2.หัวใจสลาย
*** ทักทายคร้า ***
นพดนัยส่ายหน้า มือข้างหนึ่งโอบเอวหนาของภรรยาไม่ยอมปล่อย สองขาตีน้ำเพื่อพาร่างเมียรักเข้าหาฝั่ง ความหนาวเหน็บของน้ำบวกกับลมฝนที่กระหน่ำลงมาทำให้นพดนัยตาพร่าลาย เรี่ยวแรงใกล้หมด ลมหายใจรวยรินลงทุกขณะ
ในวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ เขาได้แต่ภาวนาให้ลูกและเมียปลอดภัย แม้ต้องเอาลมหายใจเข้าแลกเขาก็ยอม สายฟ้าสว่างวาบเป็นเส้นสาย ตามด้วยเสียงคำรามรับอย่างน่ากลัว เหมือนท้องฟ้าและผืนน้ำรับรู้คำร้องขอสุดท้ายของชายหนุ่ม มือที่กอดร่างเมียและลูกคลายออกช้าๆ แล้วร่างของนพดนัยก็ค่อยๆ จมหายลงไปโดยที่ภูผาไม่ทันสังเกต เมื่อน้ำหนักตัวของนายหญิงเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภูผามองข้ามไปยังอีกร่างที่ขนาบอยู่ด้านซ้ายแต่ก็ไม่เห็นใคร ภูผาถึงกับผงะ รีบหันกลับไปมองข้างหลัง
“นาย! นาย! ไม่!!!” ภูผาตะโกนลั่นพื้นน้ำเมื่อศีรษะของนพดนัยจมหายลงไปใต้น้ำต่อหน้าต่อตา
ชิดจันทร์ปรือตาขึ้น หันกลับไปมอง หัวใจแทบแหลกสลายเมื่อเห็นสามีจมน้ำหายไปต่อหน้า
“นพ! นพ! กรี๊ด!!!” ชิดจันทร์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พยายามจะปล่อยมือออกเพื่อตามนพดนัยลงไป แต่ภูผาจับมือขาวซีดไว้
“ไม่นะครับนายหญิง นายหญิงต้องรอดนะครับ เพื่อนายน้อย” ภูผาตะโกนแข่งกับเสียงฝน
ชิดจันทร์ร้องไห้แทบหมดเรี่ยวแรงที่จะหายใจ แต่พอได้ยินเสียงคนสนิทของสามีเอ่ยถึงลูก เธอก็ได้แต่ร้องไห้แข่งกับสายฝนจนกระทั่งหมดสติไป
ภูผารวบรวมสติ มองไปรอบๆ แล้วหันมามองใบหน้าซีดขาวที่พาดอยู่บนถังน้ำมันสีน้ำเงิน เขาจะตายไม่ได้เพราะหน้าที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังไงเขาต้องพานายหญิงกับนายน้อยไปถึงฝั่งให้ได้ ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นและจงรักภักดี ทำให้ภูผามีพลังฮึดสู้ ฝ่าฟันกับคลื่นลมและพายุอย่างไม่กลัวเกรง
ท่ามกลางพายุกลางทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง บนวิลล่าสุดหรูที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาสูงของเกาะเสือหมอบ ร่างสูงสง่าของนายใหญ่แห่งเกาะผู้มีนามว่า มานาโร่ ซันสมิธ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ สวมชุดกางเกงแพรสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อยืดสีขาว ยืนมองประกายฟ้าแปลบปลาบกลางทะเล สายลมหวีดร้องโหยหวนน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เสียงฝีเท้าคุ้นเคยเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆ ทำให้ใบหน้าขาวสะอาดของเจ้าพ่อแห่งท้องทะเล ผู้มีธุรกิจเดินเรือครอบคลุมไปทั่วทั้งยุโรปและเอเชียหันไปมอง ก่อนจะยิ้มให้กับร่างสูงโปร่งของแวนด้า ภรรยาสุดที่รัก
“ลูกหลับแล้วเหรอที่รัก” มือหนาสอดเข้าไปกอดเอวคอดรั้งเข้าหาตัว แล้วลูบไล้สะโพกผายมนเบาๆ อย่างเล้าโลมอยู่ในที
“ค่ะ กว่าจะหลับได้ อ้อนแม่ว่าอยากมาดูพายุกลางทะเลกับพ่อ” แวนด้าสอดมือไปโอบเอวหนาจากข้างหลัง แล้วเงยหน้าขึ้นรับจุมพิตดูดดื่มของสามี
“กล่อมลูกแล้วก็ต้องกล่อมพ่อด้วยนะรู้มั้ย” นามาโร่ขยับริมฝีปากออกห่าง ยิ้มให้ภรรยาตาหวานเชื่อม มือหนาเริ่มอยู่ไม่สุข ป้วนเปี้ยนบนอกอวบอิ่มใต้เสื้อนอนตัวสวยของเธอ
“แล้วไม่คิดจะกล่อมแม่ของลูกบ้างเหรอคะ คุณพ่อสุดหล่อ” แวนด้ายกมือคล้องคอหนา และเอียงหน้าจูบริมฝีปากหนาของสามีอย่างเอาใจ
นามาโร่กอดรัดร่างอวบอิ่มของภรรยาแนบชิดกับกายร้อน ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางอย่างเล้าโลมและลากนิ้วต่ำลงมานวดคลึงสะโพกผายเต่งตึงเบาๆ ปลายลิ้นสอดลึกเข้าไปในโพรงปากชื้น ตวัดรัดลิ้นกันอย่างดูดดื่ม เสียงฟ้าคำรามดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง ตามด้วยสายฟ้าแลบเป็นเส้นโค้งสว่างวาบไปทั่วพื้นน้ำ แวนด้าชะงักเมื่อเห็นจุดดำเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่หน้าเกาะ มือบางที่โอบลำคอหนาอยู่เลื่อนลงมาดันอกกว้างของสามีออกห่าง
“มีอะไรเหรอแวนด้า” นามาโร่ก้มมองภรรยาอย่างแปลกใจแล้วก้มลงจูบไซ้ลำคอขาวผ่อง
แวนด้าพยายามเพ่งมองไปยังจุดเดิม แต่ความมืดก็ทำให้เธอไม่เห็นอะไร “หยุดก่อนคะ ฮึ่ม”
“บอกมาก่อนสิที่รัก มีอะไรน่าสนใจมากกว่าสามีสุดหล่อคนนี้” นามาโร่บอกเสียงอู้อี้ ขณะซุกไซ้ลำคอขาวไล่ขึ้นมาตามดวงหน้า
“อื้อ...ฉันเห็นอะไรบางอย่างลอยเข้ามาใกล้ๆ เกาะของเรา”
คราวนี้เป็นฝ่ายนามาโร่ที่ชะงัก สองมือประคองแก้มนวลของภรรยาแล้วจูบหนักๆ บนริมฝีปากนุ่มทีหนึ่งแล้วถอนออก
“ตาฝาดหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ คุณให้คนเอาเรือออกไปดูได้ไหม เผื่อเป็นคนของมอลต้าเราจะได้ตั้งรับทัน” แวนด้าเอ่ยถึงคู่แข่งทางธุรกิจเดินเรือของสามี ทำให้นามาโร่นิ่งคิดนิดหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขากลัว แต่ไม่อยากให้ใครเข้ามาบุกรุกในพื้นที่ส่วนตัวมากกว่า
“ตรงไหนแวนด้า”
“หน้าเกาะค่ะ”
ดวงตาคมกริบสีฟ้าเข้มมองตามปลายนิ้วของภรรยา ความมืดและสายฝนที่กระหน่ำลงมาทำให้เขาไม่เห็นอะไร แต่เพื่อความสบายใจของภรรยา ใบหน้าคมขาวสะอาดจึงหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านนอก
“เจมส์ เอาเรือเร็วออกไปดูหน่อย มาดามเห็นบางอย่างอยู่หน้าเกาะ”
ร่างสูงใหญ่ของเจมส์ หัวหน้าบอดี้การ์ดโค้งรับคำสั่งแล้วเดินลงไปชั้นล่าง
*** ขอบคุณคร้า ***
