฉียดสิบล้านก็เดินตรงไปกดปุ่มหน้าลิฟต์ซึ่งเป็นลิฟต์แบบส่วนตัว พอประตูเปิดเขาก็ก้าวเท้าเข้าไปยืนด้านใน

สายตาคมดุจ้องมองใบหน้าอิดโรยของตัวเองผ่านกระจกเงา ใบหน้าที่ใครต่างก็ชื่นชมว่าหล่อปานเทพบุตร ครบเครื่องทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะแถมเป็นหนุ่มในฝันของสาวน้อยสาวใหญ่ ทว่าเขากลับรู้สึกเฉยชาไม่ยินดียินร้ายต่อคำชมนั้นเลยสักนิด

แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาใช้ใบหน้าหล่อ ๆ นี้ล่อลวงหญิงสาวพวกนั้นให้เข้ามาติดกับดักได้อย่างง่ายดายเพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก หากแต่เป็นเซ็กซ์ การได้เสพสมเรือนร่างของพวกเธอนั่นแหละที่เขาชอบที่สุดและนี่คือด้านมืดที่ไม่มีใครรู้ นั่นคือเขาเป็นโรคเสพติดเซ็กซ์

ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร ช่วงวัยรุ่นเขาก็แค่เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่รักสนุกมีความต้องการทางเพศสูง แต่นานวันเข้าหนุ่มเจ้าสำราญก็เริ่มหมกหมุ่นเกี่ยวกับเรื่องเพศและอยากมีเซ็กซ์แบบแปลกใหม่และเร้าใจตลอดเวลามันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาไม่มีสมาธิ จิตใจไม่จดจ่อต่อเรื่องเรียนหรือคิดอยากจะทำอย่างอื่น นอกจากการทำเรื่องอย่างว่า

ชาคริตเริ่มทนทุกข์ทรมานกับอาการของโรคติดเซ็กซ์ มันรุนแรงถึงขั้นถ้าวันไหนไม่ได้ปลดปล่อย เขาจะมีอาการหงุดหงิดไม่เป็นตัวของตัวเองถึงขนาดคุ้มคลั่งทำลายข้าวของไม่สามารถควบคุมความคิดและสติของตัวเองได้ ทำให้เขากลายเป็นตัวประหลาดในความรู้สึกของตัวเอง

ความรู้สึกนี้สร้างปัญหาและนำไปสู่การปฏิเสธตัวเอง ไม่เคารพตัวเองและถึงขั้นที่เขาคิดอยากจะฆ่าตัวตายเพื่อให้หลุดพ้นจากเจ้าโรคบ้านี่

ตอนนั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเพื่อนสนิทของเขา ‘ภคิน’ เป็นคนแนะนำจิตแพทย์และพาชาคริตไปเข้าสถานบำบัดเพื่อรับการรักษาอาการเสพติดเซ็กซ์ขั้นรุนแรง

การเข้ารับการรักษากินเวลาเกือบสองปีกว่าชาคริตจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ไม่ใช่ว่าการรักษาจะทำให้เขากลายเป็นคนไม่ต้องการเซ็กซ์อีกต่อไป หากการรักษาทำให้เขาสามารถควบคุมและยับยั้งชั่งใจได้มากขึ้น หรืออาจเป็นเพราะอายุที่มากภาระหน้าที่การงานที่หนักขึ้น จึงทำให้เขามีเวลาคิดถึงเรื่องอย่างว่าน้อยลง

ถึงกระนั้นทุกคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ ชาคริตจะออกไปเที่ยวดื่มและนอนกับผู้หญิง อาจจะเป็นเด็กนั่งดริงก์ที่เขาเรียกมาหรือผู้หญิงคนไหนสักคนที่เขาอยากได้ เช่นคืนที่ผ่านมาเขาทำไปหลายยกเสร็จไปหลายน้ำจนสว่างคาตา

ติ้ง! เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงเพนต์เฮาส์ชั้นที่39 ชายหนุ่มก็หลุดจากภวังค์แห่งความคิดและหมุนตัวออกจากกระจกเงากำลังจะก้าวเท้าออกจากลิฟต์ แต่หูก็ได้ยินเสียงของมารดาดังออกมาจากโชนห้องครัว

ชาคริตขมวดคิ้วเกิดความคิดอยากจะหดเท้าคืนกลับเข้าไปที่เดิมแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อคุณหญิงกานดาตะโกนเรียกเอาไว้ได้ทัน

“ชาคริต! นี่แกเพิ่งกลับมาเหรอ เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา? ”

“ผมก็แค่ออกไปหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ” ชาคริตเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตรงกลางห้องโถง เขานอนเหยียดขาไปตามความยาวของโซฟารูปตัวแอล ก่อนจะหลับตาลงด้วยรู้สึกอ่อนเพลียและหมดเรี่ยวหมดแรง เมื่อได้ยินเสียงของมารดาบังเกิดเกล้าบ่นไม่หยุด

“ไปหาความสุขของแกคือการไปนอนกับพวกผู้หญิงชั้นต่ำพวกนั้นน่ะเหรอ ไม่กลัวติดโรคมาบ้างเลยหรือไง โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้าตาย ทำไมฉันถึงมีลูกชายเป็นพวกสำส่อนแบบนี้นะ ตาคริต! นี่แกฟังฉันอยู่หรือเปล่า” คุณหญิงกานดาเดินเข้ามาเขย่าตัวบุตรชายที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนโซฟา

“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมา ใช้ชีวิตไม่มีแก่นสารแบบนี้สักที อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบห้าแล้วนะ แกควรจะแต่งงานมีหลานให้ฉันอุ้มได้แล้วนะตาคริต”

“คุณแม่ก็อายุปาเข้าไปหกสิบห้าแล้วนะครับ เมื่อไหร่จะเลิกบ่นผมสักที บ่นตั้งแต่ผมห้าขวบจนสามสิบห้า ไม่เบื่อบ้างหรือไงครับ” ชาคริตย้อนคำพูดของมารดาทำให้เขาถูกฟาดเข้าที่แขนอย่างเต็มแรง

“ปากเหรอนั่นที่พูด นี่ฉันแม่แกนะ!”

“โอ๊ย! ผมเจ็บนะครับคุณแม่” ชาคริตยกมือขึ้นลูบที่แขนแต่ก็ยังนอนหลับตาอยู่ท่าเดิม

“ฉันหมดความอดทนกับแกแล้วนะ คราวนี้ฉันจะเอาจริง” คุณหญิงกานดาพูดเสียงเข้มจริงจังขึ้นกว่าเดิม ทำให้คนร่างใหญ่ที่นอนหลับตาอยู่ลืมตาขึ้นแล้วหันมาสบตาด้วย

“วันนี้ตอนเย็น ฉันนัดคุณผกากับลูกสาวเอาไว้”

“เดี๋ยวนะครับคุณแม่ ผมเคยบอกแล้วว่าผมจะไม่ไปดูตัวอีก ผมไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น!” เพียงแค่มารดาเกริ่นออกมาประโยคแรก เขาก็รู้ทันทีว่าหมายความว่าอย่างไร

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกนัดดูตัว ปีนี้ทั้งปีปาเข้าไปสามครั้งแล้ว หากไม่มีผู้หญิงคนไหนถูกใจเขาสักคนไม่มีใครที่พอจะมาเป็นทั้งเมียและอีตัวบนเตียงได้สักคน

“หมายความว่ายังไงไม่อยากแต่งงานหรือแกจะรอให้อีพวกกะหรี่มันจับแกทำผัวซะก่อนรึไง ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ซะที่ไหน ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้าไม่ใช่หนูฟ้าใส ฉันจะไม่รับเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด แล้วถ้าแกยังดื้อไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก”

“แต่ผมเป็นลูกชายคนเดียวของคุณแม่ ยังไงซะมรดกก็ต้องตกเป็นของผมอยู่ดี”

“แกคิดว่า ฉันจะใจดีกับแกขนาดนั้นเหรอ ชาคริต หึ! ฉันจะทำพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้มูลนิธิของฉัน แกเตรียมอดตายได้เลย!”