บท
ตั้งค่า

7. พลาดอีกแล้ว

“แล้วคุณล่ะครับชื่ออะไร”

เขาถามฝนทิพย์บ้าง หลังจากที่เห็นเธอมัวแต่ยืนยิ้มดวงตาเหม่อลอย จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ท่าทางจะสติไม่ดี แต่เขาก็มองเห็นความน่ารักของเธอที่ซ่อนอยู่จนได้อย่างน้อยก็แววตามีเสน่ห์ชวนฝันนั้นแม้จะเคลือบด้วยความดำที่พอกไว้ทั้งหน้าก็เถอะ

“ชื่อฝนค่ะ”

“ผมต้องขอโทษคุณฝนด้วยนะครับที่เคยทำเสียงดังจนรบกวนคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฝนทนได้ อุ๊ย..หมายถึงว่าตอนนี้ไม่มีเสียงรบกวนแล้วค่ะ”

“งั้นผมไม่รบกวนคุณฝนแล้วล่ะครับ..เอาไว้วันหลังผมจะแวะเอาของกิน ฝืมือผมทำเองมาฝากนะครับ”

พูดจบเขาก็เดินออกไป

ฝนทิพย์ ยืนมองตามร่างสูงของเขาไปด้วยแววตาละห้อยนึกอยากจะชวนเขาคุยนาน ๆ แต่สภาพของเธอไม่พร้อมที่จะให้เขามองอย่างเจริญหูเจริญตาเลยจริง ๆ

“อะแฮ้ม!..ตื่น! ตื่น!”

เสียงที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้ฝนทิพย์ สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เพิ่งมีสติคิดได้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง

“ยัยฝน เป็นอะไรถึงมาเปิดห้องยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าเปิดรอฉัน”

เสียงชมพู่ ทำให้ฝนทิพย์ ตื่นจากภวังค์เมื่อสักครู่ รีบโผเข้าไปกอดเพื่อนร้องไห้กระซิก ๆ อยู่กับอกอวบอิ่มของชมพู่ จนอีกฝ่ายตกใจ โอบกอดเพื่อนไว้เป็นการปลอบโยน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น บอกฉันมาสิใครทำอะไรเธอ”

ชมพู่ ถามขึ้นด้วยความตกใจ

“ผู้ชายคนนั้น ฮือ ๆ” ฝนทิพย์ พูดปนสะอื้น

“คนไหนบอกมาเร็ว”

ชมพู่ ดันไหล่เพื่อนเบา ๆ ให้หันมาสบตา

“คนที่อยู่ห้องข้างบนที่ฉันเล่าให้เธอฟังไง..เขา..”

ฝนทิพย์ หยุดเล่าต่อเสียเฉย ๆ ทำให้ชมพู่ ยิ่งตกใจ ก่อนจะกลายเป็นความเจ็บใจแทนเพื่อน

“ทำไม เขาทำอะไรเธอบอกมา ฉันจะไปจัดการมันเอง ไอ้ผู้ชายเฮงซวย หน้าตาดีซะเปล่า แต่นิสัยเลวมาก อย่างนี้มันต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยนะฝน”

ชมพู่ นึกเจ็บแค้นแทนเพื่อน ทั้งที่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอคิดเพียงว่าต้องเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี เพราะไม่เช่นนั้นฝนทิพย์ก็คงจะไม่มีอาการโผเข้ากอดเธอแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้

“ไม่ต้องอายที่จะต้องไปแจ้งความ เราต้องเอาผู้ชายสารเลวคนนั้นเข้าคุกให้ได้ มันจะได้ไม่ย่ามใจไปทำกับผู้หญิงคนอื่นอีก..นี่ขนาดเธอพอกหน้าแต่งตัวทุเรศ ๆ ขนาดนี้ มันยังมีจิตพิศวาสได้ลง แบบนี้มันต้องเป็นโรคจิตแน่ ๆ บอกมาว่ามันทำอะไรเธอ มันปลุกปล้ำเธอใช่ไหม”

ชมพู่ เดาจากผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเพื่อน

“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะชมพู่”

ฝนทิพย์ รีบบอกและหยุดร้องไห้ทันที ที่เห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่

“แล้วเรื่องจริงเป็นไงล่ะ..อ้าวแล้วนี่มือหิ้วถุงอะไรเนี่ย”

ชมพู่ มองหน้าเพื่อนสลับกับถุงพลาสติกที่มือฝนทิพย์

“เค้กชาเขียว”

ฝนทิพย์ บอกพร้อมกับฉุดแขนเพื่อนให้เข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูแล้วเอาถุงขนมไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม

“ผู้ชายคนนั้น เขาแวะเอาเค้กมาให้ฉัน”

ฝนทิพย์ เกริ่นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“แล้วไง..ขนมเค้กนั่นทำให้เธอตื้นตันจนร้องไห้งั้นเหรอ”

ชมพู่ ไม่เข้าใจอยู่ดี

“เปล่า..”

“อ้าว..แล้วเธอร้องไห้ทำไม เป็นบ้าหรือว่าผีเข้า”

“ก็ฉันเจ็บใจตัวเองน่ะสิ ที่เขามาหาทั้งทีก็ยังอยู่ในสภาพอุบาทว์แบบเนี้ย เธอคิดดูสิ วันก่อนฉันขึ้นไปหาเขาก็อยู่ในชุดนี้หน้าตาพอกครีมหนาเตอะเหมือนผีบ้าแบบนี้”

ฝนทิพย์ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ

“ไหนบอกว่าจะโล๊ะชุดนี้ทิ้งแล้วไง”

“ก็ว่าจะใส่คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย แต่มันก็ซวยทิ้งทวนให้ฉันจริง ๆ ดูสิ…คุณต้นนั่น ต้องมาเห็นชุดทุเรศนี้อีกจนได้ แถมหน้าฉันก็พอกครีมดำปี๊ดปี๋ ไม่มีความสวยให้เขาเห็นเลย”

“โธ่เอ๊ย...นึกว่าอะไรเห็นร้องไห้เป็นวักเป็นเวรที่แท้ก็ร้องเพราะอีตาลีซอหน้าหล่อนี่เอง”

“ลีซูฮวานย่ะ..แต่จริง ๆ เขาชื่อต้น วันนี้เขาไม่ได้ใส่ชุดผ้ากันเปื้อนพ่อครัวเหมือนวันก่อน ดูหล่อมั๊กม้าก..”

ลากเสียงในตอนท้ายด้วยแววตาตื่นเต้นชื่นชม

“วุ้ย..ขนาดนั้นเชียว” ชมพู่ทำเสียงหมั่นไส้

“เขาจะแวะมาหาฉัน ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าเสียก่อน ฉันจะได้แต่งตัวสวย ๆ ไว้รอรับ”

“แล้วเขามีเบอร์โทรหล่อนเหรอยะ ถึงจะต้องโทรมานัดหมายก่อนน่ะ”

ชมพู่ ติงพร้อมส่ายหัวด้วยความเวทนาเพื่อน

“เออ..นั่นสินะ แต่..ทำไม เขาต้องมาหาฉันตอนที่พอกหน้าดำ ใส่ชุดนี้ด้วยล่ะ นี่มันสวรรค์แกล้งชัด ๆ เลยนะ ถ้าเพียงแต่เขามาช้ากว่านี้ สักสิบยี่สิบนาที ฉันก็อาบน้ำแต่งชุดใหม่แล้ว”

“เอาเหอะน่า..มันต้องมีสักวัน ที่เขาจะเห็นเธอในสภาพเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้” ชมพู่ปลอบใจ

“นี่ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ฝนทิพย์ มีท่าทางกังวล

“ไม่แย่ธรรมดาด้วยนะ แต่ว่าแย่มาก ถ้าใครไม่รู้จักเธอมาก่อน ก็จะคิดว่าเจอคนบ้า”

“ตายแล้ว..ขนาดเธอเป็นเพื่อนฉัน ยังคิดแบบนี้ เขาก็คงคิดว่าฉันเป็นยัยบ้า สติไม่ดีแน่เลย”

“ชัวร์”

คำยืนยันของเพื่อนทำให้ฝนทิพย์ มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ห่อเหี่ยว ได้แต่หวังว่าสักวันเขาต้องเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ

ต้นกล้า กดรับสายจากอรอนงค์ ที่โทร.หาเขาในช่วงที่กำลังจะแต่งตัวที่จะออกไปข้างนอกพอดี

“สวัสดีครับคุณอร”

“ทำไมคุณต้นไม่อ่านไลน์ที่อรส่งไปให้เลยคะ อรชักจะน้อยใจแล้วนะคะเนี่ย”

เสียงของอรอนงค์ พูดเป็นเชิงตัดพ้อเข้ามา

“โอ๊ะ..ต้องขอโทษด้วยครับคุณอร ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาเล่นโซเชียลเลย ต้องขลุกตัวฝึกทำอาหารไทยทุกวันเพราะใกล้วันที่จะเข้าแข่งขันทำอาหารแล้ว”

“อรทราบค่ะ วันที่แข่งขัน อรก็จะไปให้กำลังใจคุณด้วยนะคะ”

“ขอบคุณครับ ตอนนี้คุณอรเป็นไงบ้าง คิดจะอยู่เมืองไทยกี่วันครับ”

“ไม่มีกำหนดค่ะ ถ้าคุณต้นอยู่เมืองไทยจริง ๆ อรก็อาจจะปักหลักอยู่ที่นี่ก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้อรเหงาจังเลย ไม่มีเพื่อนที่อยู่เมืองไทยเลย อร ก็มีแต่คุณต้นคนเดียวเท่านั้น ยังไงก็เป็นเพื่อนอรด้วยนะคะ”

อรอนงค์ ทำเสียงออดอ้อนน่าสงสาร

“ผมเป็นเพื่อนคุณอรอยู่แล้วนี่ครับ”

“งั้นวันนี้ อรจะแวะไปหาคุณต้นที่พักได้ไหมคะ อร อยากจะไปทานอาหารไทย ฝีมือคุณต้นอีกน่ะค่ะ วันก่อนที่ส่งอาหารไปให้อร่อยมาก จนอรติดใจเลยนะคะเนี่ย”

ต้นกล้า นิ่งไปพักหนึ่ง เขากำลังนึกถึงคำพูดของคุณชดช้อย ผู้เป็นมารดาที่เคยบอกย้ำเอาไว้ว่า

“ระวังยัยอรเอาไว้ให้ดีนะ อย่าไปตกหลุมเสน่ห์เข้าล่ะ”

เป็นคำพูดที่มารดาเตือนเขา เมื่อรู้ว่าอรอนงค์ ทำท่าจะตามตื้อตามจีบต้นกล้า หลังจากที่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับอรอนงค์ ซึ่งตอนนั้นต้นกล้า ขับรถไปรับมารดาที่คลีนิค เป็นเวลาเดียวกับที่อรอนงค์ ก็แวะไปหาป้าสดศรี ของเธอที่นั่นเช่นกัน

คุณสดศรี ป้าของอรอนงค์ เป็นพยาบาล และเป็นเพื่อนสนิทกับคุณชดช้อย ทำงานอยู่ที่คลินิกเดียวกัน โดยครั้งแรกที่ต้นกล้า ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับอรอนงค์ นั้น เธอมากับ

หนุ่มญี่ปุ่นผมทอง เขายังแอบเห็นเธอจูบปากเจ้าหมอนั่น อย่างดูดดื่มก่อนลงจากรถด้วย

เพียงครั้งแรกที่ได้พบกัน อรอนงค์ ก็แสดงความสนใจเขาอย่างเปิดเผย และจากนั้น เธอก็มักจะแวะไปหาเขาทั้งงในที่ทำงาน และที่บ้านพักเป็นประจำ โดยอ้างว่าเหงา เพิ่งเลิกกับคนรักชาวญี่ปุ่น

พอคุณชดช้อย รู้ว่าอรอนงค์ ทำท่าจะมาสนใจต้นกล้า จึงได้พูดกับเขาเอาไว้ว่า

“ถ้าแม่จะมีลูกสะใภ้ต้องไม่ใช่ ยัยอรนะ”

คุณชดช้อย มักจะย้ำกับต้นกล้าเช่นนี้ เนื่องจากคุณชดช้อยได้รับรู้เรื่องราวของอรอนงค์ จากคุณสดศรี อยู่เป็นประจำนั่นเอง

พอต้นกล้า ถามมารดาว่าเพราะอะไร ก็ได้คำตอบว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel