พ่อครู : 3
ตอนที่ 1 : รับขันครู :
วันนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง กลุ่มเมฆปลอดโปร่งเปิดทางให้แสงจันทร์นวลสว่างอาบทั่วท้องฟ้า
ภายในกุฏิมีพระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่เงียบ ๆ ครั้นท่านลืมตาขึ้นมาแววตานั้นราวกับผู้ละทิ้งทางโลกเพื่อไปเวียนว่ายตายเกิดตามบ่วงกรรม
"ในที่สุดวันนี้ของอาตมาก็มาถึง"
พระคุณเจ้าผู้ชราภาพ 56 พรรษา เอ่ยเสียงแหบแห้ง ท่านค่อย ๆ ลุกขึ้นเพื่อออกจากกุฏิไปพบใครบางคนที่ถูกเลือก
เรือนเด็กวัด
"เดย์ เดย์เอ๊ย"
พระคุณเจ้าตะโกนเรียกเด็กวัดผู้หนึ่งที่ท่านเก็บมาเลี้ยงดูราวลูกในไส้ตั้งแต่แบเบาะ ไม่นานประตูห้องพักส่วนตัวของเจ้าของชื่อก็เปิดออก
"หลวงตามีอะไรจะใช้เหรอครับ"
หนุ่มน้อยวัยสิบสามยกมือขยี้ตาเมื่อถูกปลุกกลางดึกสงัด
"ตามหลวงตามา"
พระคุณเจ้ากล่าวจบก็เดินกลับมายังศาลาหลังหนึ่ง ภายในนี้มีข้าวของที่ตระเตรียมไว้ราวกับสักวันหนึ่งต้องได้ใช้มัน
"หลวงตามีอะไรเหรอครับ"
เด็กหนุ่มที่ชื่อเดย์เอ่ยถามหลวงตาชรา สายตาก็กวาดมองสอดส่องไปทั่วศาลาที่เปลี่ยวท่ามกลางยามราตรีเงียบสงัด หลวงตาผู้ชราไม่เอ่ยใด ๆ ท่านนั่งลงบนเบาะรอง นั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้า
หากเดย์สังเกตเห็นผ่านแสงสว่างของตะเกียงน้ำมัน เขาคงเห็นใบหน้าที่อิดโรยของหลวงตาเป็นแน่
"ประนมมือขึ้น" เสียงแหบแห้งเหมือนคนอ่อนล้าของหลวงตาดังขึ้น
เดย์ไม่รีรอรีบยกสองมือประนมกลางอกอย่างว่าง่าย แม้ในใจลึก ๆ จะมีความสงสัยว่าหลวงตาปลุกเขากลางดึกมานั่งประนมมืออะไรที่ศาลาเช่นนี้
“เอ็งจงจำคำพูดของหลวงตาต่อจากนี้ไว้ให้ดี…”
เสียงแหบพร่าของหลวงตาเอื้อนเอ่ย ท่านสูดอากาศหายใจเข้าปอดอึกหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ
"เอ็งคือผู้ถูกเลือกจากครูทั้งหลายที่อยู่ในตัวหลวงตา จากนี้จงรับขันครูเพื่อผูกเรียนรู้วิชาจากพ่อครูทั้งหลายในนิมิต"
แม้จะฟังไม่เข้าใจแต่หนุ่มน้อยก็ไม่เอ่ยถามสักคำ เพราะเขารู้ดีว่า สิ่งที่หลวงตามอบหมายให้เขาล้วนเป็นสิ่งที่ดี และหากเขาเชื่อฟัง เท่ากับว่าเขาได้ทดแทนบุญคุณที่หลวงตาเลี้ยงดูแล้ว
"ครับผม" เดย์ตอบเสียงหนักแน่น
พระคุณเจ้ายิ้มบาง ๆ ให้ผู้ที่ชุบเลี้ยงมา ก่อนจะหันไปหยิบของสำคัญ หลวงตายกขันเครื่องครูที่เตรียมไว้ขึ้น ข้างในขันนั้นมีน้ำอบ ดอกไม้ ธูป เทียน และผ้ายันต์สีแดง
“หลังจากเอ็งรับขันครูนี้ไป ครูท่านจะลงมาสิงสถิตคุ้มครองกันภัยให้เอ็ง และสิ่งนี้จะผูกพันเอ็งไปจนตาย”
เด็กน้อยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อได้ยินคำว่า 'ผูกพันไปจนตาย' มือทั้งสองข้างที่ประนมอยู่สั่นไหว แต่เมื่อสายตาประสานกับหลวงตาที่เต็มไปด้วยเมตตาและน่าเคารพมองมา ความกลัวกลับถูกแทนที่ด้วยแรงศรัทธา ค่อย ๆ ก้มหน้าลงกราบสามครั้งเพื่อรับขันครูมาถือไว้
เสียงสวดมนต์ของหลวงตาดังกังวานไปทั่วศาลา เดย์ฟังแล้วคล้ายกับเสียงสวดนั้นไม่ใช่เพียงเสียงเดียว แต่เหมือนมีหลายเสียงสอดประสานรอบตัวเขา สุนัขจรจัดในวัดต่างส่งเสียงเห่าหอนราวสื่อหรือเห็นบางอย่างทีดวงตามนุษย์สัมผัสไม่ได้
“ต่อแต่นี้ไปเอ็งคือศิษย์ครู เอ็งคือผู้สืบทอดวิชา”
เดย์ยกขันครูในมือขึ้นจรดหน้าผากพร้อมน้อมรับโชคชะตาที่ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
"เสร็จพิธีรับขันครูแล้ว ต่อไปหลวงตาจะลงยันต์คุ้มกันไว้ให้ เอ็งไปนอนตรงนู้นไป ถอดเสื้อออกด้วยละ"
เดย์กลืนน้ำลายลงคออีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่าลงยันต์ที่แปลว่าการสักลงบนร่างกาย
"ไม่ต้องกลัว สิ่งนี้ดีต่อเอ็ง"
เห็นหลวงตาหันมามองด้วยความอบอุ่นแล้ว เด็กน้อยจึงคลายความกลัวลง คลานเข่า ถอดเสื้อ แล้วนอนลงบนเสื่อน้อยที่ถูกเตรียมไว้อย่างดี สายตาก็มองไปที่มือหลวงตา เห็นไม้ยาวหนึ่งวา ตรงปลายสอดเข็มแหลมคมเอาไว้ แค่เห็นก็แทบจะลืมหายใจ
"หลวงตาเริ่มแล้วนะ"
พระคุณเจ้าไม่รอให้เด็กวัดผู้นี้ตอบ ท่านก็ค่อย ๆ ลงเข็มลงบนผิวเนื้อของเด็กน้อยวัยสิบสามพร้อมสวดบทคาถาที่เดย์ไม่มีวันลืม
