26. เป็นปลื้ม
กลับมาถึงบ้านคุณยายทับทิมแล้ว ต้นกล้าก็จัดแจงล้างปลาล้างผัก เขาบอกกับยายทับทิมและชนิดาว่าไม่ต้องช่วยในครัว ส่วนฝนทิพย์ ขออาสามาช่วยเป็นตากล้องถ่ายคลิปให้
“ปกติผมจะตั้งกล้องถ่ายเองครับ”
“ครั้งนี้ฝนจะเป็นคนช่วยถ่ายให้นะคะ”
“สงสัยต้องให้ค่าตัวตากล้องแล้วมังครับ”
เขากล่าวสัพยอก ขณะที่ผูกผ้ากันเปื้อนไปด้วย
“ขอแค่ที่พักกับอาหารสามมื้อก็โอเคแล้วค่ะ”
"โอ..ได้เลยครับ แถมเป็นไกด์พาเที่ยวเมืองเพชรด้วย”
ฝนทิพย์ ยิ้มด้วยความพอใจ นั่นมันเป็นเป้าหมายหลักของเธอเสียด้วย การได้เที่ยวกับชายหนุ่มที่แอบปิ๊ง แค่คิดก็อิ่มอกอิ่มใจจนไม่รู้สึกหิว
เมนูแรกที่พ่อครัวสุดหล่อจะลงมือทำก็คือ ปลาเก๋านึ่งซีอิ้ว โดยต้นกล้า นำปลาใส่ในจานรูปปลา แล้วก็นำไปนึ่งในลังถึง ระหว่างรอปลาสุก เขาก็ทำต้มจืดไปด้วย
“ต้มจืดอะไรคะ”
“ซุปไข่ใส่แตงกวาครับ เป็นอาหารที่ทำง่าย ๆ ใช้ไข่กับแตงกวา แต่น้ำซุปใช้ผักหลายชนิด”
ฝนทิพย์ เห็นเขาต้มน้ำจนเดือด แล้วก็นำผักต่าง ๆ ที่ล้างสะอาดแล้ว ใส่ลงไปในหม้อ มีทั้งหอมหัวใหญ่ ผักกาดขาว แครอท ผักโขม
“จะต้องเคี่ยวจนให้ได้น้ำซุปที่หวานจากผักต่าง ๆ ก่อนครับ”
เขาอธิบายไปด้วย มือก็ตอกไข่ใส่ชาม ใช้ส้อมตีจนฟูเหมือนจะใช้ทำไข่เจียว จนกระทั่งน้ำซุปเดือด ก็ใส่เกลือทะเลลงไป แล้วก็เทไข่ที่ตีไว้ค่อย ๆ เทลงไปในขณะที่น้ำต้มผักกำลังเดือด จากนั้นก็นำแตงกวาที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ยาว ๆ ใส่ตามลงไป พอดับไฟปุ๊บ ก็โรยผักตังฉ่าย ต้นหอมผักชีทันที ก่อนจะเหยาะพริกไทย ซีอิ้วขาว
ฝนทิพย์ ได้กลิ่นหอมของซุปที่ต้นกล้าปรุงเสร็จ และเขาก็ตักใส่ช้อนมาให้เธอชิม
“เป็นไงครับ”
“ทำไมมันหวานอร่อยจังเลยทั้งที่ไม่เห็นคุณต้นใส่ผงชูรส”
ฝนทิพย์ ถามด้วยความแปลกใจ เพราะถึงแม้เธอจะไม่เคยทำอาหาร แต่ก็เคยเห็นพิกุลทำต้มจืดจะต้องใส่ผงปรุงรสทุกครั้ง
“หวานจากน้ำต้มผัก เป็นรสหวานธรรมชาติของพืชผักครับ”
“ฝนจะจำสูตรไปทำให้ที่บ้านทานค่ะ”
“ดีครับ เป็นอาหารที่มีประโยชน์แล้วก็ย่อยง่ายด้วย โอ๊ะ..ได้เวลา 20 นาทีพอดี ปลาน่าจะได้ที่แล้ว”
ต้นกล้า จัดแจงเปิดฝาหม้อ เพื่อจะได้ยกจานปลาจากลังถึงออกมา เขาเอาต้นขึ้นฉ่ายวางลงด้านข้างของปลาทั้งสองด้าน โรยด้วยขิงอ่อนหั่นฝอย พริกชี้ฟ้า ตามด้วยส่วนผสมน้ำปรุงรสที่เขาเตรียมไว้แล้ว เทราดลงบนปลา แล้วก็ยกปลาที่อยู่ในชามไปเข้าลังถึงนึ่งต่ออีก
“ยังไม่สุกหรือคะ” ฝนทิพย์สงสัย
“ยังไม่ได้ที่ครับ ต้องนึ่งอีก 15 นาทีเพื่อให้ส่วนผสมของน้ำปรุงรส ซีอิ้วเข้ากับเนื้อปลา”
เขาบอกพร้อมกับปิดฝาลังถึง ก่อนที่จะมาตั้งกะทะเพื่อทำผัดผัก
“น้ำปรุงรสที่ราดบนปลาเมื่อกี้มีอะไรบ้างคะ เผื่อว่าฝนจะได้จำไปทำให้ที่บ้านทานบ้างค่ะ”
ฝนทิพย์ ไม่คิดมาก่อนหรอกนะว่าตัวเองจะเริ่มพิศวาสการทำอาหารขึ้นมาแบบนี้ แต่เธอก็มีแรงบันดาลใจจากต้นกล้านี่แหละทำให้สนใจเรื่องอาหารการกินขึ้นมา
“ก็มีซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำมันงา เหล้าจีน ซอสถั่วเหลืองปรุงรส ซอสหอยนางรม น้ำตาลทรายไม่ขัดสี เมล็ดพริกไทดำ พอจะจำได้ไหมครับ ถ้าจำไม่ได้ผมจะส่งสูตรทางไลน์ให้ครับถ้าคุณฝนสนใจจริง ๆ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วนี่ผัดถั่วใส่อะไรคะ”
ฝนทิพย์ สงสัยเครื่องปรุงที่อยู่ในถ้วยเล็ก ๆ
“ผัดถั่วใส่เต้าซี่ครับ”
“นี่เรียกว่าเต้าซี่หรือคะเนี่ย”
ฝนทิพย์ มองถั่วสีดำ ๆ ในถ้วยเล็กด้วยสีหน้างง ๆ
“ใช่ครับ เป็นถั่วเค็มที่ทำมาจากถั่วเหลืองนำมาหมักกับเกลือจนแห้งดำ มองดูอาจจะไม่น่ากินแต่ว่ามีโปรตีนสูง แล้วก็เป็นเครื่องปรุงที่ให้รสชาตดีไม่มีการเจือปนใส่สารเคมีหรือน้ำตาล"
“ซื้อเต้าซี่จากที่ไหนคะ”
“ซื้อได้จากร้านชำคนจีนในตลาดทั่วไปครับ เอามาเก็บใส่ขวดแก้วไว้ในตู้เย็นก็อยู่ได้หลายเดือน เวลาใส่ผัดก็ไม่ต้องมากครับแค่ 1-2 ช้อนโต๊ะ”
อธิบายจบต้นกล้า ก็ตั้งกระทะจนร้อนจี๋ ใสน้ำมันพืชลงไปตามด้วยกระเทียมสับและเต้าซี่ แล้วก็นำถั่วแขกที่หั่นแฉลบโยนลงกะทะเสียงของมันดังฉ่า เขารีบคนอย่างรวดเร็วและตักใส่จานทันทีจนฝนทิพย์ดูแทบไม่ทัน
“อุ๊ย!..เสร็จแล้วหรือคะ”
“การผัดผักต้องให้กระทะร้อน ๆ ครับแล้วก็รีบผัดเร็ว ๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามินจากผัก และเวลาหั่นผักที่จะผัดต้องทำสด ๆ อย่าหั่นค้างทิ้งไว้นะครับไม่งั้นจะสูญเสียวิตามิน แล้วผักก็จะไม่หวานกรอบอร่อยด้วยครับ” เขาบอกเคล็ดลับ
“เมื่อกี้ไม่ใส่น้ำตาล หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ เลยใช่ไหมคะ”
“จะใส่ก็ได้ครับ แต่สูตรของผมใส่เต้าซี่อย่างเดียว”
ฝนทิพย์ ลองเอาช้อนตักชิมดู เธอรู้สึกว่ารสชาตดีมีความกรอบสดข้างใน แต่ถ้าเธอลองไปทำอาจจะไม่อร่อยเหมือนที่ต้นกล้าทำก็ได้
ผู้ชายอะไร มีเสน่ห์ดึงดูดใจแล้ว ยังมีเสน่ห์ปลายจวักอีกด้วย ใครได้ไปเป็นพ่อศรีเรือนก็โชคดีน่ะสิ มีคนทำอาหารอร่อย ให้ทานทุกมื้อ นี่ถ้าเขาเป็นหนุ่มอินเดีย ฝนทิพย์คงต้องให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอให้แล้วล่ะ ฝนทิพย์คิดในใจพร้อมกับเผลอยิ้มไปด้วย
“คุณฝนครับ”
ต้นกล้าสะกิดแขนฝนทิพย์ที่กำลังยิ้มนัยน์ตาเหม่อลอย
“อุ๊ย!..ว่าไงคะ” เธอตกใจรีบหันมายิ้ม
“เสร็จแล้วครับ หยุดถ่ายภาพได้ครับ”
อาหารมื้อค่ำฝีมือของต้นกล้า ถูกทยอยนำมาวางที่โต๊ะอาหารกลางแจ้งที่ระเบียงบ้าน
คุณยายทับทิม กับชนิดา กล่าวชมฝีมือของหลานชายไม่ขาดปาก ฝนทิพย์ก็รู้สึกอร่อยกับรสชาติอาหารจนเผลอเติมข้าวไปถึงสองจาน ในขณะที่คนปรุงอาหารนั้น รับประทานน้อยกว่าทุกคน
ฝนทิพย์ สังเกตว่าเขารับประทานแต่กับอย่างเดียวไม่ตักข้าว
“มื้อเย็นผมไม่ค่อยเน้นครับ จะทานเต็มที่มื้อเช้ามากกว่า” เขาให้เหตุผล
“ถ้าอดใจไว้ได้มันก็ดี แต่น้าจะมาหนักมื้อเย็นนี่สิไม่รู้ทำไงถึงจะห้ามใจได้” ชนิดาพูดเสริม
“อยากมีสุขภาพดีก็ต้องฝึกสิครับ ให้ทานอย่างเต็มที่ในมื้อเช้าแล้วก็ค่อย ๆ ลดลงในมื้อเที่ยง ส่วนมื้อเย็นก็น้อย ๆ สรุปก็คือมื้อเช้ากินอย่างราชา มื้อต่อมาก็กินอย่างยาจกไงครับ”
“จะพยายามก็แล้วกัน แล้วพรุ่งนี้ต้นจะพาหนูฝนไปเที่ยวที่ไหนล่ะ คิดไว้หรือยัง”
ชนิดาถามหลานชาย
“พาหนูฝนไปเที่ยวเขาวังสิลูก” คุณยายทับทิมแนะนำ
“ก็ดีนะครับ คุณฝนอยากไปไหมครับ”
ต้นกล้าหันมาถามแขกสาว
“อยากไปค่ะ..ฝนยังไม่เคยไปเลย”
“คุณยายกับน้าดาไปด้วยกันนะครับ”
“โอ้ย..ยายเห็นทีจะไม่ไหว หนุ่ม ๆ สาว ๆ ไปกันเถอะจ๊ะ” คุณยายทับทิม โบกไม้โบกมือยอมแพ้สังขาร
“น้าก็ขอตัวจ๊ะ ไม่อยากเป็นกอขอคอหรอกจ๊ะตามสบายเถอะ พรุ่งนี้น้าต้องทำงาน”
ชนิดาพูดสัพยอก ทำให้ฝนทิพย์หน้าแดง ทั้งคุณยายทับทิมและชนิดา ต่างก็เข้าใจว่าฝนทิพย์กับต้นกล้าเป็นคู่รักกัน แล้วต้นกล้าก็ไม่คิดจะแก้ข่าวเสียด้วยสิ แต่ฝนทิพย์ก็แอบดีใจอยู่ลึก ๆ อยากจะให้เป็นความจริงที่สุด
“เขาวังถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเพชรใช่ไหมคะ”
ฝนทิพย์ ถามแก้เขิน
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้จ๊ะ ถ้าใครมาเมืองเพชรก็ต้องอย่าลืมเที่ยวเขาวัง” ชนิดาบอก
“สัญลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรีเป็นต้นตาลโตนดจ๊ะ เมืองเพชรเป็นเมืองที่มีต้นตาลโตนดมาก ส่วนเขาวังก็ถือว่าเป็นสถานที่คู่บ้านคู่เมืองเป็นที่ตั้งของพระนครคิรีสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โน่นแน่ะ ที่เมืองเพชรนี่ถือว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้ด้วยนะหนู”
ยายทับทิม เล่าให้ฟัง
“ถ้าอยู่กับคุณยายนาน ๆ คุณฝนจะได้รู้ประวัติจังหวัดเพชรบุรีมากกว่านี้แน่ ๆ ครับ”
หลานชายพูดหยอกล้อผู้เป็นยายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“จังหวัดตัวเองมันก็ต้องรู้ประวัติบ้างสิ แล้วหนูฝนล่ะลูก เป็นคนที่ไหน”
ยายทับทิม เริ่มสนใจอยากจะรู้ประวัติว่าที่หลานสะใภ้บ้าง
“ฝนเป็นคนอยุธยาค่ะ”
“เป็นเมืองเก่านะนั่น ยายเคยไปเที่ยวสมัยสาว ๆ”
“เอาไว้ว่างตรงกันหนูจะพาแม่ไปเที่ยวอยุธยาค่ะ ให้หนูฝนช่วยเป็นไกด์ให้ด้วยนะจ๊ะ”
ชนิดาหันมาบอกกับฝนทิพย์
“ด้วยความยินดีค่ะ คุณยายกับคุณน้าจะไปเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยนะคะ ฝนจะพาไปเองค่ะ”
ฝนทิพย์ รีบบอกด้วยความยินดี แทบอยากจะฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานสะใภ้ด้วยซ้ำ
“น้าดาครับ แม่บอกน้าหรือยังว่าผมกับแม่จะกลับมาอยู่เมืองไทย มาทำร้านอาหารที่กรุงเทพฯ”
ต้นกล้าเริ่มหันมาคุยกับน้าสาวอย่างเป็นงานเป็นการ
“บอกแล้วจ๊ะ พอน้าบอกว่าเบื่องานที่ทำอยากจะรีไทน์แม่ของต้นก็รีบสนับสนุนให้น้าลาออกไปช่วยอีกแน่ะ”
“แม่ไม่เห็นด้วยหรอกนะที่เอ็งจะลาออก รอเกษียณแล้วค่อยไปช่วยจะดีกว่า เกิดแม่ช้อยทำร้านอาหารแล้วไปไม่รอดจะแย่นา..”
“หนูก็แค่คิดน่ะแม่ ไม่ได้จะลาออกจริง ๆ หรอกจ๊ะ แล้วนี่ต้นกับแม่ หาสถานที่จะเปิดร้านอาหารไว้หรือยังล่ะ”
ชนิดาบอกกับมารดา ก่อนจะหันมาถามหลานชาย
“คุณแม่โทรบอกให้ผมไปดูแล้วครับ เป็นร้านเก่าของเพื่อนคุณแม่ครับ”
ต้นกล้า เล่ารายละเอียดให้ยายกับน้าสาวฟัง ฝนทิพย์จึงพลอยได้รับรู้ไปด้วย
