บท
ตั้งค่า

28. หลอกไปให้ดูตัว

“แม่บอกว่าตี๋ใหญ่มาขอที่อยู่เธอที่กรุงเทพฯ คงจะบุกมาหาที่ห้องน่ะแหละเตรียมตัวไว้แล้วกัน เพราะตอนนี้แม่เป็นใจที่จะให้ตี๋ใหญ่เข้าหาเธอแล้ว”

“แหม..พูดยังกะจะมาปล้ำฝน”

“หวังดีนะเนี่ย ถึงโทรมาบอกให้รู้ตัวไว้ก่อน แล้วนี่จะกลับกรุงเทพฯวันไหน”

“พรุ่งนี้ค่ะ แล้วจะแวะเอาขนมหวานเมืองเพชรไปฝากนะคะ อุ๊ย!..แค่นี้ก่อนนะคะ”

ฝนทิพย์ รีบตัดบทเมื่อเห็นต้นกล้ากำลังเดินตรงมาหา

“ผมเห็นคุณฝนหายไปนานก็เลยมาตาม”

ต้นกล้าบอกเมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าฝนทิพย์

“ฝนกะว่าจะให้คุณได้คุยกับเพื่อนเสร็จก่อนน่ะค่ะ”

“พวกเขาไปแล้วครับ..เราขึ้นไปเที่ยวชมข้างบนกันเถอะ”

ต้นกล้าแตะข้อศอกเธอเบา ๆ เพียงแค่สัมผัสเล็กน้อยแค่นี้ฝนทิพย์ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก และในบางช่วงที่ทางชันเขาก็ช่วยดึงแขนฝนทิพย์ แล้วก็ยังคอยถามอยู่ตลอดเวลาว่าเหนื่อยหรือยัง หิวน้ำไหม เขาช่างเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนโยนจนฝนทิพย์ เผลอคิดไปว่าเธอกับเขาเป็นคู่รักกันจริง ๆ

.....

นิษฐา กลับไปที่ห้องพักทันทีเมื่อเสาวนีย์มาถึงกรุงเทพฯแล้ว เธอซักถามเรื่องที่เสาวนีย์ไปพบต้นกล้ากับฝนทิพย์ ด้วยความอยากรู้

“เจ็บใจต้นนัก บอกฉันว่าไปคนเดียว แต่ที่แท้ก็แอบพายัยฝนนั่นไปเที่ยวสองต่อสอง” นิษฐา พูดด้วยความหงุดหงิด

“ท่าทางต้นจะสนใจยัยนั่นซะด้วย ถ้าเธอมัวแต่ใจเย็นไม่รีบเร่งให้ต้นสนใจเธอให้ได้ อีกไม่นานต้นก็จะหลุดลอยไปเป็นของยัยห้องข้างล่างนั่นแน่ ๆ”

เสาวนีย์ กระตุ้นต่อมหึงให้เพื่อน

“ไม่มีทาง!”

นิษฐา แววตาวาววับ ไม่มีวันที่เธอจะยอมให้คนที่เธอหมายตามานานหลุดลอยไปเป็นของคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้นกล้าเพิ่งจะรู้จักไม่นานเช่นนี้

“เธอจะประมาทไม่ได้เชียวนะนิด ตอนนี้เธอมีคู่แข่งถึงสองคน ทั้งยัยอร ทั้งยัยฝน”

“ยัยอรฉันยังพอรับมือไหวเพราะอยู่ในสายตา แต่ยัยฝนนั่นสิถ้าต้นแอบไปหามัน ฉันก็ไม่มีทางรู้ เหมือนที่เขาแอบพามันไปเที่ยวที่บ้านด้วยนั่นไงล่ะ” นิษฐา มีสีหน้าวิตก

“เธอก็รู้จักใช้มารยาหญิงบ้างซี้ มัวแต่หงิม ๆ อยู่แบบนี้เดี๋ยวก็ถูกคนอื่นคว้าต้นไปเสียก่อน” เสาวนีย์แนะนำ

“จริงของเธอ เหมือนยัยอรนั่นไงอย่าได้เผลอเชียวมันจ้องที่จะยั่วยวนต้นอยู่ตลอดเวลา อย่างคืนนั้นถ้าฉันไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก ป่านนี้ต้นตกเป็นของยัยอรนั่นเรียบร้อยแล้ว คิดแล้วก็เสียวเหมือนกันเพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ต้นคงใจอ่อนยอมมันแล้ว”

“ก็ใช่น่ะสิ จุดอ่อนของต้นก็อยู่ตรงที่เขาเป็นสุภาพบุรุษนี่แหละ ถ้าเธอชิงเป็นฝ่ายที่เข้าหาต้นเสียเอง เขาก็ต้องใจอ่อนยอมเป็นแฟนกับเธอ จากนั้นเธอก็เขี่ยยัยอรตกกระป๋องไปเลย”

คำพูดของเสาวนีย์ทำให้นิษฐา มีแววตาเป็นประกาย มีความฮึกเหิมที่จะเริ่มคิดแผนคร่าว ๆ ไว้ในหัวทันที

....

“ฝนขอแวะเอาของฝากไปให้พี่ชายที่บ้านก่อนนะคะ”

ฝนทิพย์ บอกขณะที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯกับต้นกล้า โดยฝนทิพย์เป็นคนขับ เธอวางแผนเอาไว้ในใจแล้วว่าจะให้พี่ชายได้เห็นว่าเธอมากับชายหนุ่มจริง ๆ เป็นการยืนยันคำพูดของตัวเองที่บอกว่ามีแฟนแล้ว เพื่อที่พี่ชายจะได้เอาไปบอกเล่าให้กับมารดารับรู้ เธอจะได้ไม่ต้องถูกจับคู่กับตี๋ใหญ่อีกต่อไป

“ขออย่าให้คุณต้นจับได้ว่าเราหลอกเขาไปให้พี่ชายดูตัว”

ฝนทิพย์ ภาวนาอยู่ในใจ

“พี่ชายคุณฝนอยู่แถวไหนครับ” ต้นกล้าถามขึ้น

“รัชดาภิเษกค่ะ..”

เธอตอบขณะที่เลี้ยวเข้าถนนที่จะไปบ้านพี่ชาย

“พี่ชายคุณฝน ดุหรือเปล่าครับ”

“ไม่เลยค่ะ..แต่ถ้าคุณต้นไม่อยากเข้าไปในบ้านก็ไม่เป็นไรค่ะรอฝนอยู่ที่รถก็ได้ ฝนแวะบ้านพี่กวีแป๊บเดียวเองแค่แวะเอาขนมเข้าไปให้ แล้วก็กลับเลย”

ฝนทิพย์ รีบบอกให้เขาคลายกังวล เธอขอแค่เอาเขาไปอวดให้พี่ชายได้เห็นแค่แวบเดียวก็พอแล้ว จะไม่บังคับจิตใจให้เขาเข้าไปข้างในบ้าน แต่จะใช้วิธีฉุดแขนพี่ชายให้ออกมาดูว่ามีผู้ชายนั่งอยู่ในรถของเธอจริง ก็เพียงพอที่พี่ชายจะเชื่อแล้ว

“ผมขอเข้าไปในบ้านด้วยดีกว่าครับ” เขาบอก

ฝนทิพย์ แอบยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจ หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ยิ่งดี น้ำหนักความน่าเชื่อถือก็จะมีมากกว่าให้ต้นกล้านั่งคอยอยู่ในรถ

ฝนทิพย์ จอดรถที่หน้าบ้านพี่ชาย ก่อนจะเดินลงไปกดกริ่งประตูหน้าบ้าน เพียงครู่เดียวก็เห็นกวีในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเดินออกมาเปิดประตูให้

“นี่พี่กวีพี่ชายของฝนค่ะ”

ฝนทิพย์ รีบแนะนำต้นกล้าให้พี่ชายได้รู้จักทันที

“พี่กวีคะ คุณต้นค่ะ ที่ฝนเล่าให้ฟังไงคะ”

เธอขยิบตาให้พี่ชายที่กำลังยืนทำหน้างง ๆ อยู่

“อ๋อ..ที่ว่าเป็นแฟนเธอใช่ไหม”

กวีรับไหว้ต้นกล้าในขณะที่ฝนทิพย์หน้าแดงด้วยความอายที่พี่ชายพูดโพล่งออกมาว่าต้นกล้าเป็นแฟน หวังว่าต้นกล้าคงไม่ได้ยินหรอกนะ แต่ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วล่ะ เสียงของพี่ชายเธอแปดหลอดซะขนาดนั้น เธอรีบผลักพี่ชายเข้าไปในบ้าน และหันมากระซิบกับต้นกล้าด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ขอโทษนะคะ ที่พี่กวีเข้าใจผิดคิดว่าคุณต้นเป็น...” เธออายที่จะพูดต่อ

“ไม่เป็นไรครับ..ทีคุณยายกับน้าดา ก็ยังเข้าใจผิดได้เลย”

เขาบอกให้เธอสบายใจ ฝนทิพย์ ก็เลยโล่งอกรีบเดินนำต้นกล้า เข้าไปในบ้านพี่ชายทันที

“เชิญตามสบายเลยนะคุณต้น..ยัยฝน ไปรินน้ำมารับแขกสิ”

กวี หันไปบอกน้องสาวในตอนท้ายคล้ายจะไล่น้องสาวให้ออกไปก่อน เพื่อที่เขาจะได้ซักประวัติว่าที่น้องเขยได้อย่างเต็มที่ แต่ฝนทิพย์ เหมือนจะรู้ทันไม่ยอมห่างไปง่าย ๆ

“พี่พรไม่อยู่หรือคะ” เธอกวาดตามองหาพี่สะใภ้

“ไปช้อปปิ้งกับน้องสาวเขาตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว สงสัยจะกลับค่ำ ๆ โน่นแหละ..เอ๊า..ไปหาน้ำมาให้ต้นเขาสิ”

กวี เตือนเมื่อเห็นน้องสาวยังนั่งหน้าตาเฉย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเพิ่งดื่มกาแฟเย็นไปยังอิ่มอยู่เลย”

คำตอบของต้นกล้า ทำให้ฝนทิพย์ยิ้มด้วยความพอใจที่จะได้นั่งควบคุมพี่ชายอยู่ใกล้ ๆ ไม่ให้ซักถามต้นกล้ามากเกินไป

“เห็นว่าพายัยฝนไปเที่ยวที่เมืองเพชรเหรอ” กวี หันมาถามต้นกล้า

“ครับ..บ้านเกิดผมเองครับ”

“งั้นยัยฝนก็ได้รู้จักกับญาติพี่น้องของคุณแล้วสินะ” กวี ถามต่อ

“ก็ได้รู้จักกับคุณยายกับน้าดาน่ะครับ”

“แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะ”

นั่นไง ฝนทิพย์เดาไว้ไม่มีผิด กวีเริ่มจะซักประวัติของต้นกล้า มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

“พ่อของผมเสียตั้งแต่ผมยังอยู่ในท้องของแม่ครับ ท่านเป็นหมอ ส่วนคุณแม่เป็นพยาบาลทำงานอยู่ที่อเมริกาครับ”

“เห็นยัยฝนบอกว่าคุณทำช่องยูทูป”

“ครับผม ก็ทำสนุก ๆ น่ะครับ”

“คุณอยู่อเมริกา ทำอะไรมาก่อน”

“ผมเรียนจบปริญญาโทครับ แล้วก็ทำพาร์ทไทม์เป็นผู้ช่วยเชฟโรงแรมที่อเมริกา แต่ตอนนี้กลับมาอยู่เมืองไทยครับ”

“เห็นว่าจะเปิดร้านอาหารด้วยนี่”

ฝนทิพย์ อยากจะร้องไห้เสียจริง ๆ คำถามแต่ละคำล้วนเป็นสิ่งที่พี่ชายได้ข้อมูลมาจากฝนทิพย์ทั้งสิ้น ต้นกล้า จะคิดว่าฝนทิพย์เป็นคนอย่างไรหนอ ยิ่งพี่ชายซักต้นกล้ามากเท่าไหร่ ฝนทิพย์ ก็ยิ่งอายต้นกล้ามากเท่านั้น

“แล้วคบหากับยัยฝนนานแค่ไหนแล้วล่ะ”

คำถามนี้ทำให้ฝนทิพย์ ทนไม่ได้อีกต่อไปรีบเข้าขัดขวางทันที ถ้าเกิดต้นกล้าบอกว่าเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันนี้เอง เธอคงถูกพี่ชายจับโกหกได้แน่ว่าไม่ได้เป็นแฟนกับต้นกล้า

“เอ้อ..พี่กวีคะ เอาไว้วันหลังค่อยซักคุณต้นดีกว่านะ พอดีฝนลืมไปว่าต้องรีบกลับด่วน แล้วจะแวะมาใหม่นะพี่ สวัสดีค่ะ”

ฝนทิพย์ รีบยกมือไหว้พี่ชาย ทำให้ต้นกล้าไหว้ตามด้วยสีหน้างุนงง พอ ๆ กับกวี

“อะไรวะยัยฝน พี่ยังคุยกับคุณต้นเขาไม่จบเลย เธอจะรีบอะไรนักหนา อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนไม่ได้หรือไง”

กวี ทักท้วงแต่ฝนทิพย์ ไม่สนใจฟัง รีบฉุดแขนต้นกล้าออกไปทันที โดยมีสายตาของกวีมองตามพร้อมเกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ

....

“คุณฝนมีธุระด่วนที่ไหนหรือครับ”

ต้นกล้า ถามด้วยความแปลกใจเมื่อขึ้นรถมากับฝนทิพย์

“ไม่มีหรอกค่ะ แต่ฝนช่วยคุณต้นไม่ให้พี่กวีต้องซักฟอกคุณไงคะ” ฝนทิพย์ บอกเสียงขบขัน

“ผมก็ไม่เห็นว่าพี่กวีจะซักอะไรผมนี่ครับ พี่เขาก็แค่ถามและ พูดคุยธรรมดา”

“คุณต้นไม่รู้อะไร พี่ชายของฝนน่ะเป็นทนาย ชอบถามชอบซักจะตายไป ฝนไม่อยากให้คุณต้นต้องอึดอัดใจน่ะค่ะ”

ต้นกล้าได้แต่รับฟังเงียบ ๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฝนทิพย์จะต้องรีบผลุนผลันพาเขาออกมาจากบ้านพี่ชายเช่นนั้นด้วย

“ถ้าคุณฝนไม่มีธุระที่ไหน ผมอยากจะชวนไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารอาหารจีนของอาฉีครับ”

“ใครคะอาฉี” ฝนทิพย์ ถามด้วยความอยากรู้

“เพื่อนรุ่นพ่อตอนอยู่อเมริกาครับ เขาเป็นคนจีนแต่ได้ภรรยาชาวไทยก็เลยมาเปิดร้านอาหารที่เมืองไทย”

ฝนทิพย์ รู้สึกยินดีมากที่จะได้รู้จักกับเพื่อนของต้นกล้า ระหว่างที่นั่งรถไปภัตตาคารของอาฉีนั้น ฝนทิพย์ก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวประสบการณ์ของต้นกล้าช่วงที่เขาอยู่ที่อเมริกาด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องมารดาเรื่องงานของเขา แต่ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอื่นเลย

“อยู่ที่อเมริกาคุณต้นไม่มีแฟนเลยหรือคะ”

ฝนทิพย์ เริ่มถามอ้อม ๆ

“ถ้าจะบอกว่าไม่มี คุณฝนคงไม่เชื่อ”

“ค่ะ..ก็..คนหน้าตาดีอย่างคุณต้นถ้าไม่มีแฟนก็ต้องคิดว่าเป็น..เอ้อ..เกย์” ฝนทิพย์พูดไม่เต็มเสียงในตอนท้าย

“เพื่อนบางคนก็คิดแบบคุณฝนครับ..” เขาบอกตามตรง

“อุ๊ย!..เหรอคะ..แล้ว..คุณต้นเป็นหรือเปล่าคะ”

ฝนทิพย์ ตกใจจนเข้าเกียร์รถผิด ๆ ถูก ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel