4.บอกลา
*** ทักทายคร้า ***
คุณหญิงบุหงามองร่างสูงใหญ่ที่ก้มอยู่กับพื้นอย่างไม่เข้าใจ นพดนัยเงยหน้าขึ้นสบตาผู้ให้กำเนิด คุณหญิงถึงกับนิ่งงันเมื่อเห็นดวงตานิ่งลึกของบุตรชายไม่มีแววตาปรากฏให้เห็น
“ลูกจะไปไหนตานพ แล้วจะทิ้งแม่จันทร์กับลูกได้ยังไง” คุณหญิงก้มลงไปจับไหล่หนาพยุงให้ลุกขึ้น แต่พอได้สัมผัสถึงความเย็นเฉียบจากร่างบุตรชายก็ถึงกับใจหายวาบ ตาจ้องใบหน้าซีดเผือดไม่กะพริบ
“ตานพ เกิดอะไรขึ้นลูก...” คุณหญิงเรียกชื่อลูกเสียงสั่นเครือเมื่อสบตาคมรีของบุตรชาย
นพดนัยไม่ตอบ มองสายน้ำใสๆ ที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของผู้เป็นแม่ด้วยแววตาเศร้าหมอง
“ฝากจันทร์กับลูกด้วยนะครับ...ดูแลพวกเขา...แทนผมด้วย” นพดนัยบอกเสียงสั่นเครือ ก่อนที่ร่างซีดขาวจะค่อยๆ เคลื่อนห่างออกไป คุณหญิงบุหงายกมือขึ้นทาบอก หัวใจคนเป็นแม่แทบแหลกสลายเมื่อลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นในใจ
“ระวังตัวด้วยนะครับ ระวังคนใกล้ตัว...” เสียงพูดแผ่วเบาลงเรื่อยๆ พร้อมกับร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตา
“นพ! นพดนัย! อย่าไปนะ กลับมาหาแม่ก่อน…อย่าไป!” คุณหญิงบุหงารีบเข้าไปคว้าแขนใหญ่ที่กำลังโบกลา แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าร้องดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ร่างที่นอนหลับอยู่ลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าสูงวัยชุ่มไปด้วยเหงื่อ คุณหญิงบุหงาเหลียวมองไปรอบๆ ห้องนอน แววตาเต็มไปด้วยความวังกล
นี่เธอฝันไปเองหรอกหรือนี่ คิดได้เช่นนั้นก็ผ่อนลมหายใจเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับแม่อาจคนรับใช้เก่าแก่ที่นอนอยู่หน้าเตียงลุกขึ้นมอง ก่อนจะเดินไปเปิดไฟในห้อง
“คุณหญิงเป็นอะไรคะ ไม่สบายหรือเปล่า” แม่อาจหญิงวัยห้าสิบห้าขยับเข้าไปบีบนวดมือให้อย่างเป็นห่วง
“ตกใจเสียงฟ้าน่ะแม่อาจ” คุณหญิงบอกเสียงสั่น พลางยกมือขึ้นทาบอก สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อให้คลายกังวล “แม่อาจพาฉันไปที่ห้องพระที” คุณหญิงขยับลงจากเตียงโดยมีแม่อาจเข้ามาประคอง
“ฝันร้ายเหรอคะ”
“ใช่ ใจคอไม่ดีเลย เป็นห่วงตานพกับแม่จันทร์ ไม่รู้ที่นั่นจะเจอพายุหรือเปล่า”
“ฝันร้ายเขาว่าจะกลายเป็นดีนะคะ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถิด” คุณหญิงเอ่ย แต่ในใจหวาดหวั่นกับความฝันที่เพิ่งผ่านไป
แม่อาจปลอบพร้อมกับเปิดประตูห้องพระออก ให้คุณหญิงผ่านเข้าไปข้างใน จากนั้นก็คลานเข่าไปจุดธูปส่งให้คุณหญิงที่นั่งรออยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาด้วยอาการสงบ
“ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตานพและครอบครัว ให้พ้นจากอันตรายทั้งปวงด้วยเถิด” คุณหญิงตั้งจิตอธิษฐานอยู่ในใจ แววตาจ้องมองพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า นับจากนี้นางจะขอตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมตลอดไป ขอเพียงให้ลูกทั้งสองปลอดภัยก็พอ คุณหญิงบุหงาปักธูปลงในกระถางแล้วก้มลงกราบ ก่อนจะนั่งสมาธิอยู่ในห้องพระจนกระทั่งเช้าวันใหม่
ตอนที่ 2
“คุณแม่ขา คุณแม่!” เสียงแหลมแสบแก้วหูของนราดังลั่นห้องโถง ทำให้สมเกียรติ นพคุณ ผู้เป็นสามีและลูกชายคนรองของคุณหญิงบุหงา พร้อมกับรักษ์และวรรณฉาย นพคุณ หันไปมอง
“เบาๆ หน่อยสิคุณ เดี๋ยวคุณแม่ท่านก็ตกใจหรอก”
นราหันไปมองสามีตาเขียว ทำเอาสมเกียรติถึงกับหงอ เพราะใครๆ ในบ้านนพคุณก็รู้ว่าคุณสมเกียรติกลัวเมียและอ่อนแอแค่ไหน
“ตกใจเสียงฉันคงไม่ถึงกับตายหรอกน่าคุณเกียรติ แต่ถ้ารู้ว่าลูกชายสุดที่รักหายไปในทะเลอาจจะช็อกก็ได้ คุณอย่าลืมเรียกรถพยาบาลมาสแตนด์บายก็แล้วกัน” นราสะบัดเสียงบอกอย่างโมโหที่ถูกสามีต่อว่า
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะคุณนรา พวกเรายังหาคุณนพกับคุณจันทร์ไม่เจอเอง บางทีพวกเขาอาจจะหลบพายุอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้” วรรณฉายสะใภ้เล็กเอ่ยเสียงนุ่มนวล แต่แววตามองนราอย่างตำหนิ
“จ้า แม่คนมองโลกในแง่ดี”
เสียงเอะอะโวยวายที่ดังอยู่ชั้นล่าง ทำให้คนที่กำลังเดินลงบันไดมารู้สึกไม่ชอบใจนัก สีหน้าและแววตาเรียบเฉยของคุณหญิงบุหงามองไปยังนรา นพคุณ ลูกสะใภ้คนรอง ทำเอาคนถูกมองถึงกับหน้าถอดสี แต่ก็เดินขึ้นไปประคองแม่สามีอย่างเอาใจ
“เอะอะอะไรกันแต่เช้า แม่นรา” คุณหญิงถามลูกสะใภ้หลังจากที่เดินไปนั่งบนชุดรับแขกข้างรักษ์ สายตายับย่นของคนเป็นแม่มองหน้าเคร่งเครียดของลูกชายทั้งสอง ก่อนจะสบตาคนที่อยู่ในห้องอย่างรอคำตอบ ภาพในความฝันเมื่อคืนแวบเข้ามาในหัว เมื่อรอนานจนทนไม่ไหว คุณหญิงจึงถามขึ้นอีกครั้ง
“มีอะไรเกิดขึ้นตารักษ์”
วรรณฉายเห็นท่าทางอึดอัดของสามีจึงขยับเข้าไปนั่งขนาบข้าง
“นี่พวกแกเป็นอะไรกันหมด มีอะไรก็พูดมา ฉันรับรองว่ายังแข็งแรงพอที่จะรับฟังเรื่องร้ายๆ ได้ทุกอย่าง” เสียงผู้เป็นแม่เข้มขึ้น ทำให้รักษ์หันไปมองสมเกียรติ นราแอบเหยียดยิ้มอย่างสะใจ เพราะเธอมั่นใจว่านพดนัยและชิดจันทร์ รวมทั้งคนอื่นๆ บนเรือยอชต์ลำนั้นเสียชีวิตแล้วอย่างแน่นอน
“เมื่อคืน เกิดพายุแถบทะเลอันดามันครับคุณแม่” รักษ์หยุดพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของมารดา พอไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ก็เล่าต่อไปว่า “แล้วตอนเช้ามืด ตำรวจน้ำได้พบซากเรือของพี่นพ...จมอยู่ใต้ทะเล”
ประโยคสุดท้ายเบาหวิวอย่างสะเทือนใจ คุณหญิงบุหงาถึงกับผงะ ใจจะขาดเหมือนมีคนมากระชากหัวใจออกจากร่าง มือขาวยกขึ้นกุมหน้าอก ใบหน้าซีดเผือด
“คุณแม่คะ คุณแม่!” วรรณฉายเรียกอย่างตกใจ ก่อนจะขยับไปประคองร่างผอมบางพิงพนักชุดรับแขก รักษ์ลุกไปนั่งใกล้ๆ บีบมือขาวซีดของผู้เป็นแม่
“ทำใจดีๆ ไว้นะครับคุณแม่ ตราบใดที่เรายังไม่พบศพพี่นพกับพี่จันทร์ เราก็ยังมีความหวัง” เสียงของลูกชายคนเล็กดังอยู่ข้างๆ ทำให้น้ำตาของคุณหญิงบุหงาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อคิดถึงสิ่งที่พบเจอเมื่อคืน รักษ์ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่ไหลอออกมาทางหางตาให้มารดาอย่างอ่อนโยน
“หาพี่เขาให้เจอนะรักษ์ ถึงจะเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณก็ต้องเอาพี่กลับบ้านให้ได้นะ” คุณหญิงสั่งลูกชายคนเล็กเสียงเครือ
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมสัญญาว่าจะพาพี่นพกับพี่จันทร์กลับบ้านให้ได้” รักษ์สบตามารดาอย่างมุ่งมั่น เพราะความรักและเคารพในตัวพี่ชายทำให้รักษ์เสียใจไม่ต่างจากมารดา
ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต รักษ์รู้ว่าพี่ชายทำงานหนักมากแค่ไหน ในฐานะพี่ชายคนโตของบ้านก็ต้องรับผิดชอบดูแลทุกอย่าง และที่สำคัญนพดนัยทำหน้าที่ของพี่ชายได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนกระทั่งน้องชายทั้งสองจบการศึกษากลับมาช่วยงาน นพดนัยจึงพอมีเวลาให้กับภรรยาและลูกที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกมากขึ้น
*** ขอบคุณคร้า ***
