บท
ตั้งค่า

6. ไม่ปลื้ม

“ว้าย..ไม่เอาหรอก ฝนไม่ชอบพี่ตี๋ใหญ่ คนอะไรมองโลกได้คับแคบ” ฝนทิพย์ รีบปฏิเสธ

“แล้วเธอไปรู้ได้ไงว่าเขาโลกทัศน์แคบได้พูดคุยกับเขาแล้วเหรอ” กวี ถามยิ้ม ๆ

“ก็เขาตาตี๊ตี่ เล็กจิ๊ดเดียวเหมือนเป็นคนที่หลับตาอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นจะไปมองเห็นอะไรได้กว้าง ๆ เหมือนคนทั่วไปล่ะ”

คำพูดฝนทิพย์ทำให้ทุกคนหัวเราะร่วนด้วยความขบขัน

“อุ๊ย!..ตาแบบนั้นกำลังอินเทรนด์เลยนะคะคุณฝน”

อรอนงค์ พูดแทรกขึ้น

“ยกให้คุณอรเลยค่ะ”

ฝนทิพย์ เอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ

“ต้องขอดูตัวจริงก่อนค่ะ ถ้าหล่อเหมือนเพื่อนของอรก็โอ.เค.”

อรอนงค์ หรี่ตาเป็นประกายอดคิดถึงต้นกล้าไม่ได้

“ถ้าเธอคิดจะปฏิเสธก็ไปหาเหตุผลคัดค้านพ่อกับแม่เอาเองก็แล้วกัน” กวี บอกกับน้องสาว

“อ้าว..แล้วทำไมพี่กวีไม่บอกพ่อกับแม่ไปว่าฝนไม่ยอมให้ท่านจับคู่ให้” น้องสาวต่อว่า

“พี่กวีเขารับปากคุณพ่อคุณแม่ของน้องฝนว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมน้องฝนให้ค่ะ” ธันยพร เปิดเผย

“นี่ทำกับน้องได้ขนาดนี้เลยเหรอ เสียแรงไว้ใจ”

ฝนทิพย์ หันไปจ้องหน้าต่อว่าพี่ชาย

“โธ่..ยัยฝน ก็พ่อกับแม่ผิดหวังในตัวพี่มาครั้งหนึ่งแล้วพี่ก็ไม่อยากให้ท่านผิดหวังอีกรอบ เธอก็ยอม ๆ ท่านไปเถอะอย่างน้อยเธอก็ยังไม่มีแฟน ไม่ต้องคิดมาก ตี๋ใหญ่นั่นก็ไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่จนทำให้เธอควงไปไหนไม่ได้หรอก แถมมีดีกรีเป็นนักเรียนนอกด้วย กิจการของเฮียตงก็ใหญ่โตมีคนงานที่โรงงานเป็นร้อย เธอสบายไปทั้งชาติเลยล่ะ”

“นี่เริ่มเกลี้ยกล่อมแล้วใช่ไหมคะ”

น้องสาวทำหน้างอนใส่พี่ชาย

“พี่เพียงแต่จะชี้ช่องทางโรยด้วยกลีบกุหลาบให้เธอเดิน” พี่ชายบอกยิ้ม ๆ

“แล้วทีตัวเองล่ะ ตอนที่พ่อกับแม่ให้ไปดูตัวหมวยเล็กทำไมถึงแกล้งชักกระตุกตาเหลือกเข้าโรงบาล โกหกพ่อกับแม่ว่าเป็นลมบ้าหมู ต้องรีบไปหาหมอ แล้วก็แอบหนีกลับกรุงเทพฯ จนทุกวันนี้พ่อกับแม่ก็ยังเข้าใจว่าพี่กวี ยังไม่หายจากอาการบ้าหมูเลยนะ ที่ยอมให้แต่งงานกับพี่พร ก็เพราะเห็นแก่อาการป่วยของพี่ เพราะพี่บอกว่า ถ้าขัดใจไม่ให้แต่งงานกับพี่พร อาการลมบ้าหมูจะกำเริบ”

น้องสาว เท้าความวีรกรรมให้ฟัง พี่ชายได้แต่ยิ้มแหย ๆ แต่คนอื่น ๆ ยิ้มด้วยความขบขัน

“ก็พี่มีพี่พรเป็นแฟนอยู่แล้วในตอนนั้น ก็ต้องวางแผนหาทางหลบเลี่ยงสิ แต่เธอยังไม่มีแฟนไม่น่าจะมีข้ออ้างอย่างพี่ได้นะ” พี่ชายอธิบายเหตุผล

“ฝนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน” ฝนทิพย์โพล่งออกไป

“หา..จริงเหรอยัยฝน ใครวะ” ชมพู่อุทานสีหน้างุนงง

“ฮ้า ๆ กระเปิ๊บกระป๊าบเป็นม้าดีดกะโหลกอย่างเธอน่ะเหรอจะมีแฟน โม้รึเปล่า”

พี่ชายตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะทำให้น้องสาวหน้าง้ำ

การไม่มีแฟนทำให้เครียดขนาดนี้หรือนี่

.

ฝนทิพย์ กลับจากบ้านพี่ชายมาถึงห้องเวลาสามทุ่ม เธอยังไม่อาบน้ำ แต่ตั้งใจว่าจะปรนนิบัติผิวหน้าด้วยการพอกครีมที่เพิ่งสั่งซื้อทางออนไลน์ เป็นโคลนสีดำที่บอกว่าจะช่วยบำรุงผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก

เธอจึงเปลี่ยนชุดที่จะสวมใส่สบาย ซึ่งจะเป็นชุดไหนไปไม่ได้ นอกจากชุดที่ชมพู่เพื่อนรักบอกว่าเป็นผ้าขี้ริ้วประจำตัวที่ไม่สามารถตัดใจทิ้งไปได้นั่นเอง

“เอาเถอะขอใส่ชุดนี้เป็นคืนสุดท้ายก็แล้วกัน”

เธอบอกกับตัวเองและตั้งใจไว้ว่าจะตัดอกตัดใจโล๊ะเจ้าชุดผ้าขี้ริ้วนี้ทิ้งไปให้ได้ พอสวมชุดโปรดเสร็จ ก็เดินเข้าห้องน้ำหาหมวกคลุมผมล้างหน้าด้วยโฟมก่อนจะเช็ดให้แห้ง และเดินกลับไปที่ห้องนอน นั่งที่หน้ากระจกใช้โคลนบำรุงผิวพอกหน้าเหลือไว้แต่ตาสองข้างกับปาก จากนั้นก็หันไปหามือถือเพื่อจะเปิดเพลงฟังไปด้วย แต่ไม่ทันที่จะได้เปิด ก็มีเสียงสัญญานโทรศัพท์มือถือดังขึ้น โชว์เบอร์ของชมพู่ จึงรีบกดรับทันที

“ว่าไงนะ จะมาตอนนี้เลยเหรอได้สิ เจอกัน”

ฝนทิพย์ พูดสั้น ๆ แล้วก็กดวางสาย

ชมพู่ โทรมาบอกว่าที่หอพัก น้ำไม่ไหล ทำให้ชมพู่ไม่สามารถจะอาบน้ำได้ จึงขอหอบเสื้อผ้ามาอาศัยนอนกับฝนทิพย์ ในคืนนี้ ชมพู่จะขึ้นแท็กซี่มาในอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงนี้

ฝนทิพย์ เปิดตู้เสื้อผ้า เอาผ้าห่มออกมาเตรียมไว้ให้เพื่อนก่อนจะไปเปิดเพลงจากมือถือ เลือกได้เพลงจังหวะเร้าใจสไตล์เพลงร็อค ทำให้เกิดความคึกคักจนฝนทิพย์ ถึงกับขยับเต้นไปตามจังหวะด้วยความสนุก เต้นยักย้ายส่ายสะโพกอยางเมามันส์จนเหงื่อท่วมตัว

หากไม่มีเสียงกดออดดังขึ้น ก็คงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเต้น เธอจำต้องหยุดความมันส์ไว้ชั่วคราว ก่อนจะเดินแกมเต้นไปเปิดประตูห้อง โดยที่ไม่ได้มองที่ช่องตาแมวก่อนเหมือนทุกครั้งเพราะคิดว่าเป็นชมพู่ เดินทางมาถึงแล้วนั่นเอง

“จ๊ะเอ๋เบบี๋”

ฝนทิพย์ โผล่หน้าไปหวังจะทำให้เพื่อนตกใจเล่น ๆ เป็นการต้อนรับชมพู่

ทว่า..เธอต้องผงะถอยหลังไปเล็กน้อยเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าประตู หาใช่เพื่อนรักของเธอแต่อย่างใดไม่ หากแต่เป็นเทพบุตรสุดหล่อ ที่อยู่ห้องข้างบนนั่นเอง

“โอ๊ะ..”

ต้นกล้า อุทานด้วยความตกใจกับสภาพของเจ้าของห้องที่พอกหน้าดำ เห็นแต่ตากับปาก แถมผ้าคลุมผมก็เลื่อนออกจากศีรษะ เผยให้เห็นผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง รับกับชุดกะโปโลมอซอ ที่เขาเคยเห็นเธอใส่ขึ้นไปหาเขาที่หน้าห้องเมื่อวันก่อน

เขาไม่อยากจะคิดว่าตัวเองมาเจอคนไข้ที่หลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้าเลย

ฝนทิพย์ ก็ตกตะลึงตาค้าง เผลอปิดประตูในทันใด แต่คนที่อยู่ข้างนอกตั้งสติได้ไวกว่า เป็นฝ่ายผลักประตูเข้าไป

“เดี๋ยวสิครับคุณ..” เขารีบบอก

ฝนทิพย์ นึกอยากจะสาบให้อีตาหน้าหล่อเหมือนลีซูฮวานกลายเป็นหินไปในพริบตา เพื่อที่จะไม่ได้จดจำภาพน่าเกลียดน่ากลัวของเธอ

นี่มันฟ้ากลั่นแกล้งหรืออย่างไรกันนะ ทำไมจะต้องให้ผู้ชายหล่อเหลาคนที่เธอปิ๊งนี้ ต้องมาพบเจอเธอในสภาพทุเรศทุรังเป็นครั้งที่สองด้วย

อยากจะบ้าตาย แล้วจะทำหน้าอย่างไรดีล่ะเนี่ย

“เอาวะเป็นไงเป็นกัน ถ้าเป็นคู่กันเขาต้องเห็นความสวยของฉันที่ซ่อนอยู่ข้างในสิน่า ขนาดนางรจนา ยังอุตส่าห์เห็นรูปงามของเงาะป่านั่นได้เลย”

ฝนทิพย์ คิดปลอบใจตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าไปสบตาเทพบุตรผู้มีใบหน้าคล้ายพระเอกเกาหลีขวัญใจของเธอ

“ผมแวะเอาเค้กชาเขียวมาให้ ทานแล้วสุขภาพดีด้วยครับ ผมทำเอง”

เขาพูดพร้อมกับยื่นถุงที่มีกล่องเค้กให้ไป ฝนทิพย์ อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือไปรับด้วยท่าทางเหม่อลอยคล้ายตกอยู่ในห้วงความฝัน

“ขอบคุณมากค่ะคุณ...”

“ผมชื่อต้นครับ ชื่อจริงต้นกล้า”

เขาบอกชื่อพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้

ฝนทิพย์ หัวใจแทบจะละลายอีกแล้วที่เห็นรอยยิ้มของเขา เธออยากจะบอกเขาว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครยิ้มได้บาดลึกหัวใจได้ถึงเพียงนี้ หากรอยยิ้มเขาเป็นมีดป่านนี้คงกรีดหัวใจของเธอจนเลือดไหลซิบ ๆ ไปแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel