9. เป้าหมายเดียวกัน
“แต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนี้จะไปไหนล่ะยัยอร”
ธันยพร แซวน้องสาวที่อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกเอวลอยท่อนล่างเป็นกระโปรงมินิสเกิร์ตสั้นเหนือเข่า แม้จะดูโป๊ในสายตาของพี่สาว แต่ธันยพร ก็ต้องทำใจยอมรับกับแฟชั่นที่น้องสาวชอบ
“อรมีนัดกับคุณต้นที่ร้านอาหารเพื่อนเขาค่ะ”
“อ๋อ..คุณต้นที่ส่งอาหารมาให้เมื่อวันก่อนโน้นใช่ไหม”
“นั่นแหละค่ะ อร จะไปเป็นกำลังใจให้เขาค่ะ เขากำลัง
ฝึกทำอาหารไทยเพื่อไปประกวดแข่งขันในรายการทีวีค่ะ”
“วันหลังก็ชวนคุณต้นมาที่บ้านสิ พี่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนของเธอคนนี้ซะหน่อย”
“อรจะพาเขามารู้จักกับพี่พรแน่นอนในฐานะแฟน ไม่ใช่เพื่อนค่ะ”
อรอนงค์ บอกอย่างมั่นใจ
“แฟนเลยรึ กะจะคบเป็นแฟนนานแค่ไหนล่ะ”
พี่สาวถามแบบคนที่รู้จักน้องสาวของตัวเองดี เพราะที่ผ่านมา แม้น้องสาวจะอยู่ที่ต่างประเทศกับป้าสดศรี แต่ป้าก็คอยรายงานพฤติกรรมของน้องสาวให้ทราบอยู่เสมอ
ธันยพร จึงรู้ว่าน้องสาวของเธอนั้น เป็นคนเบื่อง่ายหน่ายเร็วคบกับผู้ชายแบบไม่จริงจัง จึงเปลี่ยนคู่เป็นว่าเล่น แต่ก็ยังไม่เคยคบกับหนุ่มไทยมาก่อน เพิ่งจะมีต้นกล้า เป็นคนแรกที่น้องสาวสนใจ
“คนนี้อรจริงจังค่ะ จะคบกับเขาจนแต่งงานกันเลยล่ะ”
“ขอให้จริงเถอะ พี่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานให้เลย”
“จริงแท้แน่นอนที่สุดค่ะ ถ้าไม่แน่ใจ อรก็คงไม่ตามเขามาที่เมืองไทยหรอกค่ะ แต่ที่อรตามมาก็เพราะอร..รักเขา”
“ไม่ใช่เพราะอยากเอาชนะ เพราะเธอยังไม่ได้เขาหรือ”
ธันยพร ถามตรง ๆ แบบไม่อ้อมค้อม
“นั่นก็มีส่วนค่ะ อรก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าอรอยากได้จะมีผู้ชายคนไหนกล้าปฏิเสธบ้าง”
อรอนงค์ บอกอย่างมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง เพราะที่ผ่านมา เคยใช้ได้ผลกับผู้ชายทุกคนที่เธอสนใจ ไม่เคยพลาด
“เฮ้อ!ยัยอรเอ๊ย..อายุเธอก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะ พี่ว่าเธอควรจะ..”
“หยุดเลยพี่พร อุตส่าห์หนีคุณป้าจากอเมริกามาแล้วเชียว ไม่ต้องเทศนาภาษาเดียวกับคุณป้าเลยนะ อรขี้เกียจฟัง ไปล่ะ”
อรอนงค์ ทำหน้าบึ้งตึงยกมือห้าม พร้อมกับเดินหนีไปดื้อ ๆ จนพี่สาวอ้าปากหวอ มองตามตาปริบ ๆ ก่อนจะพึมพำออกมากับตัวเองว่า
“พรเข้าใจหัวอกป้าแล้วล่ะค่ะ ว่าทำไมป้าถึงได้กลุ้มใจกับยัยอร จนต้องโทรมาระบายกับพร เป็นประจำ”
ธันยพร กับ อรอนงค์ เป็นพี่น้องที่ถูกเลี้ยงดูมาจากป้าสดศรี นับตั้งแต่บิดามารดาของทั้งคู่ ได้เลิกรากันไปตั้งแต่พี่สาวคนโตอายุ 7 ขวบ และน้องสาวอายุเพียงขวบเดียวเท่านั้น
โดยบิดาไปมีครอบครัวใหม่ ไม่เคยหันกลับมาดูดำดูดีลูกทั้งสองอีกเลย เรียกว่าไปแล้วไปลับไม่กลับมาก็ว่าได้
ในขณะที่มารดานั้น ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้แบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ต้องยกสองพี่น้องให้อยู่ในความดูแลของป้าสดศรี ผู้เป็นพี่สาว ซึ่งมีฐานะทางการเงินที่ดีกว่า และต่อมามารดาก็ล้มป่วยเสียชีวิตในช่วงที่สองพี่น้องยังเรียนอยู่ชั้นประถมเท่านั้น
ดังนั้น ป้าสดศรี จึงต้องรับภาระดูแลสองพี่น้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ป้าสดศรีไม่มีครอบครัว จึงสามารถดูแลรับภาระค่าใช้จ่ายให้กับหลาน ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
เนื่องจากป้าสดศรี ได้ลาออกจากงานพยาบาลที่เมืองไทย และไปทำงานที่อเมริกา ทำให้มีรายได้เพียงพอที่จะส่งเสียให้ธันยพร เรียนจนจบปริญญาได้
ส่วนอรอนงค์ นั้น เกเรไม่ชอบเรียน จนป้าสดศรีต้องพาไปอยู่ด้วยที่อเมริกา และเคี่ยวเข็ญให้หลานสาวเรียน แต่อรอนงค์ก็เรียนอะไรไม่จบเป็นชิ้นเป็นอัน แถมไม่เชื่อฟังผู้เป็นป้าอีกด้วย
ยิ่งโต อรอนงค์ ก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นป้า และพี่สาวหนักใจในพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งเรื่องที่ไม่ยอมเรียนให้จบ ไม่ยอมทำงาน รวมถึงเรื่องผู้ชายที่อรอนงค์ มักจะควงหนุ่ม ๆ ไม่ซ้ำหน้า จนได้ฉายา “คลาสโนวี่” เป็นที่กล่าวขานกันในกลุ่มคนไทยในต่างแดนที่รู้จักกับป้าสดศรี
ธันยพร ต้องรับฟังพฤติกรรมของน้องสาวจากที่ป้าสดศรีคอยโทรมาระบายจากต่างแดนให้รับรู้อยู่เสมอ
ก่อนที่อรอนงค์ จะกลับมาเมืองไทยนี้ ป้าสดศรี ก็ได้โทรมาบอกล่วงหน้าเช่นกันว่า
“ไม่รู้ว่ายัยอร คิดยังไงถึงอยากจะกลับเมืองไทย ป้าบอกให้รอกลับมาพร้อมกันก็บอกว่ารอไม่ไหว จะว่าคิดถึงพี่สาวก็ไม่แน่ใจ ป้าก็คิดในแง่ดีว่ายัยอร คงจะเริ่มคิดได้แล้วล่ะ พรก็คอยอบรมบ่มนิสัยน้องสาวเราหน่อยก็ดีนะ หรือจะหางานให้ยัยอรทำด้วยก็ยิ่งดี อย่างน้อยก็คงจะพอช่วยให้รู้จักรับผิดชอบได้บ้าง ไม่ใช่คอยแต่จะแบมือขอเงินป้า ขอเงินพี่อยู่แบบนี้ แล้วไหนจะเรื่องผู้ชายอีก ป้าล่ะหวั่นใจเหลือเกิน อยากจะให้ยัยอร มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ได้แต่งงานเป็นหลักเป็นฐานเหมือนพรเสียที ป้าจะได้สบายใจหายห่วง”
ธันยพร นึกถึงคำพูดของป้าแล้ว ก็ได้แต่สงสารเห็นใจป้าที่ต้องคอยเป็นห่วงเป็นใยอรอนงค์ เหมือนลูกในไส้ แต่น้องสาวของเธอก็มองความห่วงใยเป็นความน่ารำคาญไปโน่น
เหมือนกับที่ธันยพร ได้เห็นท่าทางแสดงความรำคาญไม่พอใจในเวลาที่เธอจะอบรมแนะนำนั่นเอง
“ต้น!..”
เสียงเรียกนั้น ดังพอที่จะทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองพอเห็นว่าเป็นเสานีย์ กับ นิษฐา ก็ยิ้มกว้าง เดินเข้าไปหา
“กำลังจะโทรหาพอดี ไม่นึกว่าจะมาพบต้นเสียก่อน”
เสาวนีย์ พูดขึ้น เธอมากับนิษฐา เพื่อเป็นกำลังใจให้กับต้นกล้าในการแข่งขันการทำอาหารในครั้งนี้ด้วย
“อาร์ตล่ะ ไม่มาด้วยกันเหรอ”
ต้นกล้า มองหาอายุธ
“จะมาตอนเลี้ยงฉลองโน่นล่ะ” เสาวนีย์บอก
“ว้าว..วันนี้แต่งตัวสวยจนจำแทบไม่ได้เลยนะนิด”
ต้นกล้า หันไปทักนิษฐา ด้วยแววตาชื่นชม จนทำให้คนที่ถูกชมยิ้มเขินด้วยความพอใจ มิเสียแรงที่เธอไปให้ช่างช่วยแต่งหน้าทำผมตั้งแต่เช้า และได้เสาวนีย์ ช่วยเลือกชุดแสกเข้ารูป ที่เน้นทรวดทรงให้เห็นสรีระได้เด่นชัด
“ฮ้าย! ต้น..อร..มาแล้วค่ะ”
อรอนงค์ ส่งเสียงมาแต่ไกลเพื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวมาแล้ว เหตุที่ต้องส่งเสียงมาก่อน เพราะเห็นว่ามีหญิงสาวสองคนยืนคุยอยู่กับต้นกล้า โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในชุดแสกที่ต้นกล้ากำลังมองอย่างชื่นชมนั้น ก็ทำให้อรอนงค์ รีบส่งเสียงมาก่อนเพื่อให้เขาหันมาสนใจเธอแทนผู้หญิงคนนั้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่
“หวัดดีครับอร”
ต้นกล้า หันไปกล่าวทักทายอรอนงค์ จากนั้นก็แนะนำให้ทั้งสามสาวได้รู้จักกัน
อรอนงค์ จำต้องส่งยิ้มหวานให้กับสองสาว แม้ในใจจะรู้สึกไม่ถูกชะตาเลยก็ตาม เมื่ออรอนงค์ สังเกตเห็นสายตาของนิษฐา ที่มองต้นกล้า ด้วยแววตาเป็นประกาย ดูก็รู้ว่าชื่นชมผู้ชายคนเดียวกับตนเป็นแน่แท้
“เก๋กับนิด มาก็ดีแล้วล่ะ คุณอรจะได้มีเพื่อน ตอนนี้ผมคงต้องไปลงทะเบียนแล้วล่ะ เอาไว้เจอกันตอนงานเลิกนะ”
ต้นกล้า บอกกับสามสาว พร้อมกับฝากฝังให้เพื่อนช่วยดูแล อรอนงค์ด้วย
“แล้วเราจะไปยืนเชียร์ใกล้ ๆ นะต้น”
นิษฐา บอกต้นกล้า พร้อมส่งแววตาหวานซึ้งเป็นพิเศษจนอรอนงค์ นึกหมั่นไส้
ต้นกล้า พยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วก็ขอไปเตรียมตัวเพื่อเข้าแข่งขัน ทั้งสามสาวมองตามส่งกำลังใจ
“พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกับต้นมาตั้งแต่เด็กค่ะ เป็นคนเมืองเพชรด้วยกัน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมปลาย แล้วก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ถึงต้นจะไปเรียนต่อที่อเมริกา แต่ก็มีไลน์กลุ่มติดต่อกันอยู่ตลอด”
เสาวนีย์ บอกอรอนงค์ เป็นการชวนคุย ซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารับรู้
“ไม่ทราบว่าคุณอร รู้จักกับต้นนานแล้วเหรอคะ”
นิษฐา ถามอรอนงค์ เพื่อเป็นข้อมูลเอาไว้ก่อน เพราะเธอรู้สึกว่าอรอนงค์ พยายามที่จะทำตัวเหมือนกับว่าสนิทสนมกับต้นกล้า เป็นพิเศษ
“ก็พอสมควรค่ะ”
อรอนงค์ ไม่กล้าบอกความจริงว่าเพิ่งจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับต้นกล้า ไม่กี่เดือนนี้เอง
“ต้นไม่เคยพูดถึงคุณอรให้พวกเรารู้จักมาก่อน แสดงว่าเพิ่งจะรู้จักกับต้น ใช่ไหมคะ”
นิษฐา พูดเหมือนจะข่มให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเธอมีความสำคัญกับต้นกล้า มากกว่า
“แม้อร รู้จักกับต้นไม่นานเท่าคุณสองคน แต่อรก็สนิทสนมผูกพันกับต้นมากค่ะ ที่อเมริกา เราอยู่รัฐเดียวกัน มีที่พักอยู่ใกล้กัน ได้เจอหน้ากันทุกวัน และที่สำคัญคุณแม่ของต้นก็เป็นเพื่อนพยาบาลที่สนิทกับคุณป้าของอร ที่อเมริกาด้วยค่ะ”
อรอนงค์ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน เธอมีแววตาสะใจที่เห็นสองสาวหันไปมองหน้ากันอย่างไม่ตั้งใจ
“ไม่เห็นต้นเคยเล่าให้ฟังมาก่อนเลยนะคะว่ามีเพื่อนคนไทยที่น่ารักอย่างคุณอร อยู่ที่อเมริกาด้วย”
เสาวนีย์ พูดเอาใจ หวังว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากอรอนงค์ บ้าง
“ต้นเขาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ไม่ค่อยชอบพูดถึงใคร เขาจะเป็นผู้ชายสไตล์เงียบ ๆ แต่ก็เป็นคนโรแมนติกนะคะ บางทีก็ชอบทำเซอร์ไพรส์ ทำอาหารอร่อย ๆ มาให้อรทานอยู่เรื่อยเลย”
อรอนงค์ พูดให้สองสาวเข้าใจว่า เธอกับต้นกล้ามีความสัมพันธ์กันเกินกว่าเพื่อนธรรมดา
“ขอโทษนะคะคุณอร เราสองคนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”
นิษฐา ไม่อยากจะฟังอรอนงค์ เล่าอะไรอีกต่อไป
“เชิญตามสบายค่ะ เดี๋ยวอร นั่งรอที่นี่นะคะ จะได้ไปเชียร์ให้กำลังใจต้นพร้อมกัน ต้นคงจะดีใจที่เห็นคุณสองคนดูแลอรอย่างดี เขารู้ว่าอรไม่มีเพื่อนที่เมืองไทย เขาห่วงอรมาก กลัวอรจะเหงาก็เลยให้คุณสองคนคอยเป็นเพื่อนอรไงคะ”
อรอนงค์ พูดให้สองสาวเห็นความสำคัญของตน
