8. ชายเจ้าเสน่ห์
“ก็ยัยอร เที่ยวเร่ไปนอนกับพวกฝรั่งบ้าง จีน ญี่ปุ่นบ้าง ไม่ยอมเรียน จนป้าสดศรีของยัยอร กลุ้มใจอยากจะส่งกลับไปอยู่กับพี่สาวที่เมืองไทย แต่ยัยอรก็ไม่ยอมกลับ สดศรีก็ได้แต่บ่นทำอะไรกับยัยอรไม่ได้ เห็นว่าเป็นลูกกำพร้าก็เลยอดเวทนาไม่ได้ แม่ไม่ได้รังเกียจยัยอรนะถ้าจะคบเป็นเพื่อนกันน่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นแฟน แม่ไม่เห็นด้วย แม่ไม่อยากให้ต้นได้แฟนที่ขี้เบื่อง่าย ใช้ผู้ชายเปลือง เกิดวันไหนยัยอรเบื่อต้นขึ้นมา ก็คงจะไปหาผู้ชายคนใหม่ไปเรื่อย ๆ ต้นก็จะเสียใจ”
ในตอนแรก คำพูดของคุณชดช้อยนั้น ต้นกล้าก็แค่รับฟังไว้เฉย ๆ เพราะไม่คิดว่าอรอนงค์ จะสนใจอะไรเขามากมาย
แต่พอนานวันเข้า อรอนงค์ ก็แสดงให้เห็นว่าเธอมีความสนใจเขาอย่างจริงจังมากขึ้น ถึงขั้นที่ตามเขามาที่เมืองไทย แม้ว่าเธอจะพักอยู่กับพี่สาว แต่สักวัน เธอก็คงจะตามมาหาเขาที่ห้องพักในคอนโดแห่งนี้ก็ได้ ซึ่งคุณชดช้อย ก็ได้กำชับกับเขาเอาไว้แล้วว่า
“อย่าให้ยัยอร ไปค้างที่ห้องคอนโดกับต้นเด็ดขาดเชียวนะ อย่าให้รู้ว่าพักอยู่ที่ไหนดีที่สุด”
คุณชดช้อย คงจะกลัวว่าต้นกล้า จะพลาดท่าเสียทีอรอนงค์ แล้วกลัวว่าเขาจะลุ่มหลงติดใจอรอนงค์ แล้ววันหนึ่งอรอนงคทิ้งเขาไปมีผู้ชายคนใหม่ ก็จะทำให้เขาผิดหวังเสียใจนั่นเอง
ต้นกล้า จึงลังเล เมื่ออรอนงค์ บอกว่าจะขอมาหาเขา
“ว่าไงคะ วันนี้อรขอแวะไปหาต้นได้ไหม อรอยากจะรู้ว่าต้น พักอยู่ที่ไหน”
“เอ้อ วันนี้คงไม่สะดวกครับ”
“ทำไมคะ หรือว่าต้นมีคนอื่นอยู่ด้วยคะ”
“เปล่าครับ พอดีผมไม่ค่อยได้กลับมาพักน่ะครับ บางทีก็ไปบ้านคุณยายที่เมืองเพชร บางทีก็พักกับเพื่อนที่ภัตตาคารครับ”
“แล้ววันนี้ล่ะคะ ต้นจะไปที่ไหน อรจะได้แวะไปหาค่ะ ตอนนี้อรเหงามากค่ะ ให้อรไปหาคุณนะคะ”
คำออดอ้อนนั้น ทำเอาคนฟังใจอ่อน
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันครับ คุณอรไปหาผมที่ร้านอาหารของเพื่อนผมก็ได้ครับ”
“อรก็อยากจะไปเห็นร้านอาหารของเพื่อนคุณเหมือนกัน เขาชื่ออะไรนะคะ”
“อาฉีครับ เขาอายุมากกว่าผมเยอะแล้วล่ะ น่าจะอายุเท่ากับแม่ของผม ถือเป็นเพื่อนรุ่นพ่อก็ว่าได้ แต่เราสนิทกัน”
“อ๋อ ค่ะ คุณบอกอรไปทีหนึ่งแล้ว แต่อรลืมชื่อเขาไป แต่เขาไม่ใช่ฝรั่งใช่ไหมคะ คุณเคยบอกว่าเขาเป็นคนจีนที่เคยเป็นเชฟอยู่โรงแรม ที่คุณเคยไปทำงานพาร์ทไทม์เป็นผู้ช่วยในครัว”
“คุณอร จำแม่นดีนี่ครับ”
“อรจำเรื่องราวที่เกี่ยวกับคุณได้เสมอค่ะ แล้วทำไมเขาถึงลาออกจากงานที่อเมริกามาอยู่เมืองไทยได้ล่ะคะ”
“ตอนที่อยู่อเมริกา เขาก็มีภรรยาเป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ในครัวด้วยกันนั่นแหละครับชื่อป้าหนิง พอลูก ๆ เขาเรียนจบแล้ว ป้าหนิงอยากจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวร ก็เลยมาเปิดร้านอาหารที่เมืองไทยไงครับ เปิดมาได้ไม่กี่เดือน แต่มีลูกค้าแน่นร้าน ผมก็มีความฝันอยากจะเปิดร้านอาหารเหมือนกัน ก็เลยต้องมาหาประสบการณ์ที่นี่ก่อน”
“คุณก็เลยลงแข่งขันการทำอาหารใช่ไหมคะ”
“ก็ทำนองนั้นครับ เป็นก้าวแรก ไม่ได้หวังชนะนะครับ หวังแค่ได้รู้จักในสื่อ เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านลงในช่องยูทูปเอาไว้เผื่อวันไหนเปิดร้านของตัวเองก็จะได้เป็นที่รู้จัก”
“ว้าว...เยี่ยมไปเลย ถ้าคุณเปิดร้านเมื่อไหร่ อรจะไปช่วยเป็นแคชเชียร์ให้นะคะ แต่ตอนนี้คุณช่วยส่งโลเคชั่นที่ร้านมาให้อรด้วยค่ะ”
“ได้ครับ เดี๋ยววางสายผมส่งโลเคชั่นไปให้ครับ”
“อุ๊ย..ขอบคุณค่ะ”
น้ำเสียงตื่นเต้นนั้น ทำให้ต้นกล้า รู้สึกว่าเขาคงทำให้อรอนงค์ คลายเหงาได้
“คุณอรอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะได้ทำให้ทาน”
“อะไรก็ได้ค่ะ เพราะอรรู้ว่าคุณต้นทำอร่อยทุกอย่าง”
“งั้นผมทำเมนู ที่จะใช้แข่งขันปรุงอาหารก็แล้วกันครับ คุณอรจะได้ช่วยติชม แล้วเจอกันนะครับ”
ต้นกล้า รีบตัดบททันทีเมื่อเห็นสัญญาณเรียกซ้อนเข้ามาที่มือถือของเขา ซึ่งได้มีสัญญาณมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เขากำลังคุยอยู่กับอรอนงค์ จึงยังไม่กดรับสาย แต่พอเห็นว่ามีเรียกเข้ามาอีกจึงต้องคุยกับสายแรกให้จบ แล้วก็กดรับสายเรียกซ้อนนั้น
“สายไม่ว่างตลอดเลยนะคุณต้นสุดหล่อ”
เสียงของเสาวนีย์ พูดหยอกล้อเป็นประโยคแรก
“พอดีติดสายเพื่อนอยู่น่ะ เก๋ มีอะไรหรือเปล่า”
“แหม..โทรหาเพื่อนต้องมีอะไรด้วยเหรอจ๊ะ”
เสาวนีย์ พูดเสียงกลั้วหัวเราะ หากต้นกล้าได้เห็นคนโทรมา ก็จะรู้ว่า มีหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ข้าง ๆ เสาวนีย์ นั่นก็คือนิษฐา นั่นเอง ที่ฟังเสียงโต้ตอบการสนทนาอยู่ด้วยจากการที่
เสานีย์ เปิดเสียงลำโพงมือถือไว้
เสาวนีย์ กำลังจะทำหน้าที่แม่สื่อ ด้วยการโทรนัดหมายกับต้นกล้า เพื่อจะให้นิษฐา ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับต้นกล้า เพราะนิษฐายังไม่กล้าที่จะเป็นคนโทรนัดด้วยตนเอง
“แซวเล่นคร้าบคุณเพื่อน” ต้นกล้าหัวเราะ
“เย็นนี้ว่างป่าว หาที่อร่อย ๆ พบกันไหม มีพวกเราแบบครบเซ็ท นี่เราเป็นตัวแทนกลุ่มนะ”
“เย็นนี้เหรอ...น่าจะยังไม่ว่างอ่ะ ใกล้จะถึงวันแข่งทำอาหารแล้วด้วย เอาไว้หลังเสร็จงานค่อยนัดเจอกันดีกว่า”
“เหรอ..งั้นก็ได้ พวกเราจะไปให้กำลังใจนายวันแข่งนะ”
“ขอบคุณมากเพื่อน เอางี้สิ หลังจบงาน ไม่ว่าผลออกมาจะแพ้หรือชนะ เราไปฉลองกัน โอเคไหม”
ต้นกล้า เสนอ
“ได้เลย พวกเราพร้อมอยู่แล้ว งั้นแค่นี้แหล่ะ บาย”
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ว่าต้นนัดฉลองวันไหน เธอเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมด้วยล่ะ อีกไม่กี่วันนี้แล้ว”
เสาวนีย์ หันมาบอกเพื่อนรัก หลังจากที่วางสายจากต้นกล้า
“ฉันตื่นเต้นจังเลยเก๋ กลัวว่าต้นจะรู้ว่าฉันแอบชอบเขา”
นิษฐา ยังไม่วายกังวลอยู่ดี เพราะถึงแม้จะแอบรักแอบชอบเพื่อนชายในกลุ่มอยู่ แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยตรง ๆ ได้แต่มาบอกกับเพื่อนหญิงอย่างเสาวนีย์แทน เพื่อให้ช่วยหาทางให้
“อ้าว...จะไปกลัวทำไม ก็เธอชอบต้นจริง ๆ นี่นา ขืนมัวแต่กระมิดกระเมี้ยนอยู่แบบนี้ก็ชวดน่ะสิ เกิดต้นเขาไปมีแฟนขึ้นมาจะเสียใจ”
“แต่เธออย่าเพิ่งบอกอาร์ตนะ ถึงอาร์ตจะเป็นแฟนเธอและเป็นเพื่อนในกลุ่ม แต่ฉันก็ยังไม่อยากให้อาร์ตรู้ ฉันยังรู้สึกเขิน ๆ อยู่ ถึงได้บอกแต่เธอคนเดียวไง”
“ถึงไม่บอก อาร์ตก็พอจะมองออกหรอกน่า”
“แล้วเราจะแน่ใจได้ไงว่า ต้นยังไม่มีแฟน”
นิษฐา ถามให้แน่ใจเพราะถึงแม้จะเห็นจากในกลุ่มไลน์หรือที่ในไอจีของต้นกล้า จะบอกสถานะว่ายังโสดก็ตาม
“ถ้ามี ป่านนี้นายต้นก็คงบอกพวกเราแล้วล่ะ ไม่เห็นจะต้องปิดบังอะไรนี่นา และฉันมั่นใจว่าเขาไม่มีแฟนแน่นอน ฉันเคยแอบถามแล้ว เขาบอกยังไม่อยากมีแฟน”
เสาวนีย์ พูดให้เพื่อนเกิดความมั่นใจ
“งั้นวันนี้ เราไปช้อปปิ้งกันไหม ไปช่วยฉันเลือกชุดที่จะใส่ไปดูต้นวันที่เขาไปแข่งน่ะ”
นิษฐา เริ่มมีความมั่นใจ สีหน้าดีขึ้น
“จัดไป งานนี้ฉันจะต้องเปลี่ยนลุ้คการแต่งตัวของเธอใหม่เอาให้ต้นตะลึง ตึง ตึงไปเล้ย”
เสาวนีย์ พูดให้อีกฝ่ายตื่นเต้น ทั้งคู่ต่างก็หมายมั่นปั้นมือว่าต้นกล้า จะต้องเป็นแฟนกับนิษฐา ให้ได้ จะได้กลายเป็นเพื่อนซี้ในกลุ่มที่เป็นแฟนกันทั้งสองคู่ เพิ่มความสนิทกันแบบแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
