9
ดึกแล้วทิพย์วารีนอนไม่หลับได้แต่จับปลายเท้าของพี่มึนเล่นหล่อนอุ้มพี่หมีขาวมานั่งบนเตียงแทนที่คนใจร้าย อยากจะเอามากอดรัดฟัดทั้งตัวแต่ก็ไม่กล้า กลัวเจ้าของเขาจะว่าเอา......
“เจ้าของพี่มึนคงจะอยู่กับคุณน้องอรแน่เลย.....ดึกป่านนี้ยังไม่กลับ....เขาคงจะคืนดีกันแล้วใช่ไหมจ๊ะพี่มึนจ๋าแต่ก็ดีนะ......น้ำจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเนอะพี่มึนเนอะ...” ทิพย์วารีนอนคุยเหงา ๆ กับเจ้าหมีตัวโตจนดึก...กระทั่งหล่อนได้ยินเสียงก็อกแก๊กที่หน้าประตูห้องนอน
หญิงสาวรีบปิดไฟหัวเตียง ใจเต้นระทึก เมื่อตอนหัวค่ำหล่อนปิดประตูลงกลอนแน่นหนา ถึงแม้คนอื่นจะมีกุญแจไขเข้ามา แต่ก็เข้าไม่ได้อยู่ดี….หล่อนได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ สักพักก็มีเสียงฝีเท้าเดินจากไป.......ทิพย์วารีถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยหล่อนก็รู้วิธีเอาตัวรอดได้บ้างแล้ว
เช้านี้ทิพย์วารีรีบออกไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าเพราะไม่อยากเจอสายตากดดันของใคร หล่อนเดินออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถหน้าปากซอย ถึงแม้ว่าคุณป้าอาภาจะให้รถไปรับไปส่งแต่หล่อนก็ปฏิเสธด้วยไม่อยากทำตัวเป็นภาระ เพราะรู้ดีว่าเป็นแค่ผู้อาศัย ไม่ใช่ลูกสาวเจ้าของบ้าน....ก็เพราะเมื่อตอนที่หล่อนก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ใหม่ ๆ คนใจร้ายได้ตอกย้ำซ้ำ ๆ ให้หล่อนรู้ตำแหน่งแห่งหนของตนอย่าได้วางตัวประหนึ่งเป็นลูกสาวบ้านนี้เด็ดขาด....ในตอนนั้นหล่อนไม่เข้าใจว่าเขาเกลียดอะไรหล่อนหนักหนา ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้อยู่ดี......
ปริ๊น....ปริ๊น..... เสียงแตรรถดังขึ้นข้างหลัง หญิงสาวหันกลับไปมองก็พบรถยนต์คันหรูสีดำซึ่งหล่อนจำได้ดีว่าเป็นของเขา
“ขึ้นรถ...” สั่งเสียงเข้มจัด
ทิพย์วารีกอดกระเป๋าไว้แนบอก ราวกับให้มันช่วยปกป้องจากภัยร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามา…หล่อนทำอะไรไม่ถูก ขาเจ้ากรรมก็ไม่ยอมก้าวเดินหนีไป กลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ดั่งมีใครตรึงเอาไว้
“ขึ้นรถเร็ว ๆ เข้า” ปราบหน้าตึงขึ้งเครียดตะโกนเร่ง
ทิพย์วารีจำต้องขึ้นรถตามคำสั่งเพราะมีรถคันหลังตามบีบแตร ในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้
“คุณปราบส่งหนูที่หน้าปากซอยก็ได้ค่ะ” ทิพย์วารีกลั้นใจพูดออกไปทั้งที่กลัวแทบแย่ แค่เสี้ยวหน้าด้านหนึ่งก็เห็นแล้วว่าผู้เป็นเจ้าของอยู่ในอารมณ์ไหน...ไม่พอใจอะไรอีกล่ะ...ไม่ได้ขอให้รับมาด้วยสักหน่อย
“เมื่อคืนทำไมถึงไม่ยอมเปิดประตู” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้มจัด
“คือ..หนูหลับแล้วค่ะ”
“โกหก...”
ทิพย์วารีเม้มปากแน่น ...ใช่...หล่อนโกหก แต่ก็เพื่อปกป้องตัวเองหรือเปล่าล่ะ...หญิงสาวได้แต่คิดในใจ...เขาทำเหมือนตัวเองเป็นจ้าวชีวิตทั้งที่เป็นคนผิดแท้ ๆ
“ต่อไปนี้ห้ามล็อคประตูเด็ดขาด”
“.......”
“อย่าคิดที่จะต่อต้าน...... ไม่อย่างนั้นฉันจะประกาศให้คนทั้งบ้านรู้ว่าเธอเป็นอะไรกับฉัน.....รวมทั้งที่มหาวิทยาลัยด้วย” ปราบแกล้งขู่ แต่พอเห็นยัยเด็กเซ่อก้มหน้าน้ำตาเอ่อเขาก็พูดเสียงอ่อนลง
“เป็นผู้หญิงของฉันมันลำบากใจมากนักหรือไง”
“หนูไม่อยากเป็นมือที่สามของใครค่ะ”
“เธอไม่ใช่มือที่สาม...พอใจหรือยัง” ปราบเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มลื่นเป็นผลให้คนที่น้ำตาเอ่อกลับกลายเป็นรินไหลไม่ขาดสาย เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากิริยาที่เขากระทำ เหมือนที่พ่อของหล่อนใช้ปลอบเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จึงเหมือนไปกระตุ้นต่อมความเศร้าเข้าอย่างจังปราบชักมือกลับ ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ปล่อยให้ทิพย์วารีร้องไห้เงียบ ๆ เพราะคนเอาแต่ใจอย่างเขาไม่ถนัดที่จะปลอบโยนใครเหมือนกัน....
ปราบขับรถมาจอดที่หน้าตึก ยังความแปลกใจให้แก่ทิพย์วารีว่าเขารู้ได้ยังไงว่าหล่อนเรียนที่ตึกนี้.... หล่อนยกมือไหว้เขาแล้วเปิดประตูรถออกไปเงียบ ๆ ....ยังมีอีกหลายเรื่องค้างคาในใจ หล่อนกับเขาเหมือนพูดกันคนละภาษา...แม้แต่คำว่า....เธอไม่ใช่มือที่สาม.....ยังไม่รู้เลยว่าเข้าใจความหมายตรงกันหรือเปล่า......
ท่านประธานหนุ่มพาเรือนร่างสูงสง่าน่าเกรงขาม เดินเข้าไปในอาคารหรูหราที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆของเมืองไทย พนักงานต่างก้มหน้าทำงานของตัวเองง่วน บางคนหลีกไม่พ้นก็ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท สาเหตุที่ไม่มีใครอยากเจอตัวเป็น ๆ ของท่านประธาน ก็เพราะกิตติศัพท์ทางด้านความเด็ดขาด ดุดัน เอาจริงเอาจังกับงานทุกอย่าง หากใครทำดีจะได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า แต่ถ้าหากใครทำผิดพลาดมักไม่ได้รับโอกาสให้แก้ตัว...อาจจะเพราะเหตุนี้ทำให้บริษัทก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปราบเข้ามารับช่วงต่อจากมารดา เห็นได้จากโบนัสของพนักงานที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา..พนักงานทุกคนจึงยอมรับในตัวของท่านประธานอย่างไม่มีข้อกังขา
เมธาเลขาหนุ่มมาดขรึมเฉกเช่นผู้เป็นนาย เขาได้ชื่อว่าเป็นเลขาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดและอยู่กับปราบมานานจนรู้ใจกันทุกอย่าง
“เมธา...นายช่วยให้ใครไปจัดการหาเสื้อผ้าของใช้ผู้หญิงเตรียมไว้ที่คอนโดฉันให้หน่อย” ปราบสั่งพร้อมกับบอกไซส์เสร็จสรรพ
“ครับ” เมธารับคำโดยไม่ถามซอกแซก และรับรองได้เลยว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยภายในเวลาอันสั้น
ปราบนั่งลงทำงาน ปัดความคิดฟุ้งซ่าน แพขนตางอนที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาหรุบลงมาปิดดวงตากลมโตที่แดงช้ำไม่มิด ภาพนั้นตามมาหลอกหลอนเขาถึงที่ทำงานมันน่านักเชียว....ชายหนุ่มหงุดหงิดคนที่เข้ามาอยู่ในความคิดของเขาทั้งวันจนแทบจะไม่มีสมาธิทำงาน
[เลิกเรียนกี่โมง]
ปราบส่งข้อความไปหายัยตัวต้นเหตุของความว้าวุ่นในวันนี้ ชายหนุ่มรออยู่นาน นอกจากไม่ตอบแล้วยังไม่อ่านอีกด้วย....ทำอะไรของเธออยู่นะ….คนเอาแต่ใจเริ่มหงุดหงิด
ทางด้านทิพย์วารี หล่อนเห็นว่าเป็นเขาจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าราวกับไม่รู้ไม่เห็น สักพักก็มีข้อความเข้ามาอีก….โดยที่หญิงสาวทำเป็นไม่สนใจ
[อย่าท้าทายฉัน]
