3. ช่วยเหลือ
*** ทักทายคร้า ***
ร่างสูงสง่าของนามาโร่ผละจากร่างอวบอิ่มของภรรยาไปหยิบกล้องส่องทางไกลทรงประสิทธิภาพ ที่สามารถมองเห็นได้ดีในยามไร้แสง แวนด้าสังเกตเห็นกรามแข็งแรงของสามีนูนขึ้นเป็นสันก็เดาได้แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ
“มีคนบุกรุกใช่ไหมคะ”
“ไม่รู้สิ แต่ดูท่าทางคงเจอพายุเมื่อสักครู่” นามาโร่ตอบเสียงเรียบ ตายังคงมองผ่านกล้องไปยังตำแหน่งเดิม
“กี่คนคะ” แวนด้าถามพลางมองไปเบื้องหน้า พายุเริ่มอ่อนกำลังลง แต่สายฝนยังคงโปรยลงมาแต่ก็บางเบากว่าเมื่อสักครู่
“สองจ้ะ ชายหญิง”
“ทำไมถึงออกมาลอยคอกลางมรสุมแบบนี้ก็ไม่รู้นะคะ” แวนด้าเอ่ยอย่างแปลกใจ
“คงอยากเล่นน้ำฝนมั้งจ๊ะที่รัก”
“หนาวจะตาย ใครจะอุตริแบบนั้นคะ” แวนด้าค้อนสามีวงหนึ่ง ทำเอานามาโร่ลดกล้องลง หันมาโอบเอวบาง แล้วจูบเบาๆ ที่แก้มนุ่ม
“คนนี้ไงครับ ชอบกระโดดลงไปเล่นน้ำกลางดึก ทำเอาเจ้าหน้าที่เรือสำราญของซันกรุ๊ปวิ่งพล่านกันทั้งลำ” นามาโร่บอกยิ้มๆ ภาพวันที่พบภรรยาครั้งแรกผุดขึ้นในหัว สาวน้อยผมหยักศกสีน้ำตาลซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวมากับเรือสำราญของซันกรุ๊ป เพื่อหนีการแต่งงานที่มารดาจับคลุมถุงชน เมื่อคิดหาทางออกไม่ได้ก็เลยกระโดดลงน้ำกลางดึกเพื่อดับความว้าวุ่น เขาเดินไปเห็นเข้าโดยบังเอิญก็รีบกระโดดลงไปช่วยเพราะคิดว่าแวนด้าต้องการจะฆ่าตัวตาย พอช่วยเธอขึ้นมาได้ แทนที่แม่คุณจะขอบคุณตามมารยาทกลับด่าเขาเป็นชุด เพราะเธอต้องเสียจูบแรกให้เขาด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าเธอขาดอากาศหายใจ เขาดันไปจูบเธอใต้น้ำเพื่อถ่ายลมหายใจไปให้ แต่ที่ไหนได้เธอได้แชมป์ดำน้ำของโรงเรียน เสียงต่อว่าและสายตาที่มองเขาไม่เกรงกลัวสักนิด ทำให้ติดใจเธอตั้งแต่แรกพบ ผู้หญิงทุกคนพอเห็นหน้านามาโร่ ซันสมิธก็อ่อนระทวยให้ทุกราย แต่กับเธออยู่ในข้อยกเว้น เพราะกว่าจะได้มา เส้นทางรักของเขาถูกเธอพิสูจน์แทบจะเสียฟอร์มไปเลยทีเดียว
เมื่อลูกน้องเข้ามารายงานเรื่องผู้บุกรุก นามาโร่และแวนด้ารีบลงไปที่ห้องพยาบาลที่ชั้นล่าง แวนด้ารีบถลาไปชิดเตียงคนไข้อย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นร่างอวบด้วยอายุครรภ์ใกล้คลอดของชิดจันทร์ แวนด้ามองหน้าซีดขาวราวกระดาษอย่างสงสาร มือบางบีบมือซีดขาวแรงๆ
“ช่วยเธอกับลูกให้ปลอดภัยนะหมอโจ”
คุณหมอวัยกลางคนพร้อมพยาบาลซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวของตระกูลซันสมิธรีบเข้าไปดูคนเจ็บ นามาโร่ดึงแขนภรรยาไปยืนหลังห้อง ก่อนจะมองเลยไปยังร่างของภูผาที่นอนนิ่งบนเตียง เจ้าพ่อแห่งท้องทะเลเชื่อว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเขาคงได้ประวัติแขกผู้มาเยือนในยามวิกาล เพราะเจมส์ทำงานรวดเร็วและได้ข้อมูลละเอียดเสมอ แวนด้ามองท้องนูนใหญ่ของหญิงแปลกหน้า ภาวนาให้เด็กในท้องแข็งแรงและรอดปลอดภัย อย่างน้อยในความโหดร้ายของพายุก็ไม่ใจร้ายดูดกลืนลมหายใจของพวกเขาไป นามาโร่เข้าใจจิตใจของภรรยาเป็นอย่างดีจึงยกมือโอบไหล่บางและบีบเบาๆ แวนด้าเงยหน้าขึ้นสบตาสามี แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยสองแม่ลูกที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“พวกเขาต้องปลอดภัย”
แวนด้ายิ้มกับคำปลอบโยนที่มาพร้อมรอยยิ้มของสามี แล้วหันไปลุ้นอาการของคนทั้งสองอย่างใจจดจ่อ
ใจกลางกรุงเทพฯ คืนเดียวกัน รอบคฤหาสน์นพคุณที่ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบสามสิบไร่ ยังคงเปิดไฟสว่างต่างจุดต่างๆ แม้สมาชิกในบ้านนอนหลับใหลใต้ผ้าห่มผืนหนา เสียงฟ้าร้องคำรามและสายฝนยังคงเทลงมาไม่หยุด สายฟ้าสว่างวาบเข้ามาในห้องนอนของคุณหญิงบุหงา นพคุณ ตามมาด้วยเสียงร้องคำรามดังลั่นจนเจ้าของห้องสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก มือยับย่นยกขึ้นทาบอกอย่างตกใจ พอได้สติก็เอื้อมไปเปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงทันที
“ทำไมวันนี้ฟ้าร้องน่ากลัวจัง” คุณหญิงพึมพำกับตัวเองพลางวางเท้าลงข้างเตียงเพื่อจะเดินไปปิดหน้าต่าง แต่พอจะลุกขึ้นยืน สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตายืนอยู่มุมหน้าต่าง
“นั่นใคร แม่อาจเหรอ...” คุณหญิงเรียกชื่อคนรับใช้ประจำตัว แต่ร่างนั้นก็ไม่ยอมขานรับ คิ้วโก่งสวยของคุณหญิงบุหงายกขึ้นอย่างแปลกใจ พอจะเดินเข้าไปปิดหน้าต่าง เสียงเย็นยะเยือกของคนที่ยืนหลบอยู่ก็ดังขึ้น
“ผมเองครับคุณแม่...”
“ตานพเองเหรอลูก กลับมาเมื่อไหร่จ๊ะ แม่ไม่ได้ยินเสียงรถเลย” คุณหญิงยิ้มอย่างดีใจ ขณะเดินมาหยุดตรงหน้าลูกชายคนโต
“ผมมาลาคุณแม่ครับ ผมบุญน้อย คงไม่มีโอกาสดูแลคุณแม่อีกแล้ว...”
เสียงเย็นยะเยือกของบุตรชาย ทำให้คุณหญิงหนาวไปถึงขั้วหัวใจ ดวงตายับย่นของผู้เป็นแม่จ้องมองใบหน้าซีดขาวราวกระดาษของบุตรชายอย่างหวั่นใจ ร่างสูงค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ และก้มลงไปกราบที่เท้าของผู้ให้กำเนิด
*** ขอบคุณคร้า ***
