27. บังเอิญเจอ
ต้นกล้า พาฝนทิพย์ไปเที่ยวชมเขาวัง ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินขึ้นไปชมบรรยากาศข้างบนนั้น ก็เห็นอายุธกับเสาวนีย์ กำลังเดินจูงมือกันลงจากเขา
“เฮ้ย! อาร์ต”
ต้นกล้า เป็นฝ่ายร้องทักขึ้นด้วยความดีใจ
“อ้าว..ต้น กลับบ้านเหมือนกันเหรอ”
อายุธ กล่าวทักด้วยความตื่นเต้น
“แล้วยัยนิดล่ะ”
เสาวนีย์ มองหาเพื่อน ก่อนจะมองหน้าฝนทิพย์ ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อาร์ต เก๋..นี่คุณฝน”
ต้นกล้า รีบแนะนำให้เพื่อนทั้งสองได้รู้จักกับฝนทิพย์
อายุธ โค้งศีรษะให้กับฝ่ายหญิงก่อน ฝนทิพย์ จึงยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้ทั้งสองคนด้วยความเป็นมิตร แต่เสาวนีย์ ยังวางท่าปั้นปึ่ง จะว่าหึงแทนเพื่อนก็น่าจะเรียกได้
“คุณฝนรู้จักกับต้น นานแล้วเหรอคะ”
เสาวนีย์ ถามด้วยสีหน้าที่พยายามแสดงความเป็นมิตร
“คุณฝนพักอยู่ตึกเดียวกับผมครับเก๋” ต้นกล้า เป็นฝ่ายตอบ
“อ๋อ..เป็นเพื่อนบ้านร่วมคอนโด”
เสาวนีย์ ทำเสียงขึ้นจมูก ชักจะไม่ไว้ใจผู้หญิงคนที่เพื่อนแนะนำเสียแล้ว เพราะดูท่าทางต้นกล้าจะปลื้มเจ้าหล่อนจนเสาวนีย์รู้สึกหวั่นไหวแทนนิษฐาเสียแล้ว
“คุณต้นคุยกับเพื่อนตามสบายก่อนนะคะเดี๋ยวฝนจะไปซื้อน้ำ”
ฝนทิพย์ ไม่อยากยืนเป็นเป้าสายตาให้เพื่อนหญิงที่ชื่อเก๋ มอง เธอจึงรีบขอตัวออกไปจะดีกว่า ปล่อยให้ต้นกล้าได้พูดคุยกับเพื่อนของเขาตามสบาย
“งั้นผมรอตรงนี้นะครับ”
ต้นกล้าบอก ฝนทิพย์พยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินออกไป
“ต้น..ยัยฝนอะไรนี่เป็นใครเหรอ”
เสาวนีย์ หันมาถามต้นกล้าทันทีที่ฝนทิพย์เดินออกไป
“คนรู้จักน่ะ”
“พามาเที่ยวบ้านเกิดสองต่อสองแบบนี้คงจะไม่ใช่คนรู้จักกันธรรมดาละมั้ง”
อายุธ หรี่ตาแววตาล้อเลียนเพื่อน
“นั่นน่ะสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ”
เสาวนีย์ จะต้องรู้ให้ได้เพื่อไปบอกนิษฐาเพื่อนรัก
“คุณฝน ก็คือคนที่ขึ้นไปต่อว่าที่ห้องในคอนโดวันนั้นไงจำได้ไหม” ต้นกล้าเกริ่น
“วันที่นายทำอาหารเสียงดังน่ะเหรอ”
อายุธ ถามขึ้นด้วยความสนใจ ต้นกล้าพยักหน้า
“เป็นไปไม่ได้ ตอนที่ยัยนั่นโผล่หน้าไปที่ห้องต้น หน้าตาแบบดูไม่ได้เลยนะ”
เสาวนีย์ ทำหน้าไม่เชื่อ
“ก็ตอนนี้ เก๋ก็เห็นแล้วนี่ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง”
ต้นกล้าบอกยิ้ม ๆ
“สวยน่ารัก” อายุธเป็นคนพูด
“สเป๊กของต้นละสิ”
เสาวนีย์ ถามตรง ๆ แต่ต้นกล้าไม่ยอมตอบแค่ยิ้ม ๆ
“วันที่คุณฝนไปที่ห้องนาย เธอเล่นพอกหน้าซะหนาเตอะแถมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อขนาดนั้นใครจะไปจำได้ล่ะ แต่ตอนนี้ยังกะนางฟ้าจำแลง” อายุธพูดกลั้วหัวเราะ
“แล้วไปพูดอีท่าไหนล่ะ เขาถึงได้ตามต้นมาที่นี่ได้” เสาวนีย์ อดที่จะทำสุ้มเสียงหมั่นไส้ไม่ได้
“เรื่องมันยาว..เอาไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟังนะ”
ต้นกล้าบอก เขารู้สึกไม่ค่อยดีที่เพื่อนสาวดูจะไม่ชอบใจฝนทิพย์ นัก
“ต้นไม่น่าโกหกยัยนิดเลยนะ เมื่อวานยัยนิดโทรมาบอกว่าต้นจะกลับบ้าน เก๋ก็นึกว่าจะกลับมาพร้อมยัยนิดซะอีก”
เสาวนีย์ ต่อว่าเพื่อนกราย ๆ
“พอดีมันมีเรื่องยุ่ง ๆ น่ะ”
ต้นกล้าไม่ยอมบอกถึงเรื่องราวที่นิษฐา ทะเลาะตบตีกับอรอนงค์ ที่ห้องของเขา
“เก๋รู้แล้วล่ะ เรื่องที่ยัยอรนั่นไปปลุกปล้ำต้นใช่ไหมล่ะ” เสาวนีย์พูดเหมือนอยู่ในเหตุการณ์
“นิดบอกเก๋อย่างนั้นเหรอ”
ต้นกล้าถามด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดี
“ก็หรือไม่จริงล่ะ” เสาวนีย์ย้อนถามเสียงสูง
“มันก็ไม่เชิง” ต้นกล้าตอบเสียงอ่อย ๆ
“นี่แสดงว่ายัยนิดช่วยนายไว้ไม่ให้ได้เมียโดยประมาทนะเนี่ย” อายุธ พูดแซว
“แต่นิดก็ทะเลาะกับอรจนฉันปวดหัวต้องเผ่นหนีมานี่ไงล่ะ” ต้นกล้า สารภาพในที่สุด
“แต่ต้นก็เป็นคนขอร้องให้นิดไปค้างที่ห้องเองไม่ใช่เหรอ” เสาวนีย์ อ้าง
“ก็จริง ผมไม่อยากจะอยู่กับอรสองต่อสองน่ะก็เลยต้องขอให้นิดมาอยู่เป็นเพื่อนคุณอร”
“แล้วนี่จะให้ยัยนิดอยู่ที่นั่นอีกนานแค่ไหนล่ะ” เสาวนีย์ถามต่อ
“ความจริงนิดจะกลับเลยก็ได้ ผมคงไม่รบกวนนิดอีกแล้วล่ะ”
“อ๋อ..อยากจะอยู่สองต่อสองกับคุณอรนั่นล่ะสิ..เอ..หรือว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้จะมาช่วยต้นแทนยัยนิดล่ะ”
“เก๋...อย่ายุ่งกับต้นหน่อยเลยน่า”
อายุธ หันไปปรามแฟนสาว ทำให้เสาวนีย์จำต้องสงบปาก
“แล้วนายจะกลับกรุงเทพฯวันไหน” อายุธถามต้นกล้า
“คงพรุ่งนี้”
“นายมายังไง” อายุธถามต่อ
“อาศัยรถของคุณฝนเขามาน่ะ”
“พวกเราจะกลับวันนี้แหละ แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯนะ”
อายุธ รีบตัดบททันที เกรงแฟนสาวจะพูดให้ต้นกล้าไม่สบายใจ อายุธพอจะรู้ว่าเสาวนีย์ต้องการที่จะจับคู่ให้ต้นกล้ากับนิษฐาได้เป็นคู่รักกัน เหมือนกับคู่ของเขา แต่อายุธก็ไม่อยากจะยุ่งด้วย เพราะของแบบนี้บังคับจิตใจกันไม่ได้ เขาไม่อยากจะให้เสาวนีย์ซักถามต้นกล้าให้ต้องอึดอัด หากต้นกล้าสนใจฝนทิพย์ เขาก็คงต้องขอร้องให้เสาวนีย์ยอมรับความจริง
“โชคดีนะเพื่อนไว้เจอกัน” ต้นกล้ายกมือให้ทั้งคู่อายุธ รีบจูงแขนแฟนสาวออกไป
เสาวนีย์ ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าทันทีด้วยความร้อนใจ เธอจะต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับนิษฐาได้รู้เพื่อหาหนทางให้เพื่อนได้รับมือกับเรื่องนี้
ฝนทิพย์ เดินเถลไถลอยู่บริเวณที่ซื้อน้ำดื่ม เธอกะเวลาเอาไว้ว่าอีกสักสิบห้านาทีจึงจะเดินไปหาต้นกล้า และระหว่างนั้นก็มีเสียงสัญญานโทรศัพท์มือถือเข้ามาพอดี คนที่โทรมาคือพี่ชายนั่นเอง
“ยัยฝนอยู่ไหนวะ” เสียงกวีถามมา
“ฝนมาเที่ยวที่เมืองเพชร” ฝนทิพย์ตอบพี่ชาย
“ไปกับใคร ยัยชมพู่เหรอ”
“เปล่า..ชมพู่ไปเที่ยวภูเก็ตกับที่บ้านเขาโน่น..ฝนมากับหนุ่ม”
“อย่าบอกเชียวนะว่าเธอแอบไปเที่ยวกับผู้ชาย”
“แน่นอน..”
เธอรีบรับ หวังว่าพี่ชายจะได้ไปกระจายข่าวให้บิดามารดามั่นใจว่าเธอมีคนรักแล้วจริง ๆ จะได้เลิกจับคู่ให้เธอกับตี๋ใหญ่เสียที
“เฮ้ย..นี่เรื่องจริงหรือวะเนี่ย ใครคือคนโชคร้ายคนนั้นหว่า ว่าแต่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมีอวัยวะครบสามสิบสองรึเปล่า รึว่ามีปัญหาทางสายตาหรือสมองมั่งไหม” พี่ชายทำเสียงขบขัน
“พี่กวี..ไม่ขำด้วยเลยนะ มองน้องตัวเองเลวร้ายขนาดหาแฟนหล่อ ๆ ดี ๆ ไม่ได้รึไง”
“พูดเล่นหรอกน่า..มีก็ดีแล้ว พี่จะได้ช่วยยืนยันกับแม่ให้”
“แม่โทรมาหาพี่กวีเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถามใหญ่เลยว่าเธอมีแฟนแล้วจริงหรือเปล่าเป็นใคร ทำงานที่ไหน พ่อแม่เป็นใคร พี่ก็ไม่รู้จะตอบยังไง ตกลงจะให้ข้อมูลแม่ว่าไง”
“ข้อมูลอะไรคะ”
“อ้าว..ก็ข้อมูลกิ๊กเธอน่ะสิ เอาข้อแรกก่อนเลยนะ ชื่ออะไร”
ฝนทิพย์ หันซ้ายแลขวา พอเห็นว่าต้นกล้าคงไม่เดินมาแอบฟังจึงรีบบอกพี่ชายไปว่า
“ชื่อเล่นต้น..ชื่อจริงต้นกล้า”
“ชื่อไท้ไทย เชยระเบิดเลยว่ะ..พ่อชื่อคันไถ แม่ชื่อรวงข้าวด้วยรึเปล่าวะ” พี่ชายแกล้งแหย่
“แล้วทีชื่อเมียตัวเองล่ะน้องพร ไม่เชยเลยนะ”
น้องสาวประชดกลับพี่ชายบ้าง
“เขาทำงานอะไร” พอจะเข้าตัวกวีก็รีบถามหัวข้อใหม่
“เปิดร้านอาหารสุขภาพ เขาเป็นหนุ่มนักเรียนนอกด้วยล่ะ จบมาจากอเมริกาเชียวนะขอบอก ทำช่องยูทูปมีคนติดตามเยอะมาก ทำอาหารเก่งมากด้วย”
น้องสาวพูดอวดด้วยความภูมิใจ
“จริงเหรอ แล้วเปิดร้านอาหารแถวไหนวะจะได้แวะไปทำความรู้จักว่าที่น้องเขยสักหน่อย”
“กำลังจะเปิดแต่ไม่ทันได้เปิด”
“ลูกเต้าเหล่าใคร”
“แหม..ซักฟอกยังกะอยู่ในศาล นี่น้องนะไม่ใช่ลูกความ ฝนไม่รู้จักชื่อพ่อแม่เขาหรอก รู้แต่ว่าแม่เขาเป็นพยาบาลอยู่ที่อเมริกา คุณยายเขาน่ารักมากชื่อคุณยายทับทิมอยู่ที่เมืองเพชร ยายเขาเล่าเรื่องราวประวัติครอบครัวของต้นให้ฟังหมด เอาไว้ฝนจะเขียนเล่าประวัติของเขาส่งให้พี่กวีเป็นลายลักษณ์อักษรเลยดีไหม”
น้องสาวพูดประชด
“เออ..ดี..เฮ้ย!..ไม่ต้องถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าถ้าแม่โทรมาอีกพี่ก็จะบอกตามนี้ข้อมูลจะได้ตรงกัน นี่พี่กำลังช่วยเหลือเธออยู่นะโว้ยไม่อยากให้ถูกบังคับจิตใจเห็นว่าตี๋ใหญ่เขาจะเริ่มแผนขั้นต่อไปแล้ว”
“แผนอะไรคะ หวังว่าคงจะไม่มาฉุดฝนหรอกนะ” น้องสาวพูดกลั้วหัวเราะ
