20. เปิดหน้าท้าชน
“ไม่มีมารยาท!”
อรอนงค์ ต่อว่านิษฐา ทันทีที่ต้นกล้าเดินออกไปแล้ว
“ระหว่างมารยาทกับมารยา จะเลือกอะไรดีน้า...”
นิษฐา จีบปากจีบคอตอบโต้ไป ทำให้อรอนงค์ ฉุนกึก หน้าแดงด้วยความไม่พอใจ
“เธอน่ะสิที่มีมารยา แกล้งตกระกำลำบากให้ต้นสงสาร รับเธอให้มาอยู่ด้วยที่นี่”
อรอนงค์ ไม่มีความเกรงใจอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งตัวเป็นคู่กัด
“ฉันกับต้นเป็นเพื่อนกัน การที่เพื่อนมาอาศัยเพื่อนไม่เห็นจะผิดตรงไหน แต่พวกที่ไม่ได้เป็นเพื่อน แต่สะเออะอยากจะเป็นนี่สิ..ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีน้า..”
“เธอว่าฉันสะเออะงั้นเหรอ”
อรอนงค์ ปรี่เข้ามาเงื้อมือทำท่าจะตบหน้านิษฐา แต่นิษฐา ก็ยกมือเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้อยู่แล้ว
“เข้ามาสิ ถ้าคิดว่าคุณมีมือคนเดียว ฉันนักตบมืออาชีพเลยนะจะบอกให้”
นิษฐา ส่งแววตาท้าทายข่มขู่ ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องตบตีกับใครมาก่อน คงเพราะความหึงหวงนี่กระมังที่ทำให้เธอเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“ป่าเถื่อนสิ้นดี” อรอนงค์ จ้องหน้า
“ใครกันแน่ที่ป่าเถื่อน”
“หยุดได้แล้ว ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ต้องทำให้เจ้าของห้องอยู่อย่างสงบสุข” อรอนงค์เป็นฝ่ายสงบศึก
“แต่คนที่จะทำให้ต้นไม่สงบสุขก็คือคุณ” นิษฐา ชี้หน้า
“หล่อนต่างหากไม่ใช่ฉัน” อรอนงค์ ชี้หน้ากลับ
“ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ที่ต้นอยากจะให้ฉันมาอยู่ด้วยที่นี่ก็เพราะเขาไม่อยากจะอยู่กับคุณสองต่อสองต่างหากล่ะ รู้เอาไว้ด้วย”
นิษฐา พูดจบก็เดินสะบัดหน้าออกไปที่ห้องนั่งเล่นทันที แต่อรอนงค์ก็เดินตามมาติด ๆ
“เดี๋ยว..คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อเธอ ต้นเป็นสุภาพบุรุษเกินกว่าที่จะพูดแบบนั้น”
“ก็เพราะเป็นสุภาพบุรุษน่ะสิ เขาถึงไม่กล้าไล่คุณให้ไปหาที่อยู่ใหม่” นิษฐา ลอยหน้าพูด
“ต้นไม่มีวันที่จะไล่ฉันหรอกย่ะรู้ไว้ด้วย ระหว่างฉันกับต้นเรามีความผูกพันกันมากกว่าที่เธอคิด ระหว่างที่เราอยู่อเมริกาด้วยกันฉันกับเขาสวีทหวานกันแค่ไหน เธอไม่รู้หรอก”
อรอนงค์ พูดเพื่อหวังที่จะข่มอีกฝ่ายให้ได้
“งั้นเหรอ ถ้าต้นเขาอยากจะสวีทหวานกับคุณ ก็คงไม่ชวนฉันมาพักที่นี่ด้วยหรอกมั้ง”
“ต้นเขาน้อยใจฉันต่างหากล่ะ เขาก็เลยแกล้งชวนเธอมา เพื่อให้ฉันหึงหวงเขา แต่ฉันไม่ใช่คนขี้หึงหรอกนะ เอาไว้ต้นหายงอนฉันเมื่อไหร่ เขาก็จะเฉดหัวเธอออกไปเมื่อนั้นแหละ”
อรอนงค์ รู้สึกสะใจที่คำพูดของเธอทำให้นิษฐา หน้าซีด เธอจะต้องพูดกรอกหูนิษฐาให้เข้าใจว่า เธอกับต้นกล้ามีความสัมพันธ์กันแนบแน่นเพียงใด นั่นคือหนทางที่จะเอาชนะคู่แข่งได้
.....
“พ่อขาแม่ขา..ฝนขออนุญาตไปดูห้องที่คอนโดนะคะ”
ฝนทิพย์ บอกกับบิดามารดาขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่
“ไปดูห้องหรือไปดูหนุ่ม เอาให้แน่”
คุณประกิตถามลูกสาว แต่ก็ทำให้ฝนทิพย์ถึงกับสะอึกไปได้เหมือนกัน เอ..หรือว่าพ่อจะรู้ความในใจว่าเธอแอบชอบหนุ่มที่อยู่ห้องข้างบนที่คอนโดนั่น
“หนุ่มที่ไหนล่ะคะพ่อ” เธอแกล้งถามกลบเกลื่อน
“ก็แม่เขาบอกว่าลูกมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ นัดจะไปพบกันล่ะสิ”
คุณประกิตพูดดักคอ ฝนทิพย์หายใจโล่งอก ที่แท้ก็แค่คาดเดา นึกว่ารู้จริงซะอีก
“ฝนไม่ได้มีแฟนนะคะพ่อ” ฝนทิพย์รีบบอกความจริง
“ตกลงเธอไม่มีแฟนแน่นะยัยฝน..ยืนยันให้ชัด ๆ ต่อหน้าพ่อเธออีกทีสิ”
คุณน้อมจิต ได้ทีรีบรุกถามทันที
“ก็..เออ..ไม่มี เอ๊ย..มีก็ได้ ว้าย!..มีจริง ๆ ค่ะ”
ฝนทิพย์สับสนจนตอบผิด ๆ ถูก ๆ
“อะไรของมัน สรุปว่ามีหรือไม่มี”
คุณประกิตถามย้ำชักจะงง ๆ กับยัยลูกสาวหัวหมอ
“ถ้ามีแล้วพ่อจะไม่บังคับให้ฝนต้องคบกับพี่ตี๋ใหญ่ใช่ไหมคะ” ลองถามหยั่งเชิงดูก่อนเป็นแนวทาง
“ใช่”
“งั้น..ฝนมีแฟนแล้วค่ะ”
รีบตอบเสียงหนักแน่น
“แกมีจริง ๆ หรือหลอกพ่อกับแม่กันแน่”
คราวนี้คุณประกิตมองหน้าลูกสาวเหมือนจะจับผิด
“มีจริง ๆ ค่ะ” สบตาบิดาอย่างหวั่น ๆ
“งั้นไปเอามาให้พ่อกับแม่รู้จัก ถ้าพ่ออนุมัติก็คบกันต่อไปได้ แต่ถ้าไม่ผ่าน ลูกต้องให้โอกาสตี๋ใหญ่เขา เพราะตี๋ใหญ่ผ่านมาตรฐานไอเอสโอเก้าพันห้าจากพ่อเรียบร้อยแล้ว”
คุณประกิต รับรองคุณภาพให้กับตี๋ใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้เขาอยากจะให้ลูกสาวได้เป็นฝั่งเป็นฝากับลูกชายของเฮียตงเพื่อนรัก แต่เขาก็ไม่อยากจะบีบบังคับฝนทิพย์จนเกินไป เขายังเปิดโอกาสให้ลูกสาวอยู่บ้าง
“ตอนนี้แฟนฝนเขายังไม่ว่างหรอกค่ะพ่อ”
ฝนทิพย์ บอกด้วยใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ที่โกหก
“แล้วจะว่างตอนไหน”
“เอาไว้ฝนถามเขาอีกทีก่อนนะคะ”
“แล้วนี่คบกันไปถึงไหนแล้ว” บิดาถามต่อ
“ยังไม่ถึงไหนหรอกค่ะ แค่อยู่ระหว่างศึกษากัน”
“อย่าให้มันลึกซึ้งเกินขอบเขต พ่อแม่รับไม่ได้หรอกนะถ้าลูกจะมีแฟนแล้ว แอบไปอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้แต่งงาน”
คุณประกิต บอกไปอย่างนั้นเอง เพราะสมัยนี้จะห้ามเรื่องแบบนี้ก็คงยาก แต่ก็ต้องขู่เอาไว้ตามฟอร์ม
“รับรองค่ะพ่อ ฝนเอาเกียรติเนตรนารีเป็นประกัน”
เธอยืดอกยกมือขึ้นทำท่าเคารพบิดาเป็นการล้อเลียน
“คงจำคำสอนของพ่อกับแม่ได้นะยัยฝน”คุณน้อมจิตกำชับ
“ทราบแล้วเปลี่ยนค้า..ตกลงพ่อกับแม่อนุญาตให้ฝนไปกรุงเทพฯได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ได้..แต่ต้องหลังจากที่ตี๋ใหญ่แวะมาพาลูกไปทานอาหารกลางวันก่อนจ๊ะ แล้วฝนก็บอกพี่เขาด้วยว่าจะกลับกรุงเทพฯ”
คุณน้อมจิตแนะนำ
“กินข้าวกับพี่ตี๋ใหญ่อีกแล้ว เมื่อวานก็เพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันไปหยก ๆ” ฝนทิพย์โวยวาย
“เอาน่ายัยฝน เปิดโอกาสเรียนรู้นิสัยใจคอของตี๋ใหญ่เขาไปด้วย” คุณประกิตว่า
“ก็ได้ค่ะ กินเสร็จฝนขับรถกลับกรุงเทพฯเลยนะคะ”
“โอเคไม่มีปัญหา” คุณประกิตอนุญาต
แบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ฝนทิพย์คิดในใจพร้อมกับนึกถึงหน้าของใครบางคนที่กรุงเทพฯ อย่างมีความสุข
...
ต้นกล้า ตื่นแต่เช้าทำอาหารเช้าแบบอเมริกันมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะไปปลุกสองสาวให้ลุกขึ้นมารับประทาน ซึ่งทั้งนิษฐาและอรอนงค์ ต่างก็รีบกระวีกระวาดมานั่งประจำโต๊ะอย่างยินดี ยิ่งเห็นหน้าตาอาหารถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามไม่ต่างจากอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม ก็ยิ่งทำให้สองสาวอารมณ์ดีแต่เช้า ลืมความบาดหมางใจกันเมื่อวันวานไปชั่วขณะ
ต้นกล้า ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว เขาออกจากห้องมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนคไทสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำเหมือนหนุ่มออฟฟิศ วันนี้เขาตั้งใจที่จะไปปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจร้านอาหารกับหลายคน เขาอยากจะให้นิษฐาไปเป็นเพื่อนด้วย
แต่เมื่อคิดดูอีกทีหากชวนนิษฐาแล้วไม่ชวนอรอนงค์ไปด้วยคงจะเกิดปัญหาขึ้น เขาจึงตัดสินใจว่าจะขึ้นแท็กซี่ไปคนเดียว
“แต่งตัวแบบนี้จะออกไปข้างนอกใช่ไหมคะ”
นิษฐา เป็นคนกล่าวทัก เธอกับอรอนงค์กำลังเพลิดเพลิน
อยู่กับอาหาร ที่บัดนี้เพิ่มน้ำผลไม้คั้นมาอีกคนละหนึ่งแก้ว
“จะไปแต่เช้าเลยหรือคะต้น” อรอนงค์รีบถามบ้าง
“ผมจะไปธุระหลายที่น่ะครับ”
“ให้อรไปด้วยนะคะ..รออรอาบน้ำแต่งตัวแป๊บเดียวค่ะ”
อรอนงค์ รีบยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่มทำท่าจะลุกขึ้น
“อย่าเลยครับอร ผมต้องแวะไปหาหลายคน”
ต้นกล้ารีบบอก
“ดีสิคะ อรจะได้รู้จักกับเพื่อน ๆ ของต้นด้วย”
ต้นกล้า ทำหน้าผะอืดผะอม หันไปมองหน้านิษฐาเผื่อว่าจะช่วยเหลือเขาได้บ้าง นิษฐาเข้าใจสายตาของเขาทันที
“นี่คุณอร..ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไงคะ ต้นเขาอยากจะไปคนเดียว เขาไปคุยธุระไม่ได้ไปเดินเที่ยว”
นิษฐาหันไปต่อว่าอรอนงค์เพื่อหวังจะเอาคะแนนความช่วยเหลือจากต้นกล้าให้ได้
“แล้วมันเรื่องอะไรของหล่อนยะ หล่อนไม่มีสิทธิ์ที่จะมาห้ามฉัน”
อรอนงค์ หันมาเล่นงานนิษฐาบ้าง ต้นกล้า ก็เลยรีบถือ
โอกาสชิ่งออกไปจากห้องทันที
“ต้น!”
อรอนงค์ลุกขึ้นจะตามต้นกล้าไปแต่ถูกนิษฐายืนกางแขน
ขวางเอาไว้
“เธอ..จะมากไปแล้วนะทำตัวเป็นเจ้าของต้นแบบนี้คิดหรือ
ว่าต้นเขาจะปลื้มหล่อน” อรอนงค์กระแทกก้นนั่งลง
“ต้นเขาก็ไม่ปลื้มคุณเหมือนกัน”
นิษฐา ตอบโต้พร้อมกับนั่งลงตามเดิม
“สู่รู้” อรอนงค์ กระแทกเสียงใส่หน้านิษฐา
“ฉันรู้ว่าต้นไม่ได้ปลื้มคุณหรอกนะ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย” นิษฐา ทำปากเหยียด ๆ
“จะบอกว่าต้นเขาปลื้มหล่อนงั้นสิ..ไม่รู้ใครมันหลงตัวเองกันแน่..ทุเรศ!” อรอนงค์เบ้ปาก
“ดูกันไปก็แล้วกันว่าต้นเขาชอบใครกันแน่”
นิษฐา บอกด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน
“นี่หล่อนยอมรับแล้วเหรอว่าแอบชอบต้น ถึงกับยอมลงทุนหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับเขาที่นี่”
อรอนงค์ ทำเสียงหยันตอบไปบ้าง
“ต้นเป็นฝ่ายชวนฉันมาเพราะว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่เท่าที่
ฉันรู้มา คุณไม่ได้รับเชิญจากเจ้าของห้อง”
นิษฐา ทำเสียงเยาะเย้ย
“ถึงต้นจะชวนเธอจริง เขาก็แค่ชวนไปตามมารยาท แต่หล่อนชอบเขาล่ะสิถึงได้รีบแจ้นหอบเสื้อผ้ามาอยู่ที่นี่”
“ใครกันแน่ที่ชอบต้นจนต้องวิ่งแร่มาขอค้างกับเขา” นิษฐา ย้อนกลับ
“ฉันชอบต้น ฉันก็แสดงออกอย่างเปิดเผย ไม่เหมือนหล่อนที่แอบซุ่ม ปากก็บอกเป็นเพื่อนแต่ใจคิดจะงาบเขาอยู่ตลอดเวลา”
นิษฐา หน้าแดงด้วยความโกรธ คำพูดของอรอนงค์มันจี้ใจดำเธอชัด ๆ
“หล่อนอยู่เฝ้าห้องให้ต้นไปคนเดียวเถอะนะ ออ..อย่าลืมเก็บถ้วยจานไปล้างด้วยล่ะ ฉันจะอาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกและจะกลับเข้ามาพร้อมกับต้น”
อรอนงค์ พูดจบก็ลุกจากโต๊ะเดินปึงปังเข้าห้องไป ปล่อยให้นิษฐา กัดฟันกรอด ๆ มองตามหลังด้วยความเจ็บใจ
