5. เลี้ยงต้อนรับ
เมื่อไปถึงบ้านของกวีแล้ว ฝนทิพย์ ก็ได้รับรู้ว่าวันนี้เป็นการเลี้ยงต้อนรับการกลับเมืองไทยของอรอนงค์ น้องสาวคนเดียวของ ธันยพร นั่นเอง
อรอนงค์ ไปอยู่กับป้าสดศรี ที่อเมริกาตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย เธอมีโอกาสกลับเมืองไทยในช่วงที่พี่สาวแต่งงานเท่านั้น
ฝนทิพย์ ได้รู้จักกับอรอนงค์ ครั้งแรกในงานแต่งงานของพี่ชายเพียงครั้งเดียว เมื่อมาเจออีกครั้งในวันนี้ก็เกือบจำไม่ได้ เพราะอรอนงค์ ดูสวยเซ็กซี่ขึ้นมาก อรอนงค์ กับ ฝนทิพย์ มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
อาหารถูกนำมาส่งถึงที่บ้านกวี ทำให้ฝนทิพย์และชมพู่ ต้องช่วยกันยกไปจัดวางใส่จานก่อนจะลำเลียงไปที่โต๊ะอาหาร โดยมีธันยพร และ อรอนงค์ ช่วยกัน
ส่วนกวี ทำหน้าที่ผสมเครื่องดื่มเป็นพวกน้ำผลไม้กับสปาย จากนั้นทุกคนก็นั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหารซึ่งบัดนี้มีอาหารหลายอย่างจัดวางอยู่บนโต๊ะ
“อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย พี่พร สั่งมาจากร้านไหนคะเนี่ย” ชมพู่ ถามในขณะที่สายตากวาดมองไปที่อาหารบนโต๊ะ
“พี่ไม่ได้สั่งหรอกจ๊ะ อาหารพวกนี้ยัยอร เขาจัดการ”
ธันยพร พยักหน้าไปที่น้องสาวที่กำลังนั่งยิ้มให้กับอาหาร
“เห็นพรบอกพี่ว่า น้องอรไม่ชอบทานอาหารไทยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงสั่งอาหารพวกนี้ล่ะ”
กวี หันไปถามน้องภรรยา
“นั่นมันเมื่อก่อนค่ะ แต่เดี๋ยวนี้อร ชอบอาหารไทยแล้ว” อรอนงค์ ไม่ยอมเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจ
“พรก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ ปกติยัยอร ชินกับอาหารฝรั่งมากกว่า ไม่รู้นึกยังไงถึงอยากจะทานอาหารไทยขึ้นมา”
“ไม่ได้นึกอะไรหรอกค่ะ พอดีอาหารพวกนี้เป็นฝีมือของแฟน อุ๊ย!..เพื่อนอร น่ะค่ะ”
อรอนงค์ พูดด้วยท่าทีขวยเขิน
“จริงเหรอ..เพื่อนอร เปิดร้านอาหารหรือไง”
ธันยพร ถามด้วยความสนใจ
“อุ๊ย!..ต้นไม่ได้เปิดร้านอาหารหรอกค่ะพี่พร..แต่เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งมาก เขาทำรายการอาหารลงในช่องยูทูปด้วยนะคะตอนที่อยู่อเมริกา แต่ตอนนี้เขากลับมาเมืองไทยค่ะ กำลังจะเข้าแข่งขันการทำอาหารไทยในรายการทางโทรทัศน์ด้วย ช่วงนี้เขาก็เลยต้องซ้อมมือทำอาหารไทยที่ภัตตาคารของเพื่อนเขา แล้วก็ส่งมาให้ลองชิมฝีมือไงคะ”
อรอนงค์ บอกด้วยน้ำเสียงชื่นชม แววตาเป็นประกายเมื่อเอ่ยถึงเจ้าของอาหารที่ส่งมาให้
“เพื่อนคนไหนหรือยัยอร ไม่เห็นเคยเล่าให้พี่ฟังเลย”
พี่สาวทำหน้าล้อเลียน
“พี่อรไม่รู้จักหรอกค่ะ เขาเป็นคนไทยที่ไปเรียนและทำงานอยู่ที่อเมริกา แต่ตอนนี้เขาอยากจะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วค่ะ เห็นว่าจะเปิดร้านอาหารที่เมืองไทยด้วยนะคะ”
อรอนงค์ พูดถึงต้นกล้าด้วยแววตาชื่นชม
“น่าจะชวนเขามาเที่ยวที่บ้านด้วยนะ” กวีเอ่ย
“อร ชวนแล้วค่ะ แต่ว่าเขาไม่ว่างหรอกเพราะช่วงนี้ต้องซ้อมมือทำอาหารทุกวันเพื่อเตรียมเข้าแข่งขัน”
“มาไม่ได้ก็ยังอุตส่าห์ส่งอาหารฝีมือของเขามาให้ทาน น่ารักดีนะคะ เพื่อนคุณอรเนี่ย”
คำพูดของฝนทิพย์ ทำให้อรอนงค์ ยิ้มหวานด้วยความภูมิใจ เธอรีบกล่าวเชื้อเชิญให้ทุกคนชิมอาหาร
“อื้อหือ..ไม่เคยทานปูอบวุ้นเส้นที่ไหนอร่อยเท่านี้เลยค่ะ รสมันกลมกล่อมนุ่มลิ้นดีจัง หอมกลิ่นเนยด้วย แปลกดีแต่อร่อยมาก”
ชมพู่ เอ่ยชมหลังจากได้ลองรับประทานอาหารตรงหน้า ทำให้อรอนงค์ ยิ้มจนตาหยี
“ปกติ ต้นเขาไม่ค่อยได้ทำอาหารไทยหรอกนะคะ เขาถนัดทำพวกอาหารฝรั่ง นี่ก็คงจะทำแบบไทยสไตล์ยุโรป”
อรอนงค์บอก
“นี่ขนาดไม่ถนัดยังอร่อยขนาดนี้เลยนะคะเนี่ย”
ฝนทิพย์ ลองชิมแล้วก็สนับสนุนคำพูดของชมพู่
“ลองชิมหอยโสร่งกับกุ้งโสร่งนี่ดูสิคะ”
อรอนงค์ เชิญชวน ทำให้ทุกคนหันไปมองอาหารที่อรอนงค์พูดถึง ซึ่งห่อแป้งปอเปี๊ยเป็นรูปสี่เหลี่ยมผูกโบว์ด้วยหมี่ซั่วสีสันน่าประทานจนทุกคนต้องลองหยิบชิมคนละชิ้นและพยักหน้าพอใจ
“วันหลังชวนเขามาทำอาหารที่บ้านสิอร”
ธันยพร รีบบอกเมื่อเห็นว่าอาหารตรงหน้าทำให้สามีของเธอเจริญอาหารกว่าทุกวัน อันเนื่องมาจากธันยพร นั้นเป็นแม่บ้านถุงพลาสติกที่ต้องซื้ออาหารถุงเข้ามาให้สามีเป็นประจำนั่นเอง
“แล้วอรจะชวนเขาค่ะ”
“คุณอรอยู่ที่อเมริกาทำงานหรือว่าเรียนคะ”
คำถามของชมพู่ ทำให้อรอนงค์ ถึงกับชะงักในการตักอาหารไปชั่วคราว
“เอ้อ..อรเรียนบริหารน่ะค่ะ”
อรอนงค์ตอบไม่เต็มเสียง เธอจะบอกความจริงได้อย่างไรว่าตัวเองเรียนอะไรก็ไม่จบสักอย่าง ชีวิตในต่างแดนของเธอหมดไปวัน ๆ กับการเที่ยวเล่น ไปเรียนเพื่อจะหาผู้ชายที่ถูกใจเสียมากกว่า
อรอนงค์ จึงคบหาหนุ่มต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ทั้งฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น พฤติกรรมของเธอคือถ้าพบคนที่ถูกใจก็จะย้ายไปอยู่กับเขาจนเธอรู้สึกเบื่อ ก็จะขอเลิก แล้วก็หาคนใหม่ต่อไป
เป็นอยู่เช่นนี้จนคุณสดศรี ป้าของเธอเอือมระอาอยากจะส่งเธอกลับมาอยู่เมืองไทยกับธันยพร แต่อรอนงค์ ไม่เคยคิดที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยเลย จนกระทั่งได้พบหนุ่มไทยอย่างต้นกล้า ถึงขั้นที่เรียกว่าถูกตาต้องใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ เขาเป็นลูกชายของคุณป้าชดช้อย เพื่อนพยาบาลที่สนิทของป้าสดศรี นั่นเอง
อรอนงค์ คิดจะหยุดเสาะแสวงหาผู้ชายเสียทีหากได้เป็นแฟนกับต้นกล้า หนุ่มไทยที่เธอหลงเสน่ห์เข้าอย่างจัง จนทำให้เธออยากจะกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ เพื่อตามเขามา เธอไม่ได้กลับมาเพื่อเยี่ยมพี่สาวด้วยความคิดถึงอย่างที่บอกกับธันยพร และป้าสดศรี
“กลับมาคราวนี้จะอยู่เมืองไทยเลยรึเปล่าล่ะอร”
กวี ถามน้องสาวภรรยา
“ยังไม่รู้เลยค่ะแล้วแต่...”
อรอนงค์ นึกถึงต้นกล้า หากเขาคิดจะปักหลักอยู่เมืองไทยไม่กลับไปอเมริกาอีก เธอก็คงจะต้องอยู่เมืองไทยด้วย
“แล้วแต่อะไรล่ะยัยอร” ธันยพร ถามน้องสาว
“แล้วแต่อารมณ์ค่ะ”
อรอนงค์ ไม่อยากบอกความจริง เธอได้แต่หวังว่าการตามต้นกล้า มาเมืองไทยครั้งนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก้าวหน้าเสียที เธอหวังถึงขั้นที่จะได้แต่งงานกับต้นกล้าเลยทีเดียว และเอาไว้ถึงเวลานั้น เธอก็จะเปิดเผยความจริงให้กับพี่สาวได้รับรู้
“แล้วน้องฝนกับน้องชมพู่ล่ะจ๊ะ..เรียนจบแล้วจะหางานทำหรือว่าจะเรียนต่อกันจ๊ะ”
ธันยพร หันมาถามสองสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข
“ชมพู่ว่าจะลองหางานทำดูค่ะ แต่ต้องหลังจากกลับบ้านที่เมืองกาญจน์ก่อน” ชมพู่เงยหน้าขึ้นมาบอก
“แล้วเราล่ะยัยฝน”
กวี หันมาถามน้องสาว
“ฝนจะสอบเรียนต่อเนติบัณฑิตค่ะ”
“ดีจ๊ะ จบแล้วจะได้มาช่วยงานพี่กับพี่กวีที่ออฟฟิศตอนนี้ก็รับสมัครทนายความเพิ่มอีกหลายตำแหน่ง”
ธันยพรว่า
“ฝนไม่อยากทำงานที่เดียวกับพี่กวีหรอกค่ะ กลัวโดนใช้งานหนัก ฝนอยากจะไปสอบเป็นผู้พิพากษามากกว่า”
ฝนทิพย์ บอกถึงความฝันในอนาคต
“ผู้พิพากษามันยังอีกยาวไกล แต่ระหว่างนี้ก็เข้ามาให้พี่ใช้งานที่ออฟฟิศก่อน”
กวี บอกกับน้องสาวคนเดียว
“ฝนจะกลับบ้านค่ะพ่อกับแม่บอกว่าให้รีบกลับบ้านห้ามเถลไถลอยู่ที่กรุงเทพฯ” ฝนทิพย์บอกพี่ชาย
“สงสัยพ่อกับแม่จะรีบเรียกเธอไปให้ลูกเฮียตงดูตัวว่ะ”
กวี พูดยิ้ม ๆ
“พี่กวีรู้ได้ไง บอกมานะว่ารู้อะไรมา”
น้องสาวคาดคั้นเสียงดัง
“ก็ไม่มีอะไร แค่แม่โทรบอกพี่ว่าตี๋ใหญ่ลูกชายของเฮียตง กลับจากอังกฤษแล้ว”
“กลับแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฝนล่ะ”
“พ่อกับเฮียตงเป็นเพื่อนสนิทกันก็อยากจะให้ลูก ๆ ได้เป็นทองแผ่นเดียวกันน่ะสิ พวกผู้ใหญ่ก็เลยอยากจะให้เธอกับตี๋ใหญ่ ได้แต่งงานกัน”
“บ้าไปแล้ว..คราวที่แล้ว พ่อกับแม่ก็จับคู่ให้พี่กวีกับพี่หมวยน้องสาวของพี่ตี๋ใหญ่”
“ก็เพราะจับคู่ให้พี่ไม่สำเร็จน่ะสิ พ่อกับแม่ถึงจะมาจับคู่ให้เธอกับตี๋ใหญ่” พี่ชายบอก
