14. ตกใจ
“บอกตรง ๆ นะยัยอร ที่ผ่านมาแกทำให้ป้าผิดหวังมามาก เรียนก็ไม่จบ คบผู้ชายก็มากหน้าหลายตา ทั้งหัวทอง หัวดำ หัวแดงแกก็ไม่เลือก พอเบื่อแกก็ทิ้งเขา แกใช้ชีวิตแบบนี้คิดว่ามันดีแล้วหรือไง..แล้วนี่ก็มาตามตื้อนายต้นอีก ถ้าเกิดนายต้นเขาเล่นด้วย พอแกเบื่อก็คงจะทิ้งเขาอีก ป้าไม่อยากยุ่งกับเรื่องของแกหรอก ไม่อยากมีปัญหากับชดช้อยด้วย”
ผู้เป็นป้าบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“คุณป้าขา..อรขอสัญญาว่าจะเลิกพฤติกรรมเดิม ๆ แล้วค่ะ ถ้าอรกับต้นได้เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ อรก็จะหยุดอยู่ที่เขา จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบ แล้วก็จะหางานทำด้วย จะไม่ขอเงินคุณป้าอีก อรสัญญาค่ะคุณป้า ขอเพียงคุณป้าช่วยเหลืออรบ้าง..นะคะ”
น้ำเสียงออดอ้อนของหลานสาวทำให้คุณสดศรี ใจอ่อนเพราะถึงอย่างไร อรอนงค์ก็เป็นหลานแท้ ๆ ลูกของน้องสาวคนเดียวของคุณสดศรีที่เสียชีวิตไปแล้ว จะทำใจจืดใจดำกับหลานก็ดูกระไรอยู่
“เอาเถอะถ้าแกรับปากว่าจะกลับเนื้อกลับตัวจริง ๆ ป้าก็จะช่วยแก”
“จริง ๆ นะคะคุณป้า..งั้นคุณป้าบอกที่อยู่ของต้นที่กรุงเทพฯให้อรรู้หน่อยสิคะว่าเขาพักที่ไหนกันแน่”
อรอนงค์ มีน้ำเสียงตื่นเต้น
“แต่แกต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่ไปตามตื้อนายต้นจนน่าเกลียด ทำอะไรก็ให้มันอยู่ในขอบเขตบ้าง”
“ค้า..รับรองว่าอรจะไม่ให้ต้นเขารู้ตัวว่าอรกำลังคิดจะจับเอ๊ย..จีบเขาค่ะ”
อรอนงค์ บอกเสียงขบขัน
“พูดจาน่าเกลียดนักเชียว เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน ป้าจะถามชดช้อยดูให้ แล้วจะโทรมาบอก”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า อรรักคุณป้าที่สุดเลยค่ะ”
หลานสาวบอกผู้เป็นป้าด้วยน้ำเสียงลิงโลด
อรอนงค์ นอนยิ้มอย่างมีความสุข เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนเถอะเธอจะบุกไปหาต้นกล้าถึงที่พัก เธอจะบีบน้ำตาให้เขาสงสารและยอมให้เธออาศัยอยู่ด้วย จากนั้นเธอจะหาทางรวบหัวรวบหางให้ต้นกล้าเป็นของเธอให้ได้ ทีนี้ล่ะผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยนอย่างต้นกล้า ก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน
ฝนทิพย์ ขับรถไปส่งชมพู่ ทั้งคู่กอดร่ำลากันด้วยความอาลัย
“ไปได้แล้วยัยเฉิ่มเบ๊อะ มัวแต่กอดกันร้องไห้อยู่แบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้กลับบ้านซะทีล่ะ”
ชมพู่ เป็นฝ่ายผละจากอ้อมกอดเพื่อน ทั้งที่ในใจก็อดที่จะใจหายไม่ได้ เพราะเคยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เป็นเพื่อนสนิทกันมาสี่ปี ความผูกพันย่อมมากเป็นธรรมดา
“ถ้าฉันไม่ติดว่าพ่อป่วยหนัก ก็คงจะขับรถไปส่งเธอที่เมืองกาญจน์แล้วล่ะ”
ฝนทิพย์ บอกเพื่อนให้เข้าใจ
“ฉันเข้าใจ ถ้าฉันไม่ติดว่าที่บ้านโทรมาตาม ฉันก็คงจะไปอยุธยากับเธอแล้วล่ะ”
“งั้นโชคดีนะ” ฝนทิพย์โบกมือลา
“เช่นกัน แล้วจะโทรหานะ”
ฝนทิพย์ มองร่างเล็กกะทัดรัดของชมพู่ ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถตู้จนลับตา
จากนั้นฝนทิพย์ ก็รีบขับรถบึ่งไปอยุธยาทันที ด้วยความร้อนใจห่วงใยบิดา
“พ่อเธอเป็นโรคหัวใจ ตอนนี้อาการเป็นตายเท่ากัน ถ้าเธอไม่รีบกลับมา อาจจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อเธออีกเลยก็ได้”
น้อมจิต ผู้เป็นมารดาบอกมาเช่นนั้น
ฝนทิพย์ ก็ไม่ได้สอบถามอะไรอีกแล้ว นอกจากจะรีบเดินทางกลับบ้านในทันที แต่เธอก็ไม่ลืมสัญญาที่จะไปส่งชมพู่ขึ้นรถตู้ อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเสียก่อนที่จะไปทำหน้าที่ลูกที่ดี
โดยตลอดการเดินทาง ฝนทิพย์ ก็เฝ้าภาวนาให้บิดารอเธอก่อน หากจะต้องมีอันเป็นไป อย่างน้อยก็ขอให้เธอได้กล่าวคำร่ำลากับท่านเป็นครั้งสุดท้าย ป่านนี้พี่ชายของเธอคงจะไปถึงก่อนเธอแล้วกระมัง ฝนทิพย์ คิดเช่นนั้นจึงลองโทรเข้ามือถือของกวีทันที
“พี่กวีตอนนี้อยู่ไหนแล้ว”
ฝนทิพย์ รีบถามทันทีที่ได้ยินเสียงกวีกดรับสาย
“พี่กำลังอยู่ที่ศาลอาญา ทำงานอยู่ มีอะไรด่วนรึเปล่า” เสียงของกวี พูดตอบมา
“มันไม่มีอะไรจะด่วนเท่าเรื่องของพ่อเราอีกแล้วนะ”
เธอบอกพี่ชายเสียงสะอื้น
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่องั้นหรือ รีบบอกมาเร็ว”
กวี มีน้ำเสียงตกใจที่ได้ยินเสียงกลั้นสะอื้นของน้องสาว
“แม่ยังไม่ได้โทรบอกพี่ใช่ไหมเนี่ย”
“ทำไมต้องโทรบอก..มีอะไรเหรอ”
กวี ชักจะเริ่มไม่สบายใจกับคำถามของน้องสาว
“พ่อป่วยหนักอาการเป็นตายเท่ากัน แม่โทรบอกให้ฝนรีบกลับบ้านด่วน”
“พ่อป่วยหนัก!” เสียงกวี เกือบตะโกน
“ใช่ค่ะ แม่คงตกใจจนลืมบอกพี่กวี”
“ตกใจยังไง แม่ก็คงไม่ลืมว่าตัวเองมีลูกสองคนหรอกว่ะ มีหรือจะบอกเธอคนเดียว แล้วจะไม่บอกพี่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้”
กวี วิเคราะห์
“นั่นน่ะสิคะ..แม่จะตกใจจนลืมว่าพี่กวีเป็นลูกอีกคนได้ไง” ฝนทิพย์ ชักจะเริ่มไม่แน่ใจ
“เอาเถอะเดี๋ยวพี่จะโทรหาแม่ตอนนี้เลย”
วางสายจากพี่ชายแล้ว ฝนทิพย์ ก็เร่งความเร็วในการขับรถ
ใจของเธอมุ่งหน้าไปที่อยุธยาบ้านเกิดล่วงหน้าแล้ว เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ขับรถตรงดิ่งไปที่บ้านก่อน เพื่อจะได้ทำใจไปเยี่ยมบิดาที่โรงพยาบาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก
“พ่ออยู่ไหนคะพี่พิกุล”
ฝนทิพย์ เห็นพี่เลี้ยงคนสนิทซึ่งเป็นสาวใช้ประจำบ้านมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เป็นคนวิ่งมาเปิดประตูรั้วบ้านให้ก็รีบถามทันที
“อยู่ที่ออฟฟิศค่ะ”
ออฟฟิศที่พิกุลพูดถึงก็คือศูนย์จำหน่ายรถยนต์ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวฝนทิพย์นั่นเอง
“อ้าว..พ่อป่วยหนัก แล้วไปอยู่ที่ออฟฟิศได้ไงคะ”
ฝนทิพย์ ทำหน้าแปลกใจ
“เปล่านี่คะ คุณประกิตวิ่งออกกำลังกายทุกวันไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่คะคุณฝน”
“งั้นหมายความว่าคุณแม่หลอกฝนหรือคะเนี่ย”
ฝนทิพย์ ทำหน้างอ รีบขับรถเข้าไปจอดที่โรงรถก่อนจะเดินหาคนที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องร้องไห้ตกใจมาตลอดทาง
“มาแล้วเหรอจ๊ะลูกสาวคนสวยของแม่”
เสียงของคุณน้อมจิต ดังเข้ามาพร้อมกับร่างท้วมที่อยู่ในชุดลำลองผ้าไหม ใบหน้าของคุณน้อมจิต แต่งแต้มพองาม แม้จะอายุห้าสิบปลาย ๆ แล้ว แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุมาก
“คุณแม่หลอกฝน เรื่องที่คุณพ่อป่วยหนักใช่ไหมคะ”
ฝนทิพย์ รีบหันมาถามมารดา
“ใช่!..ถ้าแม่ไม่หลอก มีหรือเธอจะกลับบ้านง่าย ๆ อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ทั้งที่เรียนจบแล้ว”
“มิน่าล่ะ ฝนน่าจะรู้ตั้งแต่โทรหาพี่กวีแล้ว ถ้าพ่อป่วยจริงแม่ก็ต้องโทรบอกพี่กวีด้วย”
“เขาเรียกว่าฉลาดแต่ไม่เฉลียวจ๊ะ อยากเป็นนักกฎหมายที่ดีต้องรอบคอบกว่านี้”
คุณน้อมจิต ถือโอกาสสอนลูกสาวทางอ้อม
“แม่เล่นแรงไปรึเปล่า เอาชีวิตของพ่อมาล้อเล่นแบบนี้มันไม่ดีนะแม่” เธอต่อว่ามารดา
“เป็นความคิดของพ่อเราย่ะ..เขาบอกว่าเป็นการต่ออายุให้ต่างหาก”
คุณน้อมจิต เดินมานั่งที่ม้าโยกตัวโปรด ฝนทิพย์ จึงเดินมานั่งที่เก้าอี้ใกล้กับมารดา
“หลอกลูกตัวเองได้ลงคอ พ่อนะพ่อ แล้วแม่ก็สมรู้ร่วมคิดด้วย อย่างนี้ก็มีความผิดทั้งผัวทั้งเมีย จับเข้าคุกทั้งคู่ไปเลย”
เธอกล่าวสัพยอกมารดา
“กลัวแล้วจ้าแม่นักกฎหมายใหญ่..” มารดาร่วมวงหยอกล้อด้วย
“นี่ดีนะที่ฝนขับรถถึงบ้านอย่างปลอดภัยไม่ชนประสานงากับรถคันอื่นไปซะก่อน อุตส่าห์เป็นห่วงแทบตาย กลับมาทำเราได้ รู้อย่างนี้ไปเที่ยวบ้านยัยชมพู่ที่เมืองกาญจน์ยังจะดีกว่า”
“ก็พ่อเขาอยากจะพิสูจน์น่ะสิว่า ระหว่างผู้ชายกับพ่อบังเกิดเกล้า เธอจะเลือกใคร พ่อเขารู้ว่าเธอมีแฟนก็เลยไม่อยากจะกลับมาหาพ่อแม่ จึงต้องใช้แผนนี้ ล่อเธอกลับบ้านไงล่ะ”
“ใครบอกคะว่าฝนมีแฟนแล้ว” ฝนทิพย์ ถามด้วยสีหน้าฉงน
“พี่ชายเราน่ะสิ โทรบอกแม่ว่า ฝนมีแฟนแล้ว”
“เชื่อพี่กวีต้องออกลูกเป็นคางคกแหง ๆ” เธอส่ายหน้ายิ้ม ๆ
“แล้วตกลงจริงรึเปล่าล่ะ”
“ฝนไม่มีแฟนหรอกค่ะแม่” เธอบอกกลั้วหัวเราะ
“จริงเหรอ” มารดา มีสีหน้าดีใจ
“ทำไมคะแม่ ดีใจที่ลูกตัวเองขึ้นคานหรือไง”
“ดีใจที่ฝนยังไม่มีใครต่างหากล่ะ พ่อกับแม่จะได้สบายใจหาคนที่เหมาะสมให้ลูกยังไงล่ะ”
“หาใครคะ”
ฝนทิพย์ ทำหน้าตกใจ
“ก็พี่ตี๋ใหญ่ ลูกของเฮียตง เจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอมไงลูก”
ฝนทิพย์ นึกถึงคำพูดของพี่ชายที่เคยเกริ่นไว้ให้ทราบ ไม่นึกว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้ต้องรีบตอบไปทันทีว่า
“อุ๊ย!..แม่ขา..ฝนลืมบอกไปว่า ฝนมีแฟนแล้วค่ะ เมื่อกี้ล้อเล่นที่บอกว่ายังไม่มี”
“ไม่เชื่อ..ไม่ต้องมากลับคำให้การเลย ทำเป็นมาหัวหมอกับแม่กับเชื้อ เดี๋ยวเถอะ”
“จริงนะแม่..เค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วจริงจิ้ง”
เธอทำเสียงสูงตอนท้าย หน้าตาจริงจัง
