23. ดีใจได้พบหน้า
“ตอแหล”
นิษฐา ตวาดตาเขียว
“แกสิตอแหล” อรอนงค์ด่ากลับ แต่พอเห็นว่าต้นกล้ากำลังจ้องหน้าเธออยู่ ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าสร้อยทันที
“ผมขอร้องทั้งสองคนนะครับ ช่วยอยู่กันอย่างสงบได้ไหม นิด..ไปอยู่ในห้องดีกว่าเดี๋ยวผมจะขออยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนอร..ก็เข้าไปอยู่ในห้องของคุณนะครับ เอาไว้ให้ต่างคนต่างใจเย็นกว่านี้ค่อยออกมาเจอกัน”
ต้นกล้า พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังครัวไปทันที
“เพราะเธอคนเดียว”
คล้อยหลังต้นกล้า อรอนงค์ ก็หันมาชี้หน้านิษฐา
“โทษตัวเองซะมั่ง เป็นเพราะคุณนั่นแหละที่ลงไม้ลงมือกับฉันก่อน” นิษฐาตอบกลับ
“ก็หล่อนปากเสียมาว่าฉันก่อนทำไมล่ะ”
“พอที..เมื่อกี้ไม่ได้ยินหรือไงว่าต้นเขาขอร้องไม่ให้ทะเลาะกัน เพราะฉะนั้นฉันก็จะไม่ขอทะเลาะกับคุณเพื่อทำให้ต้นสบายใจ”
นิษฐา เป็นฝ่ายเดินหนีเข้าห้องนอนไป อรอนงค์ จึงต้องเดินเข้าห้องของตัวเองไปบ้าง
...
ต้นกล้า ตั้งใจว่าจะทำข้าวต้มปลากะพงเป็นอาหารเช้าให้กับสองสาวร่วมห้องได้รับประทานกัน แต่เมื่อเกิดเรื่องทะเลาะตบตีของสองคนนั่น เขาก็หมดอารมณ์ที่จะทำอาหาร จึงต้องลงไปฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารใต้ตึกแทนโดยไม่ชวนสองสาวไปด้วย
ระหว่างที่เดินไปร้านอาหารเขากดมือถือเพื่อโทรไปบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องให้กับมารดาที่อยู่อเมริการับทราบด้วย
“ลูกชายฉันเสน่ห์แรงขนาดมีสาว ๆ มาตบตีแย่งชิงกันเลยหรือนี่”
คุณชดช้อยพูดกลั้วหัวเราะหลังจากที่ได้ฟังศึกรักชิงสวาทของลูกชาย
“แม่..นี่ผมกลุ้มใจอยู่นะครับ ไม่ได้ให้แม่มาขบขันกับชีวิตของผม” เขาโอดครวญ
"แต่แม่ว่าหนูนิดเพื่อนแกมาเป็นไม้กันหมาให้แกได้ดีเหมือนกันนะ แต่หวังว่าหนูนิดคงจะไม่คิดจะปลุกปล้ำแกขึ้นมาเหมือนยัยอรหรอกนะ”
“นิดเป็นเพื่อนผมนะครับแม่ ตั้งแต่สมัยมัธยมโน่น”
“เพื่อนชอบเพื่อนมีเยอะแยะไป แต่แม่ก็ยังรับได้นะถ้าหนูนิดเป็นแฟนแก แต่ที่แม่ไม่ยอมรับเด็ดขาดก็คืออรอนงค์จำเอาไว้”
คุณชดช้อย กำชับเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วกระมัง ทำไมเขาจะจำไม่ได้
“แต่อรเขาก็เป็นหลานของป้าสดศรีเพื่อนแม่ไม่ใช่หรือครับ”
“ก็ใช่ แต่แม่ก็ไม่สนับสนุนให้คบกับแกหรอก ถ้าคบเป็นเพื่อนเฉย ๆน่ะได้ แต่จะให้เอามาเป็นสะใภ้แม่คงผูกคอตายแน่เลย ถ้าไม่เคยรู้ประวัติมาก่อนก็ยังพอไหว แต่นี่รู้ไส้รู้พุงหมดแล้วว่าไปนอนกับผู้ชายมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน บอกตรง ๆ แม่ทำใจไม่ได้หรอกที่จะให้แกคว้าผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่ของลูกแก”
“แม่หัวโบราณจัง” เขาต่อว่ามารดาเสียงขบขัน
“ยอมรับย่ะ..ถ้าแกไม่อยากให้แม่อายุสั้นก็อยู่ให้ห่าง ๆ ยัยอรเข้าไว้”
“จะห่างได้ไงล่ะครับ เขามาค้างที่ห้องผมนะครับ แต่จะว่าไปต้องโทษคุณแม่นะครับที่ไปบอกที่อยู่ของผมให้อรรู้”
“แม่ไม่ได้บอกยัยอร แต่บอกกับสดศรี”
“แม่ก็น่าจะรู้ว่าอรจะต้องถามกับป้าสดศรี”
“แม่ก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์เห็นสดศรีถามก็ตอบไปไม่คิดว่าจะเอาไปบอกหลานเขา แต่เอาเถอะถือว่าแม่ผิดไปแล้ว แกก็หาทางเอาตัวรอดไปก่อนก็แล้วกันอย่างน้อยก็ยึดหนูนิดไว้ช่วยป้องกันภัยให้ก็แล้วกัน” มารดาแนะนำ
“แต่ตอนนี้ผมปวดหัวจะตายอยู่แล้วนะแม่ สองคนนั่นจ้องจะทะเลาะกันตลอด ผมว่าผมคิดผิดนะครับเนี่ย ที่โทรชวนนิดให้มาเป็นตัวช่วย ตอนนี้ผมจะทำไงดีครับแม่”
“เชิญทั้งสองคนออกจากห้อง”
“ทำแบบนั้นได้ไงครับ เดี๋ยวก็จะหาว่าผมใจร้ายกับผู้หญิง มันดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”
“งั้นแกก็ต้องเป็นฝ่ายหนีสองสาวนั่นแล้วล่ะ”
“จะให้หนีไปไหนล่ะครับ..ผมต้องพักอาศัยอยู่ที่ห้อง”
“ช่วงนี้ก็แวะไปเยี่ยมคุณยายที่เมืองเพชรสิลูก..ปล่อยให้สองสาวอยู่ที่ห้องไป พอรู้ว่าแกไม่อยู่ที่ห้องเดี๋ยวก็คงจะแยกย้ายกันกลับไปเอง”
มารดานำเสนอ
“จริงด้วย ทำไมผมลืมไปเลยนะว่ายังมีคุณยายให้พึ่งอยู่ แล้วยังจะมีน้าดาอีกคนด้วย วันที่ผมแข่งขันทำอาหารน้าดาก็โทรมาให้กำลังใจ”
“ตอนแรกน้าดาจะพาคุณยายไปเชียร์ลูกด้วย แต่คุณยายไม่สบาย” มารดาเป็นคนบอก
“น้าดาโทรบอกผมแล้วล่ะครับ งั้นผมว่าไปหาคุณยายกับน้าดา พรุ่งนี้เลยดีกว่า”
“ดีจ๊ะ แม่ฝากคิดถึงยายกับน้าดาด้วย อีกไม่นานเราก็จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วล่ะ”
ต้นกล้า วางสายจากมารดาด้วยสีหน้าสบายใจ เขาเดินเข้าไปในร้านอาหาร ที่อยู่ใต้คอนโดที่พัก เห็นหญิงสาวที่หน้าตาคุ้นเคยกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านพอดี จึงเดินเข้าไปทัก
“คุณฝน..สวัสดีครับ”
ต้นกล้า ก้มศีรษะทักทายพร้อมส่งยิ้มให้ วันนี้ฝนทิพย์แต่งตัวน่ารักน่ามอง ช่างแตกต่างจากวันที่เธอบุกขึ้นไปโวยวายที่ห้องเขาเป็นแบบคนละคน
“คุณต้น..”
ฝนทิพย์ ตื่นเต้นที่ได้พบหน้าเขาแบบไม่ทันตั้งตัว เธอแทบจะทำช้อนร่วงจากมือ แต่ดีที่สติตามทัน รีบบีบมือกระชับช้อนให้แน่น พร้อมบอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ ไม่ตื่นเต้นเกินควร
“ขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนคงไม่รังเกียจนะครับ” เขาขออนุญาต
“เชิญค่ะ”
ปากบอกแค่เชิญสั้น ๆ แต่ใจอยากบอกยินดีอย่างมากถึงมากที่สุด
ต้นกล้า นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฝนทิพย์ จากนั้นก็สั่งอาหารเช้าเป็นสลัดทูน่า
“คุณฝนมาทานร้านนี้บ่อยหรือครับ” ต้นกล้าเริ่มชวนคุย
“ก็ค่อนข้างบ่อยค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”
ถามเอาไว้เป็นข้อมูลดีกว่าเผื่อจะได้มาดักรอเขาอยู่ที่ร้านนี้ ฝนทิพย์ นึกในใจอย่างตื่นเต้นไม่หาย
“คงไม่บ่อยเท่าคุณฝนหรอกครับ ปกติผมชอบทำอาหารทานเองมากกว่า”
ฝนทิพย์ อยากจะให้เขาทำอาหารให้เธอกินทุกวันเลย แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาหรอก ตอนนี้เธอคงจะต้องเลียบเคียงถามในสิ่งที่เธออยากรู้ก่อน
“เมื่อวานฝนเอาโรตีสายไหมจากอยุธยาไปฝากคุณต้นที่ห้อง แต่..ไม่พบคุณ ก็เลยฝากแฟนคุณเอาไว้ให้ ไม่ทราบว่าแฟนคุณต้นบอกหรือเปล่าคะ”
ฝนทิพย์ จงใจที่จะเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นคู่รักของเขา เพื่อเป็นการสอบประวัติคนที่เธอแอบปิ๊งเอาไว้ก่อน หากเขายอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟน เธอก็จะได้ทำใจเอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วก็จะพยายามตัดใจตั้งแต่ตอนนี้
“ขอบคุณมากครับ สายไหมอร่อยมาก”
ฝนทิพย์ยิ้มฝืน ๆ ไม่อยากฟังคำขอบคุณ สิ่งที่อยากได้ยินคือการยอมรับหรือปฏิเสธผู้หญิงคนเมื่อวานนี้ต่างหาก เพราะเธอข้องใจในความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงที่อยู่ห้องเขามาก เมื่อคืนนี้เธอก็นอนคิดมากทั้งคืน ได้แต่เฝ้าภาวนาขออย่าให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักเขาเลย
“แล้วแฟนคุณต้นได้ชิมหรือเปล่าคะ”
ฝนทิพย์ กระหน่ำย้ำคำว่าแฟนหวังให้เขาตอบให้ได้ไม่งั้นอกแตกตายแน่นอน
“แฟนผม คนไหนครับ”
ต้นกล้า ถามพร้อมส่งยิ้มสดใส
คนบ้า!..ไม่รู้หรือไงนะว่ายิ่งทำหน้าตาแบบนี้ยิ่งเท่ดูดีจนเธอหัวใจจะละลายอยู่แล้ว รีบบอกมาเถอะว่าผู้หญิงคนนั้นใช่แฟนหรือเปล่า
“ก็ผู้หญิงที่อยู่ห้องคุณต้น คนที่ฝนเอาโรตีฝากไว้ไงคะ”
ฝนทิพย์ อดที่จะทำเสียงหมั่นไส้ไม่ได้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เธอไปเป็นแฟนต้นกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเชียวถึงต้องไปรู้สึกหมั่นไส้หึงหวงเขาแบบนี้ บ้าชะมัดเลยเรา
“อ๋อ..เธอชื่อนิดครับ ชื่อจริงนิษฐา”
เขาบอกยิ้ม ๆ แต่ฝนทิพย์ไม่อยากจะรู้ชื่อแซ่ของหล่อนสักนิด อยากรู้สถานภาพของผู้หญิงคนนั้นมากกว่า ทำไมเขาไม่ยอมบอกสักทีนะ เห็นทีจะต้องตั้งคำถามใหม่ ให้เขาแย้มบอกมาให้ได้
“แฟนคุณต้นชื่อนิดหรือคะ..เธอดูน่ารักเหมาะกับคุณต้นดีนะคะ”
กลั้นใจพูดไปอย่างนั้นแหละ ฝนทิพย์ว่าตัวเธอเองต่างหากที่ดูน่ารักเหมาะสมกับต้นกล้าเป็นที่สุด คิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ไม่มีใครได้ยิน
แต่ตอนนี้กำลังอยากจะรู้ว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหนกันแน่
