12. ขอที่หลบภัย
“ห้องสิบสองทับสี่ค่ะ พอดีฝนได้ยินเสียงออดค่ะ ก็เลยดูที่ช่องตาแมว เห็นคนที่หน้าตาคล้ายคุณน่ะค่ะ”
เธอรีบอธิบาย
“ห้องคุณฝน รึเปล่าครับ”
เขาย้อนถามสีหน้าไม่แน่ใจ เนื่องจากไม่ชินกับการแต่งตัวของหญิงสาวตรงหน้านั่นเอง
“ใช่ค่ะ นี่ฝนเองค่ะ พอดีช่วงที่คุณเคาะประตู ฝนอาบน้ำเพิ่งจะเสร็จ ยังไม่ได้แต่งตัวน่ะค่ะก็เลยไม่กล้าเปิดประตูออกมา”
ฝนทิพย์ โกหกหน้าตาย แล้วก็ได้ผลเสียด้วย ต้นกล้า ยิ้มกว้างให้กับเธอทันที ยิ้มแบบนี้แหละที่จะทำให้ฝนทิพย์ ใจสั่นแข้งขาอ่อนพาลจะเป็นลม
“คุณคือเจ้าของห้องที่ผมไปเรียกหรือครับเนี่ย”
เขาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ค่ะ..ฉันชื่อฝน คนที่คุณเอาเค้กชาเขียวไปให้วันก่อนไงคะ” เธอรีบทวนความจำ
“นี่คุณฝนจริง ๆ หรือครับ ผมนึกว่า....”
เขาเกือบจะพลั้งปากว่าเป็นคนละคน กับที่เขาได้พบที่ห้องเธอเมื่อวันก่อนเสียอีก
“นึกว่าฝนจะมีสภาพหัวกระเซิง หน้าพอกครีมดำ เห็นแต่ลูกกะตาใช่ไหมคะ”
เธอเป็นคนพูดแทนเขา
“เอ้อ..ครับ..”
เขาตอบรับด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“ไม่ทราบว่าคุณต้นมีธุระอะไรกับฝนรึเปล่า”
เธอรีบถามเมื่อเห็นเขายืนจ้องหน้าไม่กะพริบตา
โอมเพี้ยง..ขอให้เขาปิ๊งฝนทิพย์ สุดสวยด้วยเถอะ
“อ๋อ..ผมจะเอาหูฉลามไปให้น่ะครับ..นี่ไงครับ”
ต้นกล้า ยื่นถุงส่งให้ ฝ่ายที่ยื่นมือไปรับ เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ นี่เขามีใจให้เธอหรือเปล่านะ เขาจึงคิดจะสานสัมพันธ์ด้วยการเอาของกินมาฝาก
ไชโย้!..เขาเห็นรูปสวยของเธอที่ซ่อนอยู่จริง ๆ ด้วย นี่ขนาดเขาพบเธอในสภาพเหมือนคนบ้าถึงสองครั้งสองครา เขาก็ยังคิดจะมาผูกมิตรไมตรีด้วย มันช่างน่าภูมิใจอะไรเช่นนี้หนอ
ยัยฝนทิพย์เอ๋ย..ท่าทางจะได้แฟนรูปหล่อสมใจก็ครานี้แหละ
“ขอบคุณมากค่ะ..คราวที่แล้ว เค้กชาเขียวอร่อยมากเลยค่ะ คุณต้นทำเองหรือคะ”
“ครับผม..และหูฉลามถุงนี้ผมก็มีส่วนช่วยพ่อครัวเขาทำด้วยนะครับ”
“เอ้อ..คุณต้นไปแข่งขันการทำอาหารมาใช่ไหมคะ”
ฝนทิพย์ ถามเพื่อหวังว่าจะถ่วงเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดเขาให้นานหน่อย
“เอ๊ะ..คุณฝนทราบได้ไงครับเนี่ย”
“พอดีได้ดูรายการที่คุณไปทำอาหารน่ะค่ะ แล้วฝนก็กดติดตามช่องยูทูปของคุณด้วยนะคะ ฝนดีใจด้วยนะคะที่คุณชนะการแข่งขัน คุณคงจะชอบทำอาหารมากใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ผมมีแพลนที่จะเปิดร้านอาหารที่เมืองไทยนี้ด้วย”
“จะเปิดร้านอาหารแถวไหนคะเนี่ย ฝนจะได้ไปอุดหนุน”
“ตอนนี้ยังไม่ได้หาทำเลเลยครับ เอาไว้ถ้าเปิดแล้วผมจะเชิญคุณฝน ไปทานที่ร้านนะครับ”
ฝนทิพย์ หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น เขาพูดแบบนี้จะตีความว่าเขาก็สนใจเธออยู่ได้ไหมนะ เอาเป็นว่าขอทึกทักเลยก็แล้วกันว่าเขากำลังจีบเธออยู่ ยิ่งคิดยิ่งเขินจนหน้าแดงร้อนวูบวาบไปทั้งหน้า
“เออ..นี่ก็ดึกรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณฝนมากแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วไว้เจอกันใหม่นะครับ”
ต้นกล้า ส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะก้มศีรษะด้วยท่าทีสุภาพเป็นการกล่าวลา
อู้ย..ตั้งแต่เกิดมาเป็นสาวได้ยี่สิบสองหนาวเพิ่งจะได้พบคนหน้าตาถูกใจ นิสัยสุภาพก็ครั้งนี้แหละ ทำอย่างไรหนอจึงจะได้เป็นแฟนกับผู้ชายที่มีคุณสมบัติตามใฝ่หาเช่นนี้ได้ ฝนทิพย์ครุ่นคิดในขณะที่กำลังหมุนตัวจะเดินกลับห้อง
มีเสียงสัญญานมือถือของต้นกล้าดังขึ้น ฝนทิพย์ แกล้งเดินเอื่อย ๆ เพื่อจะได้แอบเงี่ยหูฟังเขาคุยโทรศัพท์
“สวัสดีครับอร..อ๋อ..ผมเพิ่งจะถึงบ้านครับ อะไรนะครับ!”
น้ำเสียงตอนท้ายของเขาดูตกใจไม่น้อย
ฝนทิพย์ หูผึ่งอดหันไปมองไม่ได้ เห็นต้นกล้า กำลังหันมาสบตาเข้าพอดี เธอก็เลยต้องรีบหันหลังกลับ ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องของตัวเอง กลัวเขาจะจับได้ว่าเธอตั้งใจที่จะฟังเขาพูดโทรศัพท์อยู่
“อุ๊ย!..คุณต้น”
ฝนทิพย์ตกใจที่จู่ ๆ ต้นกล้า ก็เดินหน้าตาตื่นมาหาเธอที่หน้าห้องในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปพอดี
“ขอโทษครับผม ที่ทำให้ตกใจ”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟัง ใครไม่ให้อภัยก็ใจแข็งเกินไปแล้ว
“คุณฝนครับ ผมขอความช่วยเหลือได้ไหมครับ..ผมขอเข้าไปหลบในห้องสักครู่”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน แววตาอ้อนวอน
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณทำเหมือนหนีอะไรมา”
ฝนทิพย์ แปลกใจกับท่าทางของเขาไม่น้อย แต่เขาจะหนีอะไรมาก็ช่าง เธอถือว่าเป็นความโชคดี ถ้าหากพี่ชาย หรือมารดา ทราบว่าเธอเปิดประตูให้ผู้ชายที่ยังไม่ได้รู้จักกันดีเข้ามาในห้องแบบนี้ก็คงจะถูกต่อว่ามากมาย แต่ฝนทิพย์ ขอแหกกฎของตระกูล เพราะไม่ได้ใจแข็งพอที่จะปฏิเสธชายในฝันคนนี้ได้เลย
ฝนทิพย์ เชิญให้ต้นกล้านั่งที่โซฟาห้องรับแขก เขากล่าวคำขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ
“พอจะบอกได้ไหมคะว่าคุณต้นหนีอะไรมา”
ฝนทิพย์ อยากจะรู้
“เอ้อ..มีผู้หญิงมาน่ะครับ..พอดีเธอโทรมาบอกผมว่า..ตอนนี้ เธออยู่ที่หน้าห้องของผมแล้ว” เขาตอบตามตรง
ฝนทิพย์ อมยิ้ม นี่แหละหนอคนหล่อ มีผู้หญิงคอยตามตื้อจนต้องหนี แต่เขาจะรู้ไหมนะว่าจะหนีเสือมาปะจระเข้
ในเมื่อฝนทิพย์ ก็แอบชอบเขาอยู่เสียด้วย แต่เธอจะไม่ทำให้เขาจับได้หรอกนะว่าเธอชอบเขา ประเดี๋ยวเขาจะตกใจหนีเตลิดไปขอความช่วยเหลือจากห้องอื่น เธอก็เสียดายแย่น่ะสิ
“ผู้หญิงที่ไหนคะ..แฟนคุณรึเปล่า”
ฝนทิพย์ แกล้งถามจะได้รู้สถานภาพของคนที่ตัวเองสนใจ
“ไม่ใช่แฟนครับเป็นแค่เพื่อนน่ะครับ..ผมยังไม่มีแฟน”
คำตอบของเขาทำให้ฝนทิพย์ แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกใจเต้นระรัว ดีใจจนอยากร้องสักกรี๊ดสองกรี๊ด
“แค่เพื่อนเหรอคะ..ถ้าเป็นเพื่อนทำไมต้องหลบหน้าเธอด้วยล่ะคะ”
“ผมคิดกับเธอแบบเพื่อน แต่ว่าเธอ...” เขาไม่กล้าพูดต่อ
“ฝนเข้าใจแล้วค่ะ..แต่คุณก็ไม่น่าที่จะหนีหน้าเธอแบบนี้นะคะ น่าจะเปิดอกคุยกันดีกว่า”
“เธอบอกว่ามีกระเป๋าเดินทางมาด้วย คือ..เอ้อ..เธอจะขอมาค้างกับผม และผมรู้ว่าผมต้องใจอ่อนให้เธออยู่ด้วย แล้วถ้าเกิดว่าผมกับเธอ....”
“ไม่ต้องพูดต่อหรอกค่ะ ฝนเข้าใจ”
“โอ๊ะ..เธอโทรมาอีกแล้วครับ”
ต้นกล้า สะดุ้งกับเสียงสัญญานมือถือดังขึ้น เขาไม่กล้าที่จะกดรับสาย
“คุณน่านะรับสายของเธอนะคะ” ฝนทิพย์แนะนำ
“แล้วบอกความจริงว่าผมหลบอยู่ที่ห้องคุณฝนน่ะเหรอครับ” เขาถามสีหน้ากังวล
“คุณจะไปบอกอย่างนั้นทำไมล่ะคะ ก็อาจจะบอกว่าอยู่บ้านเพื่อน หรือบ้านญาติที่ไหนก็ได้”
เธอแนะนำเพิ่มเติม เมื่อเห็นว่าท่าทางของเขาจะโกหกไม่ค่อยคล่อง
ต้นกล้า พยักหน้าเห็นด้วย เขากดรับสายของอรอนงค์
“ครับอร ..อ๋อ พอดีว่าผมอยู่บ้านญาติน่ะครับ”
“แต่คุณอาร์ต เพื่อนคุณบอกว่าคุณอยู่คอนโดนี้นี่คะ”
เสียงของอรอนงค์ พูดกลับมา
“อะไรนะครับ นายอาร์ตเพื่อนผมบอกว่าผมอยู่คอนโดเหรอครับ”
ต้นกล้า ทำหน้าเหวอ หันไปมองหน้าฝนทิพย์ เป็นเชิงขอความช่วยเหลือด่วน
ฝนทิพย์ ขยับไปทำท่าจะกระซิบที่ข้างหู ทำให้ต้นกล้ารีบเอามือถือไปไว้ด้านหลัง แล้วก็ตั้งใจฟังคำแนะนำเต็มที่ แต่ฝนทิพย์ ใจเต้นระรัวเมื่อจะต้องเข้าไปใกล้ชิดกับชายหนุ่ม
“ไม่ค่อยได้ยินครับ”
ต้นกล้ากระซิบบอก ทำให้ฝนทิพย์ ต้องขยับไปใกล้ขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้เขาได้ยินชัดขึ้น
ต้นกล้า ยิ้มออกมาได้ รีบเอามือถือขึ้นมาพูดตอบโต้
ในขณะที่ฝนทิพย์ ถอยออกไปอยู่ห่าง ๆ ด้วยใบหน้าระเรื่อเจือสีชมพูที่เมื่อสักครู่ได้ใกล้ชิด ได้กลิ่นกายหอมจนติดจมูกมาให้ใจเต้นตึกตัก ทั้งต้องลุ้นกับการฟังเสียงสนทนาที่ต้นกล้ากำลังจะตอบกลับไป
