17. หาทางสานสัมพันธ์
“ได้สิ มีคนอยู่เยอะ ๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เหงาชวนเก๋มาด้วยกันสิ”
“ยัยเก๋จะกลับบ้านที่เพชรบุรีพร้อมนายอาร์ตน่ะ นิดก็เลยไม่มีเพื่อน ถึงอยากจะมาค้างกับต้นไงล่ะ”
“งั้นก็ไม่มีปัญหา นิดนอนที่ห้องของผมก็ได้”
“อ้าว..แล้วต้นจะนอนไหนล่ะ”
“นอนที่โซฟาห้องรับแขกไง”
นิษฐา ยิ้มที่มุมปาก เธออยากจะเห็นหน้าอรอนงค์นัก ถ้ารู้ว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ด้วย อรอนงค์ จะทำหน้าอย่างไร แต่ตอนนี้เธอจะปล่อยให้อรอนงค์ ดีใจไปก่อน
“คุณฝนขา..คุณแม่ให้พี่ขึ้นมาตามคุณฝนค่ะ ท่านบอกว่าให้คุณฝนแต่งตัวสวย ๆ ลงไปด้วย เดี๋ยวคุณตี๋ใหญ่จะพาไปทานก๋วยเตี๋ยวริมน้ำค่ะ”
พิกุล สาวใช้เดินมาบอกฝนทิพย์ที่ห้องนอน
“หา..พี่ตี๋ใหญ่มาเหรอคะพี่พิกุล”
ฝนทิพย์ ตกใจจนมือถือที่กำลังดูอยู่หลุดมือลงบนที่นอน
“ใช่ค่ะ ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับคุณน้อมจิตที่ห้องนั่งเล่นค่ะ” พิกุล รายงานให้ทราบ
“ตายแล้วทำไงดีล่ะ” ฝนทิพย์ มีท่าทีกังวลใจ
“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรนี่คะ แค่แต่งตัวสวย ๆ ตามที่คุณแม่บอก แล้วก็ไปกับคุณตี๋ใหญ่”
“แค่ไปกินก๋วยเตี๋ยวเนี่ยนะต้องแต่งตัวสวย ๆ ไม่ได้ไปประกวดนางงามซะหน่อย พี่พิกุลลงไปบอกคุณแม่นะคะ ว่าฝนปวดหัวมาก ตัวก็ร้อน ตอนนี้นอนซมอยู่”
ฝนทิพย์ หาทางบ่ายเบี่ยง
“โกหกแม่ตัวเองบาปนะคะ” พิกุล ไม่เห็นด้วย
“โธ่..พี่พิกุลขา..ถ้าไม่โกหก คุณแม่ก็บังคับให้ฝนไปกับพี่ตี๋ใหญ่น่ะสิ พี่พิกุลช่วยฝนด้วยนะ คิดว่าทำเพื่อลูกนกลูกกา”
เธอมองพิกุล แววตาอ้อนวอน
“ทำไมคุณสองคนพี่น้องถึงชอบโกหกพ่อแม่อย่างนี้นะ คราวคุณกวีก็ทีแล้ว โกหกว่าตัวเองเป็นลมบ้าหมูยอมลงทุนชักกระตุกตาตั้ง แถมกินอะไรก็ไม่รู้เป็นฟองฟอดเต็มปากให้พ่อกับแม่ต้องตกใจทำแบบนี้บาปมากนะคะ” พิกุล พูดเตือนสติ
“ถ้าไม่โกหกจะให้ทำไงล่ะคะ”
“ก็พูดความจริงสิคะ เราไม่ชอบก็บอกไปตรง ๆ ท่านไม่ว่าหรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของคุณฝนน่ะรักลูกจะตาย มีหรือจะบังคับจิตใจได้ลงคอ” พิกุลแนะนำ
“ไม่บังคับ แต่ก็พูดจาหว่านล้อมให้ทำตาม มันก็เหมือนกับบังคับกราย ๆ น่ะแหละ” ฝนทิพย์ว่า
“แต่มันก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่คะ แค่ไปทานข้าวกับคุณตี๋ใหญ่”
“งั้นพี่พิกุลก็ไปแทนฝนสิ”
เธอพูดประชดสาวใช้ด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าคุณตี๋ใหญ่ตั้งใจมาชวนพี่ รับรองว่าจะรีบไปเลยค่ะ คุณตี๋ใหญ่ก็ไม่ได้ขี้เหร่สักหน่อย แต่นี่เขามาชวนคุณฝน ไม่ใช่พี่”
“ตกลงพี่พิกุลไม่ช่วยฝนใช่ไหมคะ”
เธอทำหน้าเง้างอน ถามอย่างน้อยใจ
“ช่วยยังไงล่ะคะ” พิกุล ชักจะใจอ่อน
“อ้าว..ก็ที่ฝนบอกไปแล้วไงคะ”
“บอกว่าไงคะ” พิกุล แกล้งทำหน้าซื่อ
“ฮื้อ..ก็ให้ไปบอกคุณแม่ว่าฝนปวดหัวตัวร้อนนอนซมไงคะ”
“สรุปจะดิ้นรนโกหกทำบาปให้ได้ใช่ไหมคะ”
สาวใช้ย้อนถามเพื่อความแน่ใจ
“ทำไงได้ล่ะ ก็ฝนไม่อยากไปกับพี่ตี๋ใหญ่นี่นา”
เธอทำหน้าเศร้า
“ก็ได้ค่ะ..แหม..แต่ไม่อยากโกหกเลยเชียว”
พิกุล เดินบ่นออกไปจากห้อง
ฝนทิพย์ ยิ้มพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมานอนดูต่อ เธอหัวเราะไปกับเรื่องราวในคลิปต่าง ๆ จนไม่ได้สังเกตว่ามีคนมายืนกอดอกมองอยู่
“อื้อหือ..คนปวดหัวตัวร้อนนอนซมเพราะพิษไข้ เขามีความสุขอย่างนี้นี่เอง”
เสียงพูดประชดดังขึ้นใกล้ ๆ ทำให้ฝนทิพย์ตกใจจนทำมือถือหลุดมือ
“แม่!..มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมดเลย”
ฝนทิพย์ หน้าจ๋อยแกล้งหันไปต่อว่ามารดา
“ถ้าให้เสียงมาก่อน แม่ก็ไม่รู้ว่าโดนหลอกน่ะสิ”
คุณน้อมจิต มองค้อนลูกสาว เธอไม่เชื่อคำพูดที่พิกุลรายงานถึงอาการป่วยของลูกสาวจึงต้องขึ้นมาดูด้วยตัวเอง
“ฝนปวดหัวจริง ๆ นะคะแม่”
ลูกสาวจอมมารยาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที
“แม่ไม่เชื่อหรอกนะว่าเธอจะปวดหัวตัวร้อนขึ้นมากะทันหันแบบนี้ ทั้งที่เมื่อเช้ายังเปิดเพลงฝรั่งแดนซ์กระจายจนพ่อกับแม่ทนดูไม่ได้..เกือบจะไปดิ้นด้วย”
คุณน้อมจิต พูดสัพยอก
“นั่นมันเมื่อตอนเช้านี่คะแต่ตอนนี้ฝนปวดหัว” เธอเถียง
“คนปวดหัวนอนไขว่ห้างเล่นมือถือ หัวเราะกิ๊กกั๊กแบบนี้เหรอ”
“ก็ฝนไม่อยากทานยา แต่จะรักษาด้วยการดูคลิปสนุก ๆ ให้มันหัวเราะ เพื่อที่ร่างกายจะได้หลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมาช่วยให้หายปวดหัวไงคะ”
“หัวหมอดีนัก ไม่ต้องมาอ้างเลย ลุกขึ้นแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย ตี๋ใหญ่ มารอนานแล้วนะ”
“แล้วจะรอทำไมล่ะแม่..ใครบอกให้เขามาล่ะ”
“เอ๊ะเรานี่..ก็ตี๋ใหญ่เขาอยากจะใกล้ชิดทำความสนิทสนมด้วย ทำไมต้องเล่นตัวด้วยนะ”
“ถ้าเขาหล่อกว่านี้ ฝนจะไม่เล่นตัวเลยค่ะแม่”
“แบบไหนล่ะที่ว่าหล่อของเธอน่ะ”
มารดาถามด้วยความหมั่นไส้
“ก็แบบที่ไม่เหมือนตี๋ใหญ่ไงคะแม่”
“แม่ก็ดูเขาน่ารักดีออก กิริยามารยาทก็สุภาพเรียบร้อย”
“แฟนของฝนก็สุภาพเรียบร้อย แถมหล่อมากด้วย”
เธอคุยพร้อมนึกหน้าต้นกล้าไปด้วย
“แฟนคนไหนยะ..อย่ามาโม้แม่ไม่เชื่อหรอก”
“ฝนมีแฟนแล้วจริง ๆ นะแม่ เมื่อไหร่จะเชื่อซะทีนะว่าลูกสาวตัวเองก็มีเสน่ห์พอที่จะมีผู้ชายมาหลงรักเหมือนกัน”
“เอาไว้พามาให้แม่รู้จักก่อน แต่ตอนนี้แฟนไม่มาก็แสดงว่าแฟนไม่มี ลุกไปแต่งตัวได้แล้ว อย่าทำให้แม่หน้าแตกเชียวนะ อุตส่าห์คุยกับตี๋ใหญ่ซะดิบดีว่าเราเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่”
ฝนทิพย์ จำต้องลุกไปแต่งตัวตามใจมารดา เธอกะเอาไว้ว่าหลังจากที่ยอมไปกับตี๋ใหญ่แล้ว ก็จะขอกลับกรุงเทพฯ เธออยากจะไปเห็นหน้าใครบางคนที่อยู่คอนโดเดียวกันนั่นมากกว่าที่จะเห็นใบหน้าซาละเปาของตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่ ยิ้มจนแทบจะมองไม่เห็นลูกตา เมื่อฝนทิพย์เดินลงมาพร้อมด้วยคุณน้อมจิต เขามองว่าฝนทิพย์ เป็นเด็กสาวที่น่ารักมีเสน่ห์ไม่น้อยทีเดียว หากใช้เวลาสนิทสนมกันเขาก็คงจะทำใจให้รักเธอได้ไม่ยากนัก
“ขอโทษทีนะตี๋ใหญ่ที่ให้รอนานไปหน่อย พอดีฝนเขามัวแต่จะหาชุดสวย ๆ ใส่น่ะ คงจะตื่นเต้นที่จะได้ไปออกเดทกับตี๋ใหญ่”
คุณน้อมจิต พูดโดยไม่สนใจใบหน้าของลูกสาวที่มองมารดาด้วยความทึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะโกหกหน้าตายได้แนบเนียนเช่นนี้ ท่าทางมารดา คงอยากจะได้ตี๋ใหญ่มาเป็นเขยน่าดู
“ผมก็ตื่นเต้นครับที่น้องฝนจะไปทานกลางวันด้วย”
ตี๋ใหญ่ บอกยิ้ม ๆ เขาดูเป็นคนอารมณ์ดีไม่น้อย
“พี่ตี๋ใหญ่จะพาไปทานอะไรล่ะคะ” ฝนทิพย์ถามขึ้น
“เห็นเตี่ยพี่บอกว่ามีก๋วยเตี๋ยวริมน้ำที่หนึ่งอร่อยมาก พี่จึงอยากจะพาน้องฝนไปทานครับ”
“อ๋อ..คงร้านเจ๊ปลาดาวมังคะ ช่วงกลางวันคงหาที่นั่งลำบากหน่อย”
ฝนทิพย์ เคยไปที่ร้านนั้นบ่อย แต่ตี๋ใหญ่ไปอยู่ต่างประเทศนานคงจะลืมบรรยากาศร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยของอยุธยาไปแล้ว
“ไม่มีปัญหาหรอกจ๊ะ เตี่ยพี่โทรจองที่นั่งเอาไว้ให้เราแล้วล่ะ”
ฝนทิพย์ยิ้มแหย นี่คงจะเป็นแผนการจับคู่ให้เธอกับตี๋ใหญ่นั่นเอง เอาเถอะเธอจะเล่นตามบทให้สักวันก็แล้วกัน พอจบจากอาหารกลางวัน เธอก็จะได้ขอกลับกรุงเทพฯเสียที มาอยุธยาตั้งสองวันแล้ว ชักจะคิดถึงหนุ่มที่คอนโดเดียวกันขึ้นมาตงิด ๆ
“งั้นก็รีบไปกันเถอะจ๊ะ..ทานข้าวเสร็จก็พาน้องไปไหว้พระที่วัดก็ดีนะตี๋ใหญ่”
คุณน้อมจิต แนะนำโปรแกรมต่อไปให้ทันที ฝนทิพย์ หันไปทำหน้าเซ็ง ๆ ใส่มารดา แต่คุณน้อมจิต ก็แกล้งไม่รับรู้กลับยิ้มหวานเข้าใส่ก็เลยถูกคุณลูกสาวค้อนขวับเข้าให้
ตี๋ใหญ่ รีบผายมือให้กับฝนทิพย์เดิน ท่าทางของเขาดูสุภาพเรียบร้อยถูกใจคุณน้อมจิต แต่ไม่ค่อยจะถูกใจฝนทิพย์นัก เอาไว้อยู่สองคนก่อนเถอะ เธอจะเปิดอกคุยกับตี๋ใหญ่ให้รู้เรื่องกันไปเลย
เมื่อมาถึงที่รถ ตี๋ใหญ่ก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้ฝนทิพย์เข้าไปนั่ง หากคนที่เปิดประตูเป็นเขาคนนั้นฝนทิพย์ คงจะมีความสุขไม่น้อย เฮ้อ..คิดเสียว่าตี๋ใหญ่ เป็นคุณต้นกล้าก็แล้วกัน
แต่หันไปมองเสี้ยวหน้าคนที่ขับรถให้นั่งแล้ว ใจเจ้ากรรมดันคิดเปรียบเทียบเห็นความต่างของสองหนุ่มที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
คนที่ไม่ใช่สเป๊ก ให้ทำอย่างไรก็ไม่ใช่อยู่ดี
